ตอนที่ 469 ออกเดินทาง
เสี่ยวหลงเห็นว่าสีหน้านางมีอะไรบางอย่างจึงอดไม่ได้ที่จะถาม“ ทำไมหรือแม่นางรู้จักอี้กงจื่อ?”
หบินซีนเยียนได้สติมุมปากยิ้มอย่างไร้อารมณ์“ถ้าหากข้าทายไม่ผิดละก็น่าจะเป็นคนที่ข้ารู้จัก”
“อ๋ออ”เสี่ยวหลงไม่รู้สึกแปลกใจอะไรหากว่าหลินซีนเยียนรู้จักอี้กงจื่อในเมื่อหลินซีนเยียนก็เป็นช่างยอดฝีมือคนหนึ่งการที่พวกเขารู้จักกันเป็นเรื่องธรรมดาไม่ใช่หรือ?
“ใช่แล้วความเคลื่อนไหวของอัครเสนาบดีอินฉีของหนานเยว่ละ”หลินซีนเยียนถามอีกครั้ง
“พูดถึงอินฉีตอนที่ข้าได้ข่าวสารของเขาข้าก็แปลกใจเล็กน้อยคนของข้าที่ได้ยินมาว่าอินฉีป่วยหนักกลับบ้านเกิดไปรักษาตัวบ้านเกิดของอินฉีเป็นเมืองเล็กๆอยู่ทางใต้ของหนานเยว่ข้าก็ให้คนที่อยู่ทางใต้ไปสืบแต่ว่าเจ้าลองทายดูกองทัพของทางใต้หนานเยว่มีการเคลื่อนไหว”
หลินซีนเยียนตกใจสีหน้าแสดงออกมาว่าแข็งก้าวอินฉีเป็นคนที่ทะเยอทะยานเรื่องนี้นางรู้ดีไม่เช่นนั้นโม่จื่อเฟิงและเขาคงไม่มีเรื่องกันในราชสำนักอยู่บ่อยครั้งตอนนี้โม่จื่อเฟิงตายแล้วดูเหมือนอำนาจทั้งหมดจะถูกยกย้ายแน่นอน
อินฉีอดทนรอมานานในที่สุดก็เลือกที่จะลงมือช่วงเวลาที่ทั้งสองมีสงครามกัน?หนานเยว่ที่ไม่มีโม่จื่อเฟิงคงต้านกบฏอย่างอินฉีไม่อยู่?
ทราทีของหลินซีนเยียนทำให้เสี่ยวใจกระตุก“ดูเหมือนแม่นางหลินจะคิดเช่นเดียวกับข้าหมาป่าอย่างอินฉีในที่สุดก็ออกล่าแต่ไม่ว่าอย่างไรแม่นางก็ไม่ต้องกังวลใจมากนักในหนานเยว่ยังมีตัวหมากสำคัญอยู่อย่างเช่นท่านพ่อของท่าน……”
“พ่อของข้าทำไม?ครั้งนี้เขาคุมทหารอยู่ทางใต้หรือ?”หลินซีนเยียนตกใจมีบางอย่างผิดปกติ
เสี่ยวหลงพยักหน้า”ใช่แล้วตอนนี้ประเทศหนานเยว่และประเทศเป่ยหมิงกำลังจะก่อสงครามดังนั้นผู้บังคับการทหารส่วนใหญ่ถูกส่งไปยังชายแดนระหว่างสองประเทศในเวลานี้อินฉีกำลังเดือดร้อนโชคดีที่จักรพรรดิหนานเยว่สังเกตเห็นล่วงหน้า พวกเขาทั้งหมดถูกส่งออกไปและมีคนเหลือไม่มากดังนั้นพวกเขาจึงส่งพ่อของท่านไปประจำการที่ทางใต้ ”
เป็นเรื่องบังเอิญหรือ?
หลินซีนเยียนอดไม่ได้ที่จะมีความอึดอัดใจความรู้สึกที่อินฉีมีต่อนางนางรู้ดี ไม่ว่าจะเปลี่ยนใครไปทางใต้ อินฉีก็ไม่ปล่อยให้รอดเงื้อมมือไปได้อยู่ดี กลับส่งพ่อของนางหลินเทียนเฉินไปซะงั้น!
นางรู้สึกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อเร็วๆนี้เช่นเดียวกับเครือข่ายขนาดใหญ่ที่ดึงผู้คนทั้งหมดเข้าไปค้นหาในเครือข่ายนี้ความรู้สึกนี้ทำให้คนรู้สึกหายใจไม่ออก
แต่ก็ไม่รู้จะหาทางออกอย่างไร
ค่ำคืนที่เงียบสงบสายลมหนาวเล็กน้อยบางทีอาจเพราะลืมปิดหน้าต่างหลินซีนเยียนนอนไม่ค่อยหลับทั้งคืน
ในความฝันนางเห็นโม่จื่อเฟิงลางๆเขานั่งที่ข้างเตียงแล้วลูบแก้มนางความอบอุ่นที่ได้รับนั้นคล้ายจริงมากเพียงชั่วครู่น้ำตานางก็ร่วงหล่นออกมาแต่ว่าเมื่อนางลืมตาขึ้นภายในห้องมืดสนิทมีเพียงเสียงลมหายใจของหนีหว่านที่ยืนยันความจริงนี่ได้
ที่แท้ทั้งหมดเป็นเพียงความฝันเท่านั้น
นางเพียงยิ้มกับตัวเองถึงแม้จะเป็นความฝันในความฝันสามารถพบเขาได้ยิ่งทำให้นางรู้ถึงคุณค่าและอยากให้ความฝันนี่ดำเนินต่อไป
นางหลับตาลงอีกครั้งสักพักในความฝันความอบอุ่นของมือคู่นั้นยังคงปรากฏ……
ตั้งแต่เช้าตรู่ลานในโรงเตี๊ยมก็ครึกครืนคนของทั้งสามตระกูลจัดข้าวของเสียงดังจนทำให้หลินซีนเยียนตื่น
เมื่อหลินซีนเยียนจัดข้าวของเสร็จแล้ว คนของทั้งสามตระกูลก็จัดข้าวของใกล้หมดแล้ว ภายในห้อง หรงเย่ หลิงสู่ แลัหลี่อวิ๋นซ่าน ทั้งสามรอนางที่โต๊ะกินข้าว
เมื่อเห็นนางเขามาหรงเย่กระตือรือร้นที่สุดที่ไปทักแล้วเชิญนางนั่งนางยิ้มเบาๆเลือกที่นั่งแล้วนั่งลงไป
ผู้คนที่รออยู่ด้านข้างมองนางด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความนับถือบางทีอาจเพราะหลายปีมานี้การเป็นเพียงหญิงสาวธรรมดาที่สามารถนั่งร่วมโต๊ะทานข้าวกับทั้งประมุขทั้งสามตระกูลใหญ่ได้
ยังคงเป็นหรงเย่ที่ผู้พูดคนที่อายุครึ่งของร้อยปีรู้จักปรับบรรยากาศดังนั้นเวลาส่วนใหญ่ฟังเขาพูดหลิงสู่และหลี่อวิ๋นซ่านแค่ตอบกลับสองสามประโยคเท่านั้นแต่หลินซีนเยียนแค่นั่งกินอาหารของตัวเองเงียบๆ
ผู้คนในเมืองเมื่อเห็นว่าคนเหล่านี้ไปในทิศทางของแหล่งกำเนิดเกิงจีนดูเหมือนจะเข้าใจได้มากมาย แต่นี่เป็นสังคมปลาใหญ่กินปลาเล็กถ้าต้องการเนื้อชิ้นนั้นก็ต้องดูว่าตัวเองมีความสามารถหรือไม่มิฉะนั้นก็ไปตายเปล่าๆดังนั้นคนส่วนใหญ่เพียงแค่ดูพวกเขาออกไปด้วยดวงตาที่อิจฉามีเพียงบางคนที่ใจกล้าพอที่จะแอบตามไปด้านหลัง
แต่ไม่ว่าอย่างไรสุดท้ายคนที่แอบตามไปไม่ถึงครึ่งวันก็ถูกคนของตระกูลใหญ่ฆ่าแล้วนำศพมาทิ้งไว้ที่ทางเข้าเมืองเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดูคนอื่นๆที่มีความคิดที่จะตามไปพวกเขาทิ้งความคิดที่จะตามไปทันที
หลังจากเดินทางมาทั้งวันและในช่วงเวลาที่เหลือหลินซีนเยียนและหนีหว่านก็พักในเต็นท์ที่สร้างขึ้น และเสี่ยวหลงส่งอาหารซึ่งเป็นเนื้อแกะย่าง เสี่ยวหลงเพิ่งจะตัดชิ้นต่อไปด้วยกริชและส่งมอบให้กับหลินซีนเยียนก็ได้ยินเสียงทะเลาะวิวาทกันนอกเต็นท์
หลินซีนเยียนขมวดคิ้วนำเนื้อแกะยื่นให้กับหนีหว่านจากนั้นก็ลุกขึ้นยืนออกไป
นางออกจากเต๊นท์มามองดูเสียงเอะอะโวยวายที่แท้มาจากตรงที่ย่างเนื้อแกะไม่รู้ผู้ติดตามของตระกูลไหนกำลังด่าทอคนที่รับผิดชอบย่างเนื้อแกะทั้งตัวกำลังย่างอยู่แต่ว่าเนื้อแกะเหลือไม่มากนักเนื้อแกะที่อยู่ในมือทั้งสองคนเป็นส่วนท้องที่มีเนื้อไม่เยอะดังนั้นจึงไม่พอใจเป็นอย่างมาก
หลินซีนเยียนไม่อยากยุ่งกับเรื่องนี้เท่าไรนักแต่ไม่รู้เพราะอะไรมองไปที่ชายชราผู้รับผิดชอบแกะย่างแล้วนางก็ทนไม่ได้ที่จะเดินเข้าไป
“ไอ่แก่นี้หากไม่ใช่เพราะว่าเมื่อวานเจ้าย่างแกะได้อร่อยถูกใจประมุขของเราก็คงไม่พาพวกเจ้าสามคนมาย่างแกะให้กับพวกข้า!พวกเจ้ารู้หรือเปล่าว่าพวกข้าเป็นใคร การที่พวกเจ้าได้มาย่างเนื้อให้กับพวกข้าก็ถึงเป็นบุญของพวกเจ้าแล้วพวกเจ้าดูสิเนื้อที่ให้พวกข้าเป็นเนื้ออะไรห๊ะ? อย่าคิดว่าพวกข้าเป็นผู้ติดตามประมุขของเราเป็นที่เคารพนับถือของคนเป็นหมื่นสถานะของพวกข้าก็ไม่ใช่น้อยอยังกล้าให้เนื้อแค่นี้กับพวกข้าอีก”
คนที่พูดสวมใส่เสื้อสีขาวอายุราวๆยี่สิบกว่าปีเวลาที่พูดเย่อหยิ่งจากใบหน้าของเขาเห็นถึงการโดนกดขี่มานาน
แต่อย่างว่าเป็นคนของสามตระกูลใหญ่ก็คงคิดว่าตัวเองอยู่เหนือคนพวกนี้