เล่ห์รักกลกาล [ส่วนที่ 2 ภาคครองใต้หล้า] – ตอนที่ 30 สายตามีปัญหา!
ครั้นเยี่ยเม่ยเอ่ยคำพูดนี้ เซียวเซ่อหยางและโอวหยางเทาต่างใจสั่นสะท้าน สองคนมองนางเป็นตาเดียว
เซียวเซ่อหยางเอ่ยถาม “องค์หญิง ท่านไม่กังวลเลยสักนิดหรือว่าหลังจากพวกเราพบขุมสมบัติแล้วจะทนความเย้ายวนไม่ไหว ฮุบสมบัติไปสิ้น”
เยี่ยเม่ยมองพวกเขา หัวเราะเอ่ยว่า “หากพวกเจ้าคิดทำเช่นนั้นจริง คงไม่รอจนถึงวันนี้ค่อยเอาภาพมาต่อกันเป็นครั้งแรกแล้ว อีกอย่าง…ชื่อเสียงเทพกระบี่ทักษิณ ราชาดาบอุดร ข้าเคยได้ฟังมาบ้าง พวกเจ้ากระทำความดีมาหลายปี ต้องมีจิตใจดีงาม ย่อมเชื่อถือได้ หากข้าระแวงพวกเจ้า ในทางกลับกันจะกลายเป็นข้าต่างหากที่ใจแคบ!”
ครั้นนางตอบเซียวเซ่อหยางกับโอวหยางเทาต่างก้มหน้าลง ประสานมือคารวะเยี่ยเม่ย “พวกเราไม่มีทางผิดต่อความเชื่อใจขององค์หญิงเด็ดขาด!”
มิน่าท่านเสนาบดีถึงบอกว่า องค์หญิงคู่ควรให้เชื่อถือ ไม่ว่าจะนิสัยใจคอหรือว่าความสามารถ
ขุมสมบัติชิ้นโตนี้นางไม่กังวลว่าพวกเขาสองคนจะฮุบไปสักนิด ไว้วางใจพวกเขาอย่างสุดจิตสุดใจ
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเขาก็ต้องตอบแทนด้วยความจงรักภักดีจากใจเช่นเดียวกัน
เยี่ยเม่ยพยักหน้า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราก็อย่าได้เสียเวลาอีกเลย หากพวกเจ้าไม่มีเรื่องอื่นอีก ก็รีบออกเดินทางหาขุมสมบัตินั้นเถอะ!”
“ดี!”
โอวหยางเทาพยักหน้ารับอย่างรวดเร็ว
เซียวเซ่อหยางฟังแล้ว สีหน้ายังละล้าละลังอยู่บ้าง “องค์หญิง ข้ายังมีเรื่องส่วนตัวต้องจัดการ ดังนั้นข้าหวังว่าค่อยออกเดินทางพรุ่งนี้!”
“ไม่เป็นไร! เจ้าไปจัดการธุระก่อนก็แล้วกัน!” เยี่ยเม่ยไม่ถามว่าเป็นเรื่องส่วนตัวอะไรก็รับปากแล้ว
เซียวเซ่อหยางเห็นเยี่ยเม่ยเป็นเช่นนี้ ในใจก็เลื่อมใสนางขึ้นอีก
เขาพยักหน้าตอบว่า “ขอบคุณที่องค์หญิงมีเมตตา เช่นนั้นพวกเราขอตัวก่อน!”
“อืม!”
เยี่ยเม่ยพยักหน้า จากนั้นเซียวเซ่อหยางและโอวหยางเทาก็เดินออกไป
หลังจากออกไปแล้ว โอวหยางเทาถามขึ้นด้วยความฉงน “นี่พี่ชาย เจ้ายังมีเรื่องส่วนตัวอันใดต้องไปทำอีก ทำไมข้าไม่เห็นรู้เลย หรือว่าเจ้าปิดบังเรื่องด้านนอกกับข้า ข้ายังเป็นพี่น้องสุดที่รักของเจ้าอยู่หรือเปล่า
เซียวเซ่อหยาง “…เจ้าอย่าได้ทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเราคลุมเครือขนาดนี้จะได้ไหม”
ต่อให้เขามีเรื่องอะไรภายนอก แล้วทำไมเขายังต้องปิดบังโอวหยางเทาด้วย เขาไม่ได้ผิดอะไรสักหน่อย
มีความจำเป็นต้องปิดบังโอวหยางเทาด้วยหรือ
โอวหยางเทาตบบ่าเซียวเซ่อหยาง เล่นหูเล่นตาใส่ “พวกเราสองคนถือกระบี่ท่องทั่วหล้ามาหลายปี ทั้งยังมีชื่อเสียง ผู้คนเรียกพวกเราเป็นหนึ่งเหนือ หนึ่งใต้ หรือว่าแบบนี้ยังไม่คลุมเครืออีก”
“ข้าเชิญให้เจ้าไปตายเลยไป!”
เซียวเซ่อหยางเอ่ยอย่างใจดำ
โอวหยางเทารีบทำทีเป็นเสียอกเสียใจสิ้นหวัง กลั้นน้ำตาเอาไว้
จากนั้นเซียวเซ่อหยางก็ไม่ใส่ใจเขาอีก เดินจ้ำออกไป โอวหยางเทาเลิกก่อเรื่องติดตามไปถามว่า “สรุปแล้วเจ้ามีเรื่องอันใดกันแน่”
“เรื่องของซินเยว่เยี่ยน!”
เซียวเซ่อหยางตอบด้วยเสียงนิ่งๆ
โอวหยางเทาค่อยเข้าใจ เซียวเซ่อหยางเคยถกปัญหานี้กับเขาก่อนหน้าแล้ว
ขณะเอ่ย
ซินเยว่เยี่ยนก็วิ่งเข้ามาหาพวกเขาอย่างร้อนรน ยามนางเห็นเซียวเซ่อหยางดวงตาก็วาวโรจน์ “เซียวเซ่อหยางเจ้าอยู่ที่นี่ก็ดี ข้ามีเรื่องจะขอร้องให้เจ้าช่วย”
นางตามหาเขาเพื่อคุยเรื่องถอนหมั้นมาตลอด วันนี้จะต้องหาทางเกลี้ยกล่อมให้เขาเป็นฝ่ายถอนหมั้นให้ได้
โอวหยางเทาเห็นซินเยว่เยี่ยนใบหน้ายิ้มแย้ม ยังหลงคิดว่านางไม่พบคู่หมั้นมานาน เวลานี้พบเซียวเซ่อหยางจึงเก็บงำความดีใจไว้ไม่อยู่ หลังจากมองซินเยว่เยี่ยนด้วยความเห็นใจก็ปลีกตัวออกไปก่อนชั่วคราว
ซินเยว่เยี่ยนเห็นสายตาโอวหยางเทามอง ก็รู้สึกประหลาดพิกล นางมองแผ่นหลังโอวหยางเทาด้วยความฉงน เอ่ยปากถาม เซียวเซ่อหยางว่า “นั่นมันสายตาอะไรของเขากัน”
“สายตาปัญหา!” เซียวเซ่อหยางตอบอย่างไร้อารมณ์
เดิมทีการพูดคุยเรื่องถอนหมั้นกับซินเยว่เยี่ยน เขาก็รู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก ไม่รู้ควรเอ่ยปากอย่างไรดี ถึงลดการทำร้ายแม่นางผู้นี้ให้น้อยลงอย่างถึงที่สุด ในเวลานี้โอวหยางเทาชิงใช้สายตาเห็นใจออกไปเสียก่อน…
นี่…
อีกประเดี๋ยวเขาเอ่ยเรื่องถอนหมั้นขึ้นมา ซินเยว่เยี่ยนฉุกคิดถึงแววตาของโอวหยางเทาต้องเสียใจขึ้นเป็นทวีคูณแน่ เมื่อคิดเช่นนี้ เซียวเซ่อหยางอยากอัดโอวหยางเทาสักยกหนึ่ง
ตอบออกไปในเวลาอย่างนี้คงไม่ดีแน่
โอวหยางเทาได้ยินคำตอบที่ว่าสายตามีปัญหาอย่างชัดเจน เขากระตุกมุมปากทีหนึ่ง ใจคิดว่าพี่น้องช่างไร้คุณธรรม พูดจาไม่เกรงใจบ้างเลย
แต่ว่าอีกเดี๋ยวผู้อื่นจะคุยเรื่องถอนหมั้น เขาไม่สะดวกจะยั่วยุอีกฝ่าย ดังนั้นต้องรีบจากมา
ซินเยว่เยี่ยนไม่ใส่ใจ
เอ่ยปากว่า “ข้ามีเรื่องจะคุยกับท่าน ท่านสะดวกไหม”
“สะดวก!” เซียวเซ่อหยางตอบ จากนั้นก็เสริมว่า “ข้าเองก็มีเรื่องอยากคุยกับเจ้าพอดีเหมือนกัน!”
“อย่างนั้นพวกเราไปกันเถอะ!”
อย่างไรที่นี่ก็เป็นหน้าห้องเยี่ยเม่ย พวกเขาไปหาที่คุยกันจะเหมาะสมกว่า
……
สวนหลังจวน
เซียวเซ่อหยางมองซินเยว่เยี่ยนก็รู้สึกลังเล สตรีตรงหน้ารูปงามชวนหวั่นไหว วรยุทธ์สูงส่ง พูดจาตรงไปตรงมา ถึงเซียวเซ่อหยางจะมีนิสัยนิ่งเฉย แต่ในใจกลับชื่นชมสตรีเช่นนี้
สตรีเช่นนี้เป็นคู่หมั้น เขาสมควรไม่เรียกร้องอะไรอีก แต่ว่าไม่ช้าเขาต้องร่วมการกอบกู้ราชวงศ์จงเจิ้งแล้ว เรื่องนี้มีโอกาสตายถึงเก้าส่วน ทั้งยังอาจถูกฆ่าล้างตระกูล หากนางเป็นคู่หมั้นของเขาหรือว่าเป็นภรรยาของเขา อย่างนั้นเซียวเซ่อหยางย่อมทำให้นางลำบากไปด้วย
ดังนั้นการหมั้นหมายนี้ ต้องถอนหมั้นให้ได้
เมื่อคิดได้เซียวเซ่อหยางก็อึดอัดคับข้องอยู่ในใจ รู้สึกยากรับไหวมองใบหน้างามยิ้มแย้มของซินเยว่เยี่ยน ชั่วขณะนั้นไม่รู้สมควรเอ่ยอะไรดี
ซินเยว่เยี่ยนเอ่ยปาก “เรื่องที่ข้าจะเอ่ยนั้น เกรงว่าท่านน่าจะไม่อาจรับได้ ดังนั้นท่านพูดมาก่อนเถอะ!”
ไม่ว่าอย่างไรนางเป็นฝ่ายขอให้บุรุษถอนหมั้น สำหรับผู้ชายแล้วก็นับเป็นเรื่องเสื่อมเสียเกียรติเรื่องหนึ่ง ดังนั้นซินเยว่เยี่ยนยังลังเลอยู่ ถึงยอมใจกว้างให้เซียวเซ่อหยางเอ่ยก่อน
“เจ้าพูดมาก่อนเถอะ” เซียวเซ่อหยางไม่อาจเอ่ยออกมาได้ง่ายๆ เรื่องที่เขาจะเอ่ยเกรงว่านางก็ยากรับไหวเช่นกัน
ซินเยว่เยี่ยนมองท่าทางละล้าละลังของเขา พลันรู้สึกไม่พอใจ “เป็นชายอกสามศอกยังจะพิรี้พิไรอันใดอีก ข้าบอกให้ท่านพูดก่อน ท่านก็ว่ามาเถอะ!”
“นี่…” เซียวเซ่อหยางรู้สึก….
แต่เมื่อซินเยว่เยี่ยนเอ่ยถึงขั้นนี้แล้ว เขายังลังเลก็ได้แต่เอ่ยออกไป แต่ว่าจะให้พูดก่อนเขาก็พูดไม่ออก หลังจากลังเลอยู่ครู่ใหญ่ ก็เอ่ยว่า “อย่างนั้น ข้า…ข้า…”
เซียวเซ่อหยางอึกอักอยู่นาน เอ่ยอย่างลังเลว่า “ข้าอยาก…ข้า…” เขาพูดไม่ออกจริงๆ คำพูดโหดเ**้ยมเช่นนั้น หากซินเยว่เยี่ยนฟังแล้วรับไม่ได้ คิดไม่ตก อย่างนั้น…
“ท่าน…ท่านทำไม” ซินเยว่เยี่ยนแปลกใจมา “ทำไมเอาแต่อ้ำๆ อึ้งๆ อยู่ได้ ท้องผูกหรือไง ”