ที่แท้….ฉันเป็นลูกเศรษฐี! – ตอนที่ 629

ตอนที่ 629

บทที่ 629 ต่างก็มากันทั้งหมด

ในงานเลี้ยงวันเกิดของเฉินหนาน ตั้งแต่ที่ เฉินเกอได้เดินเข้ามาในงาน บรรยากาศก็เริ่มเปลี่ยนไป

โดยเฉพาะอารมณ์ของหวางกุ้ยฟาง ที่ได้ประทุออกมา ราวกับวัยทองที่หมดประจำเดือน

ที่ตัวเธอเองนั้น ต่างก็มองออกว่า ลูกสาวของตนกับไอ้หมอนั้นมีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดา อีกอย่าง ตัวเองก็เคยผ่านมาแล้ว หวางกุ้ยฟางเองก็พอจะรู้ชัดว่า ลูกสาวเธอนั้น คิดอย่างไรกับผู้ชายคนนี้

แต่กับหวางเผิงนั้น กลับปฏิบัติอีกอย่าง

หากเป็นอย่างนี้ต่อไป หรือว่า ทำให้คุณชายหวางไม่พอใจ งั้น คงจะวุ่นวายกันใหญ่แน่

หากตัวเอง ซึ่งเป็นแม่แล้ว ไม่คิดหาทางออก เกรงว่าจะไม่ได้แล้ว

เพราะไม่อยากให้ลูกสาวตัวเอง ถลำลึกไปไกลกว่านี้

ดังนั้น ในระหว่างที่นั่งอยู่โต๊ะทานข้าวนั้น หวางกุ้ยฟางก็ได้แสดงสีหน้าที่ไม่พอใจเฉินเกอเป็นอย่างมาก

“พระกระโดดกำแพง มาแล้ว”

ในเวลานี้ อาหารก็เริ่มจะมาเสริฟ์แล้ว

จากนั้น พนักงาน ก็ได้เสริฟ์อาหารที่ควรจะสั่งในงานวันเกิด

แล้วผู้จัดการร้าน ก็ได้เดินตามมาอย่างติด ๆ

ผู้จัดการคนนี้ อยู่ในวัยกลางคน รูปร่างอ้วน เพื่อเป็นการให้เกียรติแก่คุณชายหวาง เขาจึงได้มาเอง และก็ได้อธิบายอาหารอย่างละเอียด

และเป็นการให้เกียรติตระกูลเฉินด้วย

หวางกุ้ยฟางเอง ก็คิดว่าได้รับเกียรติอย่างมากเหมือนกัน

ร้านอาหารในจินหลิงนั้น เฉินเกอก็ได้กินมาหมดแล้ว เมื่อก่อน ได้ยินมาว่า พระกระโดดกำแพง ของโรงแรมหลงเถิงนี้ มีชื่อเสียงมาก แต่ว่า เฉินเกอก็ไม่เคยมากินสักที

และเมนูนี้ ก็เพิ่งจะได้กินเป็นครั้งแรกเหมือนกัน

“คุณครับ คุณรู้จัก พระกระโดดกำแพงไหม”

ในขณะที่ เฉินเกอกำลังจะชิมอยู่นั้น ผู้จัดการห้องอาหารก็ได้รับสัญญาณจากสายตาของหวางเผิง จากนั้น ก็ได้ขัดจังหวะของเฉินเกอ

“ไม่ค่อยรู้เท่าไร”

เฉินเกอส่าสยหน้า

“ฮืม แค่ดู ก็รู้ว่ามาจากบ้านนอกใช่ไหม มาที่นี่เป็นครั้งแรกใช่ไหม”

ผู้จัดการพูดด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างจะดูถูก

และ คนในงานจำนวนมาก รวมทั้งผู้หญิงอีกหลาย ๆ คน ต่างก็พากันวางตะเกียบลง

และรู้เลยว่า ผู้จัดการคนนี้ จงใจจะทำอย่างนี้

เพราะ ผู้จัดการโรงแรมนั้น ไหนจะกล้าพูดจาแบบนี้กับแขก

“หมายความว่าไง มาครั้งแรก แล้วมันจะผิดอะไร”

เฉินเกอก็เลยได้พูดขึ้นมา จากนั้น ก็มองไปที่เขา

“พระกระโดดกำแพง เมนูนี้ ปกติมีไว้สำหรับแขกพิเศษของโรงแรมเท่านั้น แต่ว่าคนอย่างนาย ที่เป็นเหมือนกับคนที่ไม่เคยเจอโลกกว้าง กินแล้ว มันจะเสียของเปล่า ๆ เด็ก ๆ เก็บอาหารเมนูนี้”

ผู้จัดการยืนเอามือไข้วหลัง แล้วออกคำสั่งขึ้น

“ได้ยังไงกัน”

ส่วนเฉินหนานนั้น เริ่มมีสีหน้าที่ไม่พอใจ และรู้สึกโกรธ ผู้จัดการคนนี้ ไม่ใช่แค่ดูถูกแขก และยัง ไม่ให้เกียรติแขกอีกด้วย

เธอเองก็รู้ว่า หวางเผิงเป็นคนสั่งให้ทำแบบนี้

หวางเผิงเป็นถึงคุณชาย และคงจะมีหุ้นส่วนกับที่นี่อยู่มาก

ผู้จัดการเอง ก็รู้จักดี

ประจบประแจงคุณชายหวาง ต่อไป ธุรกิจคงราบรื่น ไม่มีอุปสรรค

แต่กลับกัน ที่ได้ดูถูกไอ้หมอนี่ ส่วนตัวเองนั้น ก็จะได้รับความไว้วางใจจากคุณชายหวาง โอกาสนี้ ผู้จัดการจะปล่อยให้หลุดมือไปได้อย่างไรกัน

หวางเผิงคอยดูสถานการณ์ไปเรื่อย ๆ และก็ได้ยิ้มอย่างชอบใจ

“เดี๋ยวก่อน”

เฉินเกอวางตะเกียบที่อยู่ในมือลง

จากนั้น ก็มองที่ผู้จัดการ แล้วพูดขึ้นว่า

“คุณทำธุรกิจ แต่ว่า บางที อย่าทำปฏิกิริยาที่ไม่งามมากจนเกินไป นี่คือพื้นฐานทางธุรกิจ ต้องใส่ใจกับแขกทุก ๆ คน นี่คือความรับผิดชอบของคนทำธุรกิจ ผู้จัดการ คุณคงจะโกรธสินะ”

เฉินเกอพูดขึ้น พร้อมกับรอยยิ้ม

“ฮืม ไอนี่ แกไม่ต้องมาสอนฉัน แกจนขนาดนี้ คนอื่น ๆ เหมาะกับที่จะมานั่งทานข้าวที่นี่ แต่แกนั้น ไม่เหมาะเป็นอย่างยิ่ง เห็นแก่หน้าของคุณชายหวางกับคุณหนูเฉินหนาน ฉันไม่ไล่แกออกไป ก็บุญหัวขนาดไหนแล้ว อวดดียังไง กล้ามาสั่งสอนฉัน หัดตักน้ำใส่กะโหลกบ้างนะ”

ผู้จัดการตอบกลับ ด้วยอาการโกรธ

และเขาเอง ก็พูดเกินไปจริง ๆ

ซึ่งคุณชายหวางเอง ก็อยากจะให้เป็นแบบนี้เหมือนกัน

ไอ้กระจอก จะเล่นกับฉันเหรอ ดูสิ นายจะเอาอะไรมาสู้กับฉัน

“เด็ก ๆ รปภ ล่ะ เอาไอ้นี่ออกไปจากโรงแรมเดี๋ยวนี้ แล้วเขียนป้ายหน้าโรงแรมไว้ด้วยว่า ต่อไป ห้ามนำสุนัข และ คนคนนี้ เข้ามาอีก”

ผู้จัดการได้ตะโกนไปด้านนอก แล้วสั่งการขึ้น

ไม่นานนัก เหล่า รปภ เหมือนกับว่าเตรียมตัวอยู่นานแล้ว ทันใด จะพุ่งเข้ามาในห้อง ประมาณสี่ ห้าคน

ราวกับว่า พวกเขานั้น ได้วางแผนไว้ล่วงหน้าแล้ว

“ตอนแรก ฉันว่าจะให้นายได้มีพื้นที่ได้ยืนหน่อย แต่ตอนนี้ เป็นนายเองที่ไม่ต้องการ”

เฉินเกอมองไปที่ผู้จัดการ แล้วก็ยิ้มด้วยอาการนิ่ง ๆ

“เฉินเกอ อย่าใช้กำลัง”

ส่วนเฉินหนานนั้น เธอเองก็ตกใจเหมือนกัน

เธอรู้ว่า เป็นแผนของหวางเผิง ที่จงใจจะให้ผู้จัดการมาดูถูกเฉินเกอแบบนี้

และหากว่า เฉินเกอลงมือกับผู้จัดการคนนี้

อย่างนั้น หวางเผิงคงจะมีวิธีเล่นงานเฉินเกอแน่

ดังนั้น เฉินหนานจึงได้ห้ามเฉินเกอเอาไว้

“ลงมือหรอ เฮอะ ๆ ฉันไม่ทำอะไรไอ้พวกนี้หรอก มันไม่คุ้ม ทีแรก มันก็น่าจะโดนตบอยู่หรอกนะ แต่ตอนนี้ ไม่คู่ควรแล้ว”

เฉินเกอพูด พร้อมกับรอยยิ้ม

“นี่แก ฉันว่าแกไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วแหละ เด็ก ๆ ยกมันออกไป แล้วโยนทิ้งซะ”

ผู้จัดการสั่งการด้วยน้ำเสียงที่เข้มขรึม

จากนั้น ก็มองไปยังหวางกุ้ยฟางและคนอื่น ๆ

“คุณผู้หญิงหวาง คุณผู้ชายเฉิน วันนี้ผมเสียมารยาทแล้ว เพราะผมทนดูคนอวดดี และสามหาวแบบนี้ ที่มันจะนั่งร่วมกับพวกคุณไม่ไหวแล้ว โปรดอภัยด้วย”

ทันใดหวางกุ้ยฟางจึงลุกขึ้น แล้วพูดขึ้นว่า

“เสียมารยาทที่ไหนกัน ผู้จัดการก็พูดเล่นไป เรื่องบางเรื่อง คุณจัดการเองได้เลย ส่วนคนอื่นที่ไม่มีความเกี่ยวข้องนี้ พวกเราเอง ก็ไม่สนใจเหมือนกัน”

หวางกุ้ยฟางเหลือบมองไปที่เฉินเกอ ด้วยหางตา

ส่วนเฉินเกอได้หยิบโทรศัพท์ออกมา แล้วกดส่งข้อความออกไป

และ รปภ เหล่านั้น ก็เตรียมที่จะเข้ามาจับเฉินเกอไป

เฉินเกอเลยพูดขึ้นว่า “อย่าเพิ่งรีบ รอก่อนสักพัก เดี๋ยวประธานบริษัทของพวกแก ก็จะมาแล้ว”

“ประธานจางหรอ เขาจะมาได้เหรอ แม่ง ประธานจางของพวกเราเป็นใคร แค่ข้อความเดียวของแก จะทำให้ประธานจางของพวกเรามาเลยเหรอ แกก็แค่คอมเพลนกับเขาเท่านั้น ฮ่า ๆ ฉันจะบอกแกให้นะ ข้อความที่คอมเพลนทั้งหมด มันอยู่ที่ฉัน ไอ้งั่ง เดี๋ยวแกคอยดูเถอะ”

ผู้จัดการหัวเราะยกใหญ่

ส่วน รปภ ที่ยืนอยู่ตรงนั้น ต่างก็หัวเราะกันหมด

“แกคิดว่าแกเป็นใคร”

หวางกุ้ยฟางกำลังคีบอาหารใส่ปาก แล้วก็เหลือบมองอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้น ก็เทน้ำร้อนที่อยู่ในแก้วลงพื้น อย่างฉับพลัน ซึ่งก็ไปโดนที่เท้าของเฉินเกอ ซึ่งมันเป็นการระบายอารมณ์ของตัวเอง

ในระหว่างที่ผู้จัดการ กำลังจะบอกให้ รปภ นั้น ลงมือ

โทรศัพท์มือถือของเขา ทันใด ก็ดังขึ้น

จากนั้น ผู้จัดการเลยหยิบโทรศัพท์ออกมา เห็นเบอร์ที่โทรเข้ามา ถึงกลับต้องตะลึง

“ประธานจางเหรอ”

เขาพูดขึ้นด้วยอาการตกใจ

“คุณอาจาง โทรมาจริงเหรอ”

ในเวลานี้ หวางเผิงก็ได้ก้มลงดูนาฬิกาที่ข้อมือ และอดไม่ได้ที่จะส่ายหน้า และพูดขึ้น

และคิดว่า ไอ้นี่ มันไม่ธรรมดาแล้ว ขนาดจะโทรไปร้องเรียน ยังโทรไปที่โทรศัพท์ของคุณอาจางได้

โรงแรมหลงเถิงเป็นโรงแรมในจินหลิง ที่มีรูปแบบการบริหาร โดยใช้บุคคลในครอบครัวเป็นผู้บริหาร และกรรมการ ซึ่งเป็นแบบแผนในการบริหารโรงแรมทั่วประเทศ

แต่ว่า ช่องทางการคอมเพลน ในระดับโรงแรมที่ใหญ่ขนาดนี้ ไม่ใช่ว่า ใคร ๆ ก็จะสามารถทำได้

ซึ่งก็เหมือนกับที่ผู้จัดการได้พูดไว้ ข้อความการคอมเพลนทั้งหมด ต้องผ่านเขาก่อน

และนี่ จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เขานั้น กล้าที่จะทำอะไร ได้ตามอำเภอใจ

แค่คนจน ๆ คนหนึ่ง สามารถทำให้เกิดการสั่นสะเทือนขนาดนี้เลยเหรอ

แต่ว่า ประธานจางนั้น เป็นผู้จัดการโรงแรมสาขาใหญ่ในจินหลิง ดังนั้น ผู้จัดการห้องอาหาร เลยไม่กล้าที่จะไม่ให้ความสนใจ

หลังจากที่พยักหน้าให้หวางเผิงแล้ว ก็รีบรับโทรศัพท์ทันที

“ครับ ๆ ๆ”

“อะไรนะ”

“ผม……ผมทราบแล้วครับ”

ผู้จัดการห้องอาหารได้พูดแค่สามประโยค แต่สีหน้าของเขานั้น กลับซีดขาวไป และที่หน้าผากก็มีเหงื่อไหลออกไม่หยุด

เห็นได้ชัดว่า เขาตื่นเต้นมาก

หวางเผิงเลยถามขึ้นว่า “คุณอาจางกับพ่อของฉันนั้น สนิทกัน คงไม่ใช่เป็นเพราะว่า เรื่องไอ้หมอนี่ จะทำให้คุณอาจางถึงกับตำหนิคุณนะ ไม่อย่างนั้น ฉันจะให้พ่อของฉัน โทรหาคุณอาจาง”

“คงไม่ใช่เพราะไอ้หมอนี่หรอก ท่านประธานเองก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่สะเทือนไปทั้งบอร์ดบริหาร ประธานจางบอกว่า เดี๋ยวพวกเขาจะมาเจอกันที่โรงแรมหลงเถิง แม้แต่ประธานคนก่อน ที่นอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลยังต้องมา”

“โอ้ว พระเจ้า บริษัทไม่เคยมีสถานการณ์แบบนี้ เกิดขึ้นมาก่อน เดี๋ยวผมต้องเตรียมตัวต้อนรับ และคอยให้รายละเอียดกับพวกเขาแล้วแหละ”

ผู้จัดการห้องอาหาร พูดขึ้นด้วยอาการตื่นเต้น

ที่แท้….ฉันเป็นลูกเศรษฐี!

ที่แท้….ฉันเป็นลูกเศรษฐี!

Status: Ongoing

เรื่องย่อ ณวันนั้น พี่สาวกับพ่อแม่ที่ทํางานอยู่ต่างประเทศบอกกับตัวเองอย่างกะทันหันว่า ตัวเองเป็นทายาทเศรษฐี ครอบครองสมบัติหลายล้าน เฉินเกอคิดในใจว่า ฉันเป็น ทายาทเศรษฐีจริงๆหรอ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท