บทที่ 729 มดเล็กกินช้างใหญ่
เมืองหนานหยางที่ท่าเรือเกาะฮ่องกง
บัดนี้ที่นี่เป็นจุดที่ฮือฮามาก
มีคนมามุงดูเป็นจำนวนมาก
ที่แท้มีคนหนึ่งกำลังคลานอยู่บนพื้นทำให้เป็นที่จับตามองของทุกคน
ทุกคนต่างกระซิบกระซาบพูดคุยกัน แต่ไม่มีใครกล้าก้าวเข้ามาหนึ่งก้าวเพื่อช่วยเหลือเขา
“โอ้โห นี้ไม่ใช่หลี่เจิ้นกั๋วที่เป็นประธานหลี่เหรอ?”
ในที่สุดก็มีคนจำคนที่อยู่ตรงหน้าได้
ใช่แล้ว คนนี้ไม่ใช่ใครอื่น ซึ่งคือประธานหลี่ที่มีชื่อเสียงในแวดวงธุรกิจ
โอ้สวรรค์ ประธานหลี่เป็นใครกัน ทำไมตอนนี้ถึงตกอับเพียงนี้?
เขาหวาดกลัว
และเมื่อเขาพูดเช่นนี้ คนจำนวนไม่น้อยต่างหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูป
เพราะประธานหลี่ที่อยู่ตรงหน้า บัดนี้ร่างกายได้รับบาดเจ็บไปทั้งตัว และเส้นเอ็นทั้งแขนและขาของเขาก็ถูกกระทืบจนหัก
ทำให้คนสงสารเวทนายิ่งนัก
“ท่านประธานหลี่ทำไมท่านถึงมีสภาพเช่นนี้ล่ะครับ ผมได้ยินว่าท่านอยู่ที่เมืองจินหลิงมิใช่หรือครับ ทำไมถึงกลับมาที่ท่าเรือกะทันหันล่ะครับ?”
เห็นได้ชัดว่าชายวัยกลางคนนี้รู้จักกับประธานหลี่ จึงได้เข้ามาถามอย่างสงสาร
และในเวลาเดียวกันยังรีบเอาน้ำเปล่าของตนออกมาเพื่อจะให้หลี่เจิ้นกั๋วที่คอกำลังแห้งดื่ม
ผลปรากฏว่ายังไม่ทันเข้าปากก็ถูกคนแตะทิ้งออกไป
เป็นบอดี้การ์ดหลายคนที่เดินมาอย่างยิ้มเยาะเย้ย
“ไอ้เฮีย ไอ้อ้วนเอ้ยไม่อยากตายก็รีบไสหัวไปเร็วๆ อย่ามาสาระแนยุ่งเรื่องของคนอื่น ไม่เช่นนั้นนายจะจบชีวิตอยู่ที่นี่!”
บอดี้การ์ดชุดดำกล่าวอย่างเย็นชา
ชายวัยกลางคนอยากจะต่อต้าน แต่เมื่อเห็นคนเหล่านี้ไม่ธรรมดาจึงไม่กล้าที่จะหยุดยั้งการกระทำต่ำทรามนี้
ขณะนี้จึงได้แต่จากไปอย่างสลดใจ
ส่วนหลี่เจิ้นกั๋วอยากเอาน้ำขึ้นมาดื่มสักอึกหนึ่ง
ผลปรากฏว่าถูกบอดี้การ์ดชุดดำเหยียบสองมืออย่างสุดแรง
เหยียบบนหลังมือจนสาหัสแล้วยังกดทับอย่างรุนแรงอีกด้วย
“ไม่ใช่เคยพูดแล้วเหรอว่าไม่ดื่มน้ำเป็นเวลาเจ็ดวัน วันนี้เพิ่งจะวันที่สามเองก็ทนไม่ไหวแล้วเหรอ!ไอ้เฮีย ยังคิดว่าเป็นตัวเด่นของตระกูลเฉินอยู่อีกเหรอ ยังคิดจะให้คนนำน้ำมาให้ดื่ม จากนี้ไปตระกูลเฉินเปลี่ยนชื่อเป็นตระกูลซีเหมินแล้วโว๊ย พวกนายก็เป็นได้แค่สุนัขของตระกูลซีเหมินเท่านั้นแหละ!”
บอดี้การ์ดพูดอย่างเย็นชา
ส่วนหลี่เจิ้นกั๋วกระหายเต็มแก่จึงฝืนไปดื่มน้ำที่กระเด็นอยู่บนพื้น
“แม่งเอ้ย นายอยากดื่มน้ำมากนักใช่ไหม?ฮ่าๆๆๆๆ พรรคพวกเอ๋ยโยนเขาลงแม่น้ำดีไหม ถ้าเขาสามารถมีชีวิตว่ายขึ้นมาบนฝั่งได้ก็ถือสักว่าเขาโชคดี?”
บอดี้การ์ดพูดอย่างหัวเราะเยาะ
“ดี!”
พวกเขาขานตอบอย่างพร้อมเพรียบกัน
พูดถึงเฉินเกอหลังจากที่ออกจากเกาะแห่งนั้นในแถบทะเลตะวันออกเฉียงใต้
และผ่านมาที่เกาะฮ่องกงเพื่อเตรียมจะกลับเกาะของบ้านตระกูลเฉิน
บังเอิญมาเจอภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้า
เพียงแต่บัดนี้เขาไม่อยากจะไปยุ่งเรื่องของคนอื่นมากนัก
กำลังเตรียมตัวจะเดินผ่านไป
เมื่อได้ยินเสียงร้องคำรามด้วยความเจ็บปวดของหลี่เจิ้นกั๋ว เขายังคิดว่าหูของตนฝาดไป
สุดท้ายเมื่อหันหน้าไปมองก็เป็นหลี่เจิ้นกั๋วจริงๆ!
เป็นไปได้อย่างไรกัน?
เปลือกตาเฉินเกอกระตุก
บัดนี้จึงไปปรากฏตัวตรงหน้าคนเหล่านี้
“เจิ้นกั๋ว!”
เฉินเกอเรียกอย่างไม่อยากจะเชื่อ
หลายวันก่อนได้พบหน้ากันยังดีๆอยู่เลย และเจิ้นกั๋วกำลังจัดการเรื่องการโอนย้ายกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินอยู่ และตัวเขาอยู่ที่เมืองจินหลิงแล้วนี้มันเกิดอะไรขึ้น?
ส่วนหลี่เจิ้นกั๋วเมื่อได้ยินเสียงเรียกของเฉินเกอก็แหงนหน้าขึ้นมองอย่างตัวสั่น
“คุณ……คุณชายเฉิน?”
ชั่วขณะนั้นหลี่เจิ้นกั๋วน้ำตาไหลริม
เหมือนตอนอยู่ในความมืดมิดแล้วได้พบเจอแสงสว่างอีกครั้ง
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
เฉินเกอรีบถาม。
“เป็นฝีมือของตระกูลกู่กับสำนักฟีนิกซ์ที่มายึดครองตระกูลเฉินแล้วมอบให้เมืองไท่ตระกูลซีเหมินเป็นผู้ดูแล พวกเขาแย่งทรัพย์สมบัติทั้งหมดของตระกูลเฉินไป!ผมต่อต้านพวกเขาจึงถูกจับมาอยู่ที่นี่ครับ!”
หลี่เจิ้นกั๋วพูดอย่างสะอึกสะอื้น
“อืม?คนนี้เป็นใคร?หรือเป็นคุณชายเฉินคนนั้นที่ตระกูลกู่กำลังตามหาอยู่?”
ส่วนบอดี้การ์ดด้านข้างต่างสบตากัน บัดนี้แววตาของพวกเขาเกิดประกายระยิบระยับ
ตอนนี้ตระกูลกู่สั่งการให้ตระกูลซีเหมินไปทรมานผู้ที่เป็นคนของตระกูลเฉิน เพื่อที่จะได้ล่อเฉินเกอคนนี้ออกมา และฉวยโอกาสจับตัวเขาไว้
ฮ่าๆๆๆ ตอนนี้ดีมาก คนนี้มาให้จับตัวถึงที่เลย
พอถึงเวลานั้น พวกเขาทั้งหลายก็จะร่ำรวยแล้ว
“ตระกูลซีเหมินของพวกนายยังจับใครไปบ้าง?ลุงสองเฉินผิงอันพวกเขาล่ะ?”
เป็นไปอย่างที่คิดไว้จริงๆ ตระกูลเฉินเกิดเรื่องแล้ว
และคิดไม่ถึงว่าตระกูลกู่กับจิ่วโล๋หวางสะกดรอยตามตนมาถึงที่นี่ได้
บัดนี้เฉินเกอมองบอดี้การ์ดสามคนที่ควบคุมตัวหลี่เจิ้นกั๋วอยู่อย่างโมโห
“ฮาๆๆๆ!”
ส่วนบอดี้การ์ดต่างหัวเราะชอบใจ
“ไอ้โง่นี้กำลังถามพวกเราอยู่เหรอ?”
“ใช่ แถมยังมีสีหน้าโมโหด้วย?”
เหล่าบอดี้การ์ดพูดอย่างดูถูกเหยียดหยาม
ส่วนเฉินเกอได้ขมวดคิ้วไว้แน่น
บัดนี้ได้ยกฝ่ามือขึ้นมาจู่โจมตบไปยังหน้าผากของบอดี้การ์ดคนหนึ่ง
เสียงดัง ปัง หนึ่งครั้ง
ภาพที่ปรากฏตรงหน้าเหมือนราวกับกระสุนปืนใหญ่ได้ยินใส่แตงโมรูปหนึ่ง ซึ่งหัวสมองของคนนี้ได้แตกเป็นเสี่ยงๆ
“หา!”
ผู้คนรอบข้างต่างตกใจกลัวจนวิ่งหนีอย่างกระเจิดกระเจิงแบบไร้เงาคนอยู่ต่อ
ส่วนบอดี้การ์ดสองคนที่เหลือก็ตกใจจนเอ๋อไปเลย
“โอ้โห!เขาเก่งกาจมากๆ ที่แท้พวกเราไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาเลย!”
บอดี้การ์ดทั้งสองสบตากันแวบหนึ่ง
รู้สึกกระวนกระวายเป็นอย่างมาก
มิน่าล่ะตระกูลกู่ถึงต้องใช้เวลาจับตัวเขาตั้งนานขนาดนี้ เขาเป็นคนที่เก่งกาจอย่างนี้นี่เอง!
“เกิดอะไรขึ้น?ผมถามเป็นครั้งสุดท้ายกับพวกนายแล้วนะ!”
เฉินเกอพูดอย่างเย็นชา
“เชอะ พวกเราไม่บอกหรอก ถ้าพวกเราบอกไปแล้วคุณจะฆ่าพวกเราทันที แต่ถ้าพวกเราไม่บอก ถ้าอย่างนั้น……”
“ผัวะ!”
พวกเขายังไม่ทันพูดจบ เฉินเกอก็ดีดนิ้วเบาๆจนทำให้หัวพวกเราสองคนแตกสลายเป็นชิ้นเล็กๆ!
“เจิ้นกั๋ว ผมจะรักษาแผลให้คุณก่อนนะ!”
เห็นหลี่เจิ้นกั๋วที่เจ็บปวดจนทนไม่ไหว
ร่างของเฉินเกอแค่ขยับเพียงเล็กน้อยก็นำเขามาอยู่ที่ป่าไม้
แน่นอน ตอนนี้เฉินเกอจะรักษาคนไม่จำเป็นต้องใช้วิธีเหมือนเมื่อก่อนแล้ว
บัดนี้เฉินเกอได้ปิดตาทั้งสองข้างลงเล็กน้อย
จากนั้นก็เห็นบนหน้าผากของเขาค่อยปรากฏนัยน์เทพศุภรวิเศษขึ้นมา
แสงประกายสีทองได้ครอบคลุมตัวของหลี่เจิ้นกั๋วเอาไว้
จากนั้นบาดแผลบนตัวหลี่เจิ้นกั๋วก็ได้หายไปในชั่วพริบตาเดียวจนน่าอัศจรรย์ใจ
หลังจากที่แสงประกายสีทองได้จางหายไป
หลี่เจิ้นกั๋วรู้สึกว่าร่างกายของตนเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นมา
เห็นเฉินเกอในตอนนี้ไม่มีความน่านับถือเกรงขามอีกต่อไป แต่เสมือนเป็นดั่งปีศาจก็ไม่ปาน จึงมองเฉินเกออย่างไม่อยากจะเชื่อ
“คุณชายเฉิน……ท่าน!?”
หลี่เจิ้นกั๋วไม่กล้าพูด เพราะเขาหายดีหมดแล้ว
“เรื่องพวกนี้ค่อยว่ากันทีหลัง ตระกูลเฉินเกิดอะไรขึ้นกัน?”
เฉินเกอถาม
บัดนี้หลี่เจิ้นกั๋วจึงได้เล่ารายละเอียดยิบย่อยให้ฟัง
ที่แท้……
ห้าวันก่อนตระกูลเฉินก็เกิดเรื่องขึ้นแล้ว
สำนักฟีนิกซ์กับตระกูลกู่จับตัวประธานเก่าเฉินผิงอันถึงที่บ้านและในขณะเดียวกันยังจับตัวพวกฟางเจี่ยนนันไปด้วย แย่งชิงทรัพย์สมบัติทั้งหมดของตระกูลเฉินไป หลี่เจิ้นกั๋วต่อต้านพวกเขาจึงถูกพวกเขาจับตัวมา
และหุ่นเชิดของพวกเขาคือเมืองไท่ตระกูลซีเหมิน
ตอนนี้คนของตระกูลซีเหมินที่อยู่ในเกาะฮ่องกงช่างเหิมเกริมสิ้นดี
ทรมานคนของตระกูลเฉินทุกวิถีทาง
“และที่สำคัญ พอพวกเขารู้ว่าฟางเจี่ยนนันเป็นคู่หมั้นของคุณแล้ว จึงถูกคุณชายของตระกูลซีเหมินขายตัวไปที่บาร์แห่งหนึ่งเพื่อหยามศักดิ์ศรีให้เป็นสาวนั่งดริ้ง ตอนนี้ได้ยินว่าตระกูลกู่ได้วางกับดักที่บ้านตระกูลเฉินเป็นที่เรียบร้อยแล้ว รอเพียงให้ท่านไปติดกับเท่านั้นเอง!”
หลี่เจิ้นกั๋วเล่าเรื่องทั้งหมดที่ตนรู้ออกมา……