ที่แท้….ฉันเป็นลูกเศรษฐี! – ตอนที่ 864

ตอนที่ 864

บทที่ 864 ถุงผ้า

“เจินเหมย เธอไปก่อน ฉันจะจัดการพวกเขา!”

เฉินเกอกำชับเจินเหมยที่อยู่ข้างหลังทันที

เจินเหมยก็พยักหน้า เธอรู้ดีว่าเธอไม่ควรอยู่เพื่อเพิ่มปัญหาให้กับเฉินเกอ ยังไงซะเธอเองก็ไม่เป็นวิทยายุทธเลย

พูดจบ เจินเหมยก็หันจากไป รีบไปหากำลังเสริม

ขณะนี้เฉินเกอต่อสู้กับพวกชิวหลิ่งทั้งสามเพียงลำพัง

เผชิญหน้ากับความไม่พอใจอย่างหนักของทั้งสาม เฉินเกอก็ต้องมีออกแรงอยู่บ้าง

อย่างไรก็ตามความแข็งแกร่งของทั้งสามคนนี้อยู่ในระดับขอบเขตเจินเสินแล้ว เฉินเกอไม่สามารถเอาชนะพวกเขาได้อย่างราบรื่น วิธีเดียวที่ทำได้คือยื้อเวลาเอาไว้ และหาโอกาส

“ตูม!”

เวลานี้ เฉินเกอถูกชิวหลิ่งปล่อยฝ่ามือโจมตีจนปลิวว่อนออกไป

เฉินเกอบินออกไปราวกับสายของว่าวที่ขาด ตกกระแทกกับพื้นอย่างแรง

“พู่!”

ทันใดนั้น เฉินเกอก็กระอักเลือดออกมา

ฝ่ามือของชิวหลิ่งไม่เบาเพียงพอที่จะทำลายกำแพงลมปราณภายในร่างกายของเฉินเกอเกิดความยุ่งเหยิง

“หึ ไอ้นี่ คิดไม่ถึงว่านายเองก็เข้าสู่ระดับขอบเขตเจินเสินแล้ว มีความสามารถพิเศษด้านวิทยายุทธจริงๆ น่าเสียดายที่แกทำให้คนที่ไม่ควรโกรธเคืองเกิดความเกิดความโกรธ ชีวิตของแกไม่สามารถเก็บไว้ได้แล้ว น่าเสียดายจริงๆ!”

ชิวหลิ่งจ้องเฉินเกอที่อยู่ตรงหน้า ทันใดนั้นก็พูดอย่างเสียดายเล็กน้อย

คนที่อายุน้อยๆ ก็ไปถึงขอบเขตเจินเสินมีไม่กี่คน ต้องรู้ไว้ว่าชายชราอย่างพวกเขาต้องดิ้นรนมานานหลายสิบปีก่อนที่จะไปถึงขอบเขตเจินเสิน

พูดจบ ชิวหลิ่งยกกระบี่ในมือขึ้นและฟันแทงมาด้านเฉินเกอ

เฉินเกอเห็นเช่นนั้น รู้ว่าครั้งนี้ตัวเองจบเห่แล้ว ทันใดนั้นก็ปิดตาแน่น รอการมาถึงของความตาย

และในเวลานี้ เฉินเกอนึกถึงถุงผ้าที่สวีหมีเคยให้ตัวเองไว้

ทันทีที่คิด เฉินเกอก็รีบเปิดถุงผ้าออก

วินาทีถัดมา แสงสีทองแผ่ออกมาจากในถุงผ้าส่องสว่างไปทั่วสวนดอกไม้ด้านหลัง

แสงสีทองสาดส่อง บังคับพวกชิวหลิ่งทั้งสามต้องถอย ทำให้พวกเขาไม่สามารถลืมตาได้

“สว๊าบ!”

เมื่อกระบี่กำลังจะแทงหัวใจของเฉินเกอ เห็นเพียงร่างหนึ่งที่ร่วงหล่นลงจากหลังคา

“ตุบ!”

หลังจากร่างร่วงหล่นลงมา ปล่อยฝ่ามือออกอย่างรวดเร็ว

ชิวหลิ่งถูกทำลายด้วยฝ่ามือปลิวบินออกไปทันที

ถูกต้อง ผู้มาเยือนก็คือสวีหมี

“อา อาจารย์”

เฉินเกอรู้สึกดีใจเมื่อเห็นสวีหมีมา ตะโกนด้วยเสียงที่อ่อนแอ จากนั้นก็หน้ามืดล้มลงกับพื้นหมดสติไป

สวีหมีเห็นเฉินเกอเป็นลมหมดสติไป หัวใจของเขาก็ลุกเป็นไฟด้วยความโกรธทันที

“ดูเหมือนว่าแกจะเป็นอาจารย์ของไอ้นี่สินะ มาได้จังหวะพอดีเลย งั้นพวกเราก็ฆ่าแกก่อนเลยละกัน!”

ชิวหลิ่งจ้องไปที่สวีหมีอย่างเย็นชาและกล่าวอย่างมั่นใจ

พูดจบ พวกชิวหลิ่งทั้งสามก็ก้าวออกไป พุ่งไปหาสวีหมีอย่างรวดเร็ว

สวีหมียืนอยู่ที่เดิม ถือกระบี่ในมือไว้แน่น สีหน้าไร้ความรู้สึก ไม่มีแม้แต่สีหน้าประหม่าหรือกลัวแม้แต่นิด ยืนสงบมาก

วินาทีถัดมา สวีหมีลงมือ

ดึงกระบี่ออก

รัศมีกระบี่แวบไปอย่างรวดเร็ว

เห็นคราบเลือดเพิ่มขึ้นเส้นหนึ่งบนลำคอของพวกชิวหลิ่งทั้งสามทันที

พวกชิวหลิ่งทั้งสามเบิกตากล้างในเวลาเดียวกัน กุมคอของตัวเองไว้ล้มลงกับกองเลือด

กระทั่งจนตายพวกเขาไม่คิดเลยว่าความแข็งแกร่งของสวีหมีตรงหน้าจะน่ากลัวขนาดนี้

ใช้เพียงแค่หนึ่งกระบี่ก็สังหารพวกเขาทั้งสามได้ทั้งหมด

ตลกแล้ว สวีหมีเต็มไปด้วยความโกรธ และความแข็งแกร่งนั้นก็แข็งแกร่งกว่าพวกชิวหลิ่งทั้งสามมาก

ดังนั้นพวกชิวหลิ่งทั้งสามสำหรับสวีหมีแล้วเป็นเรื่องที่สามารถฆ่าได้อย่างง่ายดาย

เวลานี้ เจินเหมยที่เพิ่งมาพร้อมกับโจวโน่และคนอื่นๆ ได้เห็นฉากนี้ ก็ตกใจเหมือนกัน

เธอคิดไม่ถึงว่าอาจารย์ของเฉินเกอจะแข็งแกร่งมากขนาดนี้ ไม่น่าแปลกใจที่เฉินเกอแข็งแกร่งมากเช่นกัน

มีอาจารย์ที่แข็งแกร่งขนาดนี้ใครๆ ก็สามารถกลายเป็นคนแข็งแกร่งได้

“เฉินเกอ!’

เมื่อดึงสติกลับมาแล้ว เจินเหมยก็พุ่งไปที่ข้างกายเฉินเกอ พยุงเฉินเกอขึ้นและตะโกน

แต่เฉินเกอไม่มีการเคลื่อนไหวและการรับรู้แล้ว

ขณะนี้สวีหมีเก็บดาบเข้าที่ รีบเดินไปที่เฉินเกอดำเนินการตรวจสอบ

“ลมปราณภายในยุ่งเหยิง ต้องรีบรักษา!”

สวีหมีวางมือลงบนชีพจรของเฉินเกอสัมผัสสักพักก่อนที่จะพูดขึ้น

พูดจบ สวีหมีก็อุ้มเฉินเกอขึ้น อุ้มไปนอนลงบนเตียงในห้องของเฉินเกอ

“ออกไป อย่ารบกวนฉันรักษาเฉินเกอ!”

ได้ยินสวีหมีพูดกับเจินเหมยด้วยน้ำเสียงเย็นชา

เจินเหมยฟังแล้ว อยากเปิดปากพูดบางอย่าง แต่คำพูดมาถึงที่ปากแล้วก็ต้องกลืนลงคอไป

ในขณะที่ไม่สามารถทำอะไรได้ เธอจึงต้องฟังสวีหมี ออกจากห้องไป รออยู่หน้าประตูห้อง

เวลานี้ เจินหยุนไห่ก็รีบมา

“เจินเหมย เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

เจินหยุนไห่มองเจินเหมยถามอย่างเร่งรีบด้วยความกังวล

“เฉินเกอได้รับบาดเจ็บ หนูก็ไม่รู้จู่ๆ ก็มีคนที่แข็งแกร่งสามคนพุ่งออกมาจากที่ไหน บอกว่าจะเอาชีวิตของเฉินเกอ!”

เจินเหมยมองดูเจินหยุนไห่พ่อของตัวเองแล้วกล่าวอธิบาย

“อะไรนะ? มีเรื่องที่เหลวไหลขนาดนี้ด้วย กล้าลงมือในจวนตระกูลเจินของฉัน ยังกล้าทำร้ายผู้มีพระคุณของตระกูลเราอีกด้วย ฉันจะต้องตรวจสอบออกมาให้ได้ว่าใครเป็นคนทำ!”

เจินหยุนไห่ฟังแล้ว ทันในนั้นถึงกับตะลึง กล่าวสบถทันทีด้วยความโกรธ

แต่ตอนนี้พวกเขากังวลมากที่สุดก็คืออาการบาดเจ็บของเฉินเกอ ใจของเจินเหมยยังคงแขวนอยู่ เธอหวังเพียงให้เฉินเกอปลอดภัย

“เฉินเกอล่ะ? ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?”

เจินหยุนไห่มองไปที่เจินเหมยถามอีกครั้ง

“อาจารย์ของเฉินเกอกำลังรักษาให้เฉินเกออยู่!”

เจินเหมยตอบเจินหยุนไห่อย่างง่ายเพียงคำเดียว

หลังจากพูดจบ เจินเหมยก็ดึงพ่อของตัวเองเจินหยุนไห่ไปที่อีกฝั่งไม่ไกล

“มีอะไร? เจินเหมย? เรื่องอะไรต้องลึกลับขนาดนี้?”

เจินหยุนไห่มองลูกสาวด้วยความประหลาดใจและถามอย่างสงสัย

“คุณพ่อ พ่อรู้ไหม อาจารย์ของเฉินเกอพลังแข็งแกร่งมาก เมื่อกี้หนูเห็นเขาฆ่าสามคนนั้นด้วยการฟันกระบี่ครั้งเดียว!”

เจินเหมยมองพ่อของตัวเองเจินหยุนไห่แล้วพูดด้วยความตกใจอย่างมาก

เมื่อนึกถึงฉากเมื่อกี้ทำให้เจินเหมยประหลาดใจมาก

“เฮ้อ พ่อก็นึกว่าเรื่องอะไร ลูกก็ดูเฉินเกอสิพลังแข็งแกร่งมากขนาดไหน อาจารย์ของเขาพลังจะแย่ได้ยังไง?”

เจินหยุนไห่ไม่รู้สึกแปลกใจขนาดนั้น กลับตอบกลับเจินเหมยอย่างใจเย็น

พูดตามตรง ในจุดนี้เจินหยุนไห่รู้มานานแล้ว

ตั้งแต่แรกเขารู้สึกว่าสวีหมีอาจารย์เฉินเกอไม่ใช่คนธรรมดา

เพียงแค่สวีหมีไม่ลงมือท่านั้นเอง ถ้าลงมือขึ้นมา ต้องทำให้คนตกใจแน่นอน

“คุณพ่อ พ่อคิดว่าถ้าหนูขอให้อาจารย์ของเฉินเกอรับหนูไว้เป็นลูกศิษย์ด้วย พ่อคิดว่ายังไง?”

ต่อด้วยเจินเหมยบอกกับเจินหยุนไห่

“เจินเหมย เรื่องนี้จะพูดมั่วซั่วไม่ได้ ลูกต้องรู้ว่าเรื่องบางเรื่องไม่ได้ง่ายขนาดนั้น อีกอย่างเขาเป็นถึงอาจารย์ของเฉินเกอ จะเป็นอาจารย์ของลูกอีกได้ยังไง?”

เจินหยุนไห่ฟังแล้ว ก็ตำหนิเจินเหมยทันที

เจินเหมยก็ปิดปากของตัวเองทันที แน่นอนว่าเธอรู้ดีว่าสวีหมีคงไม่มีทางมองตัวเองแน่ๆ เธอก็แค่คิดไปงั้นๆ

ในขณะที่พ่อลูกทั้งสองกำลังคุยกัน ก็เห็นสวีหมีเปิดประตูเดินออกมา

ที่แท้….ฉันเป็นลูกเศรษฐี!

ที่แท้….ฉันเป็นลูกเศรษฐี!

Status: Ongoing

เรื่องย่อ ณวันนั้น พี่สาวกับพ่อแม่ที่ทํางานอยู่ต่างประเทศบอกกับตัวเองอย่างกะทันหันว่า ตัวเองเป็นทายาทเศรษฐี ครอบครองสมบัติหลายล้าน เฉินเกอคิดในใจว่า ฉันเป็น ทายาทเศรษฐีจริงๆหรอ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท