ที่แท้….ฉันเป็นลูกเศรษฐี! – ตอนที่ 892

ตอนที่ 892

บทที่ 892 แดนเผ่าผี

“เฉินเกอครั้งนี้ต้องขอบคุณน้องสาวคนนี้จริงๆ มิเช่นนั้น พวกเราทุกคนคงโดนจัดการหมดแน่!”

จางเล่มองเฉินเกอด้วยความกลัวและขอบคุณเขา

โชคดีที่เจินจีมียาฆ่าแมลงอยู่ในกระเป๋า มิเช่นนั้นคงจะเสร็จแน่ๆ

หลังจากนั้น เฉินเกอก็ทุบขวดยาฆ่าแมลง และเอาของเหลวนั้นทาบนเสื้อผ้าของเขา

“ทุกคนทายาฆ่าแมลงลงบนเสื้อผ้าของตัวเอง เพื่อป้องกันแมงมุม!”

เฉินเกอบอกทุกคนทันที

หลังจากทุกคนได้ฟัง พวกเขาก็ทำตามการกระทำของเฉินเกอทันที และทายาฆ่าแมลงบนเสื้อผ้าและรองเท้าของพวกเขา

ด้วยวิธีนี้ แมงมุมจะไม่กล้ามาเข้าใกล้

ในที่สุดวิกฤตก็จบลง

“แมงมุมเหล่านี้น่าจะเป็นคนเผ่าผีเป็นผู้เลี้ยง คนเผ่าผีได้เลี้ยงแมงมุมขึ้นมา เมื่อแมงมุมดูดเลือด พวกเขาก็สามารถเอา

เลือดออกจากตัวแมงมุม และพวกเขาต้องการใช้มัน!”

ท่านฟ่านพูดอธิบาย

“มันน่าขยะแขยงเหลือเกิน ถึงกับเลี้ยงสิ่งน่ากลัวนี้!”

หลังจากเล๋ยเล่ได้ยิน ก็ด่าด้วยความโกรธ

สิ่งที่น่ากลัวเช่นนี้มีแต่คนเผ่าผีเท่านั้นที่สามารถทำได้

หลังจากนั้น เฉินเกอและพรรคพวกยังคงมองไปรอบๆ

“หัวหน้า ตรงนี้มีประตูหินอยู่ข้างใน!”

ในเวลานี้ มีเพียงสมาชิกในกลุ่มคนหนึ่งวิ่งออกมาจากด้านในสุดของวังใต้ดิน และตะโกนเรียกจางเล่

หลังจากที่จางเล่ได้ยิน ก็รีบพาผู้คนเข้าไปด้านในทันที

เฉินเกอและทั้งห้าคนก็รีบเข้าไปข้างในพร้อมกัน

เข้ามาถึงข้างใน ประตูหินสูงตั้งอยู่ต่อหน้าทุกคน

“ผลักประตูเปิดออก!”

จางเล่รีบสั่งสมาชิกในกลุ่มทันที

“ครับ!”

เมื่อได้ยินคำสั่งของจางเล่ สมาชิกในกลุ่มหลายคนก็ก้าวไปข้างหน้า วางมือบนประตูหิน จากนั้นก็เริ่มผลักประตูหิน

อย่างไรก็ตามแม้ว่าพวกเขาจะใช้พละกำลังทั้งหมด ประตูหินก็ไม่ขยับ

“ประตูหินนี้คงไม่ได้เปิดด้วยพละกำลังคน ต้องมีกลไก!”

เมื่อเห็นสิ่งนี้ เฉินเกอก็พูดทันที

หลังจากพูดจบ เฉินเกอก็มองไปรอบๆเพื่อหากลไกการเปิดประตูหิน

อย่างที่เฉินเกอคาดไว้ เฉินเกอพบข้างกำแพง มีก้อนหินที่สามารถดันเข้าไป

เฉินเกอผลักอย่างแรง และหินก็หดเข้าด้านในทันที

“ตูม!”

หลังจากที่หินเข้าไป ประตูหินก็สั่นสะเทือน จากนั้นก็เปิดขึ้น

“เฮ้ย น้องเฉินเกอช่างร้ายกาจจริงๆ!”

หลังจากจางเล่เห็นก็ชื่นชมเฉินเกอทันที

จากนั้นประตูหินก็เลื่อนขึ้น ทุกคนมองเห็นทุกสิ่งที่อยู่ด้านหลังประตู ทำให้ทุกคนตะลึง เบิกตากว้าง

ด้านหลังประตูหิน มีบ้านกระจกขนาดใหญ่ และสะพานหิน 2 แห่ง ปูพื้นด้วยหิน มองดูก็รู้มันไม่ธรรมดา

ทุกคนรีบวิ่งเข้าไป ที่สะพานหิน ใต้สะพานหินไม่ใช่แม่น้ำหรือสระน้ำ แต่เป็นเหวลึกที่มองไม่เห็นก้นบึ้ง

มันทำให้ผู้คนที่มองเห็นรู้สึกตื่นตระหนกมาก

จากนั้น ทุกคนก็มายืนอยู่ตรงหน้าบ้านกระจกหลังนั้น

“บ้านหลังนี้น่าจะสร้างมานานมากแล้ว ถ้าฉันเดาไม่ผิด ตรงนี้น่าจะเป็นดินแดนจุดศูนย์กลางชนเผ่าผี!”

ท่านฟ่านมองทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้า และอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ

ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงส่วนที่ลึกที่สุดของดินแดนเผ่าผี มันลำบากเหลือเกิน ตลอดเวลาที่ผ่านมา พวกเขาได้ทุ่มเทไปมาก

แต่ในไม่ช้า เฉินเกอและทุกคนก็สังเกตเห็น บ้านหลังนี้มีการล็อกประตูบ้านด้วย

หลังจากที่จางเล่มองดู แล้วเขาก็หันกลับไปและสั่งสมาชิกคนหนึ่งในกลุ่มทันที

“มา เปิดกลอนล็อกนี้!”

เมื่อได้ยินคำสั่งของจางเล่ สมาชิกในกลุ่มรีบตอบรับทันที ก้าวไปข้างหน้า และหยิบเครื่องมือออกมาจากกระเป๋าของเขา

“ก๊อกแก๊ก!”

เสียงที่คมชัด จากนั้นกลอนล็อกถูกงัดออกอย่างราบรื่น

หลังจากที่กลอนล็อกถูกเปิดออก จางเล่ก็เอื้อมมือออกไปผลักประตูให้เปิดออก

จากนั้น ทุกคนก็เดินเข้าไปพร้อมกัน

เมื่อเข้าไปแล้ว ข้างในไม่มีอะไร นอกจากมีแผ่นกลมขนาดใหญ่วางที่ตรงกลาง โดยมีเสาสี่ต้นที่สร้างขึ้นทั้งสองด้าน

“นี่คืออะไร?”

เล๋ยเล่ถามอย่างสงสัย

“นี่น่าจะเป็นสถานที่ที่คนเผ่าผีเอาไว้ฝึกฝน ดูแผ่นกลมนี่สิ นี่มันเป็นที่นั่งสำหรับหัวหน้าเผ่าผี!”

หลังจากท่านฟ่านได้ยิน เขาก็รีบอธิบายทันที

หลังจากฟังคำอธิบายของท่านฟ่าน เล๋ยเล่เข้าใจและพยักหน้า

“แต่ข้างในนี้ไม่มีอะไรเลย เป็นไปได้ไหมว่าเรามาผิดที่!”

จางเล่ขมวดคิ้ว และพูดด้วยความสงสัย

บ้านหลังนี้ไม่มีอะไรเลย นอกจากเสาทั้งสี่ต้น ไม่มีสิ่งมีค่าแม้แต่ชิ้นเดียว

“เป็นไปไม่ได้ นี่คือดินแดนของเผ่าผี ไม่ผิดแน่นอน!”

ท่านฟ่านรีบปฏิเสธคำพูดของจางเล่ทันที และพูดอธิบายด้วยเสียงอย่างหนักแน่น

เมื่อได้ยินสิ่งที่ท่านฟ่านพูด จางเล่ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเชื่อ แต่ในใจของเขาเต็มไปด้วยความผิดหวัง

ไม่นาน จางเล่ก็พาทุกคนค้นหาอีกครั้ง

เฉินเกอและทั้งห้าคนยังคงตรวจสอบในห้อง ต้องการดูว่าสามารถหาอะไรบางอย่างจากแผ่นกลมนี้ได้หรือไม่

ในเวลานี้ ทางด้านจางเล่

จางเล่พาสมาชิกในกลุ่มของเขาเข้าไปในห้องลับข้างๆ

ทันทีที่พวกเขาเข้าไปในห้องลับนี้ จางเล่และคนอื่นๆก็เบิกตากว้าง และตกตะลึง

เนื่องจากในห้องลับนี้มีสมบัติทองคำจำนวนมาก และยังมีเตาหลอมยาขนาดใหญ่อยู่ตรงกลาง ข้างเตามีโต๊ะตัวหนึ่ง

มีขวดขนาดใหญ่และขนาดเล็กวางอยู่บนโต๊ะ

“หัวหน้า มียามากมาย พวกเราจะเอาไปด้วยหรือไม่?”

ในเวลานี้ สมาชิกในกลุ่มรีบถามจางเล่

“เรื่องไร้สาระ แน่นอนสิ ยาพวกนี้ถ้าเอาออกไปคงขายได้ราคาดี นี่เป็นยาที่มีค่าทั้งหมด!”

หลังจากจางเล่ได้ฟัง เขาก็พูดทันที

เมื่อได้ยินสิ่งที่ จางเล่พูดสมาชิกในกลุ่มทุกคนก็เริ่มลงมือทันที สิ่งของภายในทุกอย่างที่เคลื่อนย้ายได้ก็ขนออกไปทันที

ยาพวกนั้นก็เหมือนกัน

ในเวลานี้ เฉินเกอและผู้คนหลายคนที่อยู่ภายนอกเห็นการกระทำของจางเล่ และแสดงสีหน้าประหลาดใจ

แต่เฉินเกอก็ไม่ได้ไปขัดขวางพวกเขา

พวกเขามาที่นี่ด้วยจุดประสงค์ที่แตกต่างจากจางเล่ พวกเขาไม่ได้มาเพื่อเงินทองสมบัติเหล่านั้น ดังนั้นแน่นอนว่าพวกเขา

จะไม่ไปแย่งชิงกับจางเล่และคนอื่น ๆ

“คนพวกนี้มันบ้าคลั่งเกินไปแล้ว!”

หลังจากเล๋ยเล่เห็นแล้ว เขาก็แนบหูของเฉินเกอ พูดกระซิบ

“หึหึ ไม่ต้องไปสนใจมากมาย พวกเราจัดการเรื่องของเราก็พอ!”

เฉินเกอยิ้มจางๆ และเตือนเล๋ยเล่

“พวกเขาจะต้องได้รับกรรมนั้น เพราะสมบัติเหล่านี้ล้วนเป็นลางร้าย และถูกสาปไว้ ใครก็ตามที่ต้องการเอาสมบัติเหล่านี้ไป

จะมีจุดจบที่ไม่ดี! พวกเราต้องไม่ไปแตะต้องสมบัติเหล่านี้!”

ท่านฟ่านตักเตือนเฉินเกอและพวกเขาทั้งสี่คนด้วยเสียงหนักแน่น

“ท่านฟ่านพูดถูก พวกเราต้องจำไว้และต้องระวังให้มากขึ้น ไม่ว่าคุณจะเห็นสมบัติอะไรหรือสิ่งมีค่าที่สุด ก็อย่ายื่นมือไป

สัมผัสมัน และห้ามไปเอา!”

ที่แท้….ฉันเป็นลูกเศรษฐี!

ที่แท้….ฉันเป็นลูกเศรษฐี!

Status: Ongoing

เรื่องย่อ ณวันนั้น พี่สาวกับพ่อแม่ที่ทํางานอยู่ต่างประเทศบอกกับตัวเองอย่างกะทันหันว่า ตัวเองเป็นทายาทเศรษฐี ครอบครองสมบัติหลายล้าน เฉินเกอคิดในใจว่า ฉันเป็น ทายาทเศรษฐีจริงๆหรอ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท