ครั้นเห็นสีหน้าอึ้งของเป่ยเฉินเสียเยี่ยน ดูไม่คล้ายเสแสร้งเลยสักน้อย
เยี่ยเม่ยขมวดคิ้วแน่น แค่นเสียงหัวเราะออกมาคำหนึ่ง “หรือท่านลืมไปว่าสามวันที่ท่านออกจากจวนไปอย่างไร้เหตุผล ใครก็ไม่รู้ว่าท่านไปอยู่ที่ไหน ชุดที่ท่านสวมอยู่ขาดไปมุมหนึ่ง แล้วบังเอิญเสียเหลือเกินว่าเศษผ้าชิ้นนั้นไปอยู่ในมือมู่หรงเหยาฉือพอดี! นางบอกว่าหลังจากสามวันที่ท่านร่วมอภิรมย์กับนางได้ทิ้งเอาไว้ที่นั่น!”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้เยี่ยเม่ยก็โมโหมาก ทั้งยังเดือดขึ้นเรื่อยๆ ด้วย
เรื่องราวใหญ่โตตั้งมากมาย เดิมทีนางคิดว่าสวรรค์ทดสอบพวกนางสองคนไปแล้ว ไม่ง่ายเลยกว่าจะตัดสินใจมาอยู่ด้วยกันโดยไม่ต้องคำนึงถึงอะไรทั้งนั้น ผลคือเกิดเรื่องนี้ขึ้น ผู้อื่นตั้งครรภ์แบกท้องมาหาถึงบ้านแล้ว ทั้งยังมีหลักฐานของสามีโฉดอย่างเป่ยเฉินเสียเยี่ยนอีกด้วย
ช่างน่าโมโหยิ่งนัก!
เมื่อฟังคำพูดที่แฝงไปด้วยความเสียดสีของเยี่ยเม่ยออก เป่ยเฉินเสียเยี่ยนอึ้งไป และรู้สึกงุนงงอยู่บ้างกวาดตามองเยี่ยเม่ย ค่อยๆ เอ่ยว่า “เยี่ยนไม่เข้าใจเรื่องเศษผ้านั่นจริงๆ แต่เป่ยเฉินเสียเยี่ยนรับรองได้ว่าไม่เคยไปหานางเลย แม้แต่จวนของมู่หรงเหยาฉืออยู่บนถนนสายไหนเยี่ยนยังไม่รู้เลย แล้วจะเป็นไปได้อย่างไรเล่า”
เขามีเวลาว่างถึงขั้นไปสนใจว่าจวนของคนไร้ค่าอย่างมู่หรงเหยาฉือตั้งอยู่ที่ไหนเมื่อไรกันเล่า
แล้วจะไปมีอารมณ์อยากทำให้ตัวเองเปื้อนมลทินมาจากไหนกัน ถึงขั้นมีความสัมพันธ์กับสตรีโง่งมพรรค์นั้น หรือว่ารสนิยมเขาดูแย่เพียงนั้นเชียว
เห็นเป่ยเฉินเสียเยี่ยนตอบอย่างจริงจัง น้ำเสียงก็ไม่เบาสบายเหมือนปกติ ไม่คล้ายกำลังล้อเล่น ยิ่งไม่คล้ายกำลังตอบอย่างขอไปที เยี่ยเม่ยเกิดความสงสัยขึ้นในใจ
เยี่ยเม่ยขมวดคิ้วเอ่ย “หรือไม่ใช่เพราะวันแต่งงาน ท่านโมโหข้า รู้สึกผิดหวังมากเมื่อเห็นข้าดื่มยาป้องกันบุตร ถึงทำให้ท่านโมโหยกใหญ่จนไปนอนกับมู่หรงเหยาฉือเพื่อยั่วโมโหข้าคืนบ้าง ทำให้ข้ารู้ว่าต่อให้ข้าไม่ยอมคลอดลูกให้ท่านก็มีผู้อื่นยินยอม”
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนหมดคำพูด เห็นเยี่ยเม่ยสาธยายด้วยสีหน้าจริงจัง เป่ยเฉินเสียเยี่ยนได้แต่กุมขมับ คิดถึงเรื่องในตอนนั้น มู่หรงเหยาฉือบอกกับเยี่ยเม่ยเช่นนั้นจริง ส่วนเขาฟังว่าเป็นเรื่องตลกอย่างสิ้นเชิง คิดเพียงว่ามู่หรงเหยาฉือป้ายสีเขาเพื่อแต่งเข้าจวนองค์ชายสี่ ดังนั้นจึงไม่คิดห้ามนางเอ่ยวาจาเหลวไหล ตอนนี้ดูท่าแล้ว…
เรื่องที่เขาไม่เก็บมาใส่ใจเลยสักนิด ส่วนเยี่ยเม่ยกลับฟังเข้าสมองไปหมดสิ้น
ดวงตาของเขาสงบลง น้ำเสียงน่าฟังถามขึ้นช้าๆ “คำพูดเหลวไหลของมู่หรงเหยาฉือ เจ้าถึงกับเก็บไปใส่ใจ นางแต่งเรื่องอะไรออกมาเจ้าก็เชื่ออย่างนั้นหรือ”
“ท่านอย่าเพิ่งขัดข้า!” ถึงเยี่ยเม่ยคิดว่าการที่มู่หรงเหยาฉือพูดอะไรนางก็เชื่อนั้น บ่งบอกถึงระดับสติปัญญาของนางว่ามีปัญหาอยู่บ้างก็จริง
แต่ว่าก็ไม่ควรเอาแต่หลับหูหลับตาเชื่อเขา ต้องดูที่ความจริงกับหลักฐานสิ!
เยี่ยเม่ยจ้องเป่ยเฉินเสียเยี่ยน “ข้าหาคนไปถามนางแล้ว ผู้อื่นแสดงออกว่าถูกหลอกลวงจนตั้งครรภ์ แต่งงานเข้าจวนองค์ชายใหญ่เพื่อรักษาชีวิตด้วยความน้อยอกน้อยใจ นางหลอกข้าก็เป็นเรื่องปกติ แต่ว่าไม่มีเหตุผลที่ต้องหลอกสหายสนิทของนางหรอกกระมัง”
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนเข้าใจแล้ว ตอนนี้ไม่ใช่เวลาใส่ใจว่าเยี่ยเม่ยใช้ให้ใครไปถามมู่หรงเหยาฉือ รวมถึงทำไมสหายสนิทของมู่หรงเหยาฉือถึงช่วยเยี่ยเม่ยถามปัญหาเหล่านี้ เรื่องที่สมควรทำอันดับแรกก็คือแก้ต่างให้ตัวเองเสียก่อน
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนชะงักไปเล็กน้อย เอ่ยว่า “ใครจะรู้ว่ามู่หรงเหยาฉืออาจถูกหลอกให้เข้าใจผิด หลงคิดว่าเป็้นเยี่ยนหรือไม่ เยี่ยนจะไม่รู้ตัวเชียวหรือว่าตัวเองไม่เคยแตะต้องสตรีนางนั้น เยี่ยนจะไม่รู้ชัดได้อย่างไร”
“ท่านอย่าได้เล่นลิ้นแล้ว! ท่านพูดมาตามตรงเถอะ ไม่ต้องเสียเวลากันอีก ข้าไม่ได้หลอกง่ายขนาดนั้น!” สีหน้าเยี่ยเม่ยยิ่งไม่น่ามอง ส่วนในใจก็คิดหาววิธีการเป็นร้อยวิธีเพื่อบีบคอเจ้าสารเลวนี่ให้ตาย!
เป่ยเฉินเสียเยี่ยน “…!” เล่นลิ้น?!
เขาเล่นลิ้นอะไรกันเล่า
หรือว่าตอนนี้เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองกลายเป็นเรื่องไม่ถูกต้องตามครรลองคลองธรรม ถูกนางเข้าใจเป็นว่าเล่นลิ้นแล้วหรือ
ยังมีอีก เพราะอะไรก่อนหน้านี้เขาไม่รู้เลยสักนิดว่า เยี่ยเม่ยจะ…
ครั้นคิดได้ สายตาเป่ยเฉินเสียเยี่ยนเจือไปด้วยความอยากแกล้งคนมองเยี่ยเม่ย อดใจไม่ไหวกล่าวออกไปตามตรงว่า “เยี่ยเม่ย สามีคิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะมีมุมที่ไร้เหตุผลเช่นนี้ด้วย”
“ใครไร้เหตุผลกันแน่” สายตากลั่นแกล้งของเขาทำเอาเยี่ยเม่ยหน้าเขียว นางไม่มีเหตุผลหรือ นางคิดว่าตัวเองมีเหตุผลมากมาตลอด เป็นต้นฉบับของสาวแกร่งตัวจริง ทั้งยังใช้เหตุผลมากกว่าอารมณ์ ไฉนในสายตาเขา นางกลายเป็้นคนไร้เหตุผลไปได้เล่า
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนยิ้มออกอย่างสง่างาม จ้องเยี่ยเม่ย “เวลานี้คำพูดที่เยี่ยนเอ่ยออกมาทุกประโยค เจ้าไม่เชื่อเลยสักนิด เยี่ยนอธิบายจากใจจริง เจ้าก็หาว่าเยี่ยนเล่นลิ้น ในเมื่อพูดอะไรไปเจ้าก็ไม่เชื่อ แล้วยังจะถามเยี่ยนอีกทำไม”
คำพูดยอกย้อนของเขา กลับทำให้เยี่ยเม่ยสะอึกไปแล้ว
จริงด้วย
หากเขาพูดอะไรไปนางก็ไม่เชื่อ แล้วนางยังจะวิ่งมาถามเขาว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ทำไม ไม่มีความหมายเลยสักนิด
เยี่ยเม่ยพยายามทำให้ตัวเองสงบลง สะกดเพลิงโทสะในใจไว้
นางมองใบหน้าหล่อร้ายของเขา เอ่ยนิ่งๆ “งั้นก็ดี ท่านลองพูดมา!”
เห็นนางสงบลงไปได้จริงๆ ยอมฟังคำพูดของตนแล้ว เป่ยเฉินเสียเยี่ยนค่อยเริ่มอธิบายเสียงนุ่ม ทั้งยังวิเคราะห์ออกมาเป็นข้ออย่างชัดเจน “อย่างแรก เยี่ยนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าไฉนวันนี้มู่หรงเหยาฉือถึงเอ่ยคำพูดพวกนั้น ประการที่สอง มาถึงตอนนี้เยี่ยนยังไม่รู้ว่าจวนของมู่หรงเหยาฉือตั้งอยู่ที่ไหน ประการที่สาม เศษผ้าชิ้นนั้น เยี่ยนก็ไม่รู้ว่าทำหล่นขาดไปตั้งแต่ตอนไหน แล้วตกไปอยู่ในมือมู่หรงเหยาฉือได้อย่างไร แต่ขอเพียงฮูหยินให้เวลาสามี สามีจะต้องสืบหาคำตอบที่น่าพอใจมาให้ฮูหยินได้แน่!”
ยามปกติที่เขาแต่งตัวก็ไม่ค่อยสนใจรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ
เขาจะไปใส่ใจว่าชุดของตัวเองแหว่งไปส่วนหนึ่งที่ไหนกัน ต่อให้บ่าวไพร่พบเข้าก็ไม่มารายงานเขาแน่นอน เปลี่ยนชุดใหม่ไปก็สิ้นเรื่องแล้ว
ดังนั้นในตอนนี้แม้แต่ชุดที่เยี่ยเม่ยเอ่ยถึงคือชุดไหน ยังไม่อยู่ในความจำเขาเลยสักนิด
แต่เรื่องที่เขาไม่เคยกระทำอย่างไรก็ไม่เคยกระทำมาก่อน ต้องไปสืบเรื่องนี้จนความจริงกระจ่างชัดให้ได้
เยี่ยเม่ยมองเป่ยเฉินเสียเยี่ยนด้วยความระแวง ถามว่า “ท่านมั่นใจหรือ คำพูดของท่านเป็นความจริงใช่ไหม”
“แน่นอน!” เป่ยเฉินเสียเยี่ยนมองนาง แววตาจริงใจไม่คิดหลบสักน้อย ทั้งไม่มีแววโกหกเลยแม้แต่นิด กลับกันสายตาของเขาเจือไปด้วยความอยากแกล้งคน คล้ายกับว่าได้เห็นท่าทางหึงหวงของนางแล้ว ทำให้เขาดีอกดีใจเหลือเกิน
ทันทีที่สบสายตาเช่นนี้ของเขา สีหน้าเยี่ยเม่ยก็พลันขุ่นเคือง
ทั้งๆ ที่นางเป็นฝ่ายมาคิดบัญชีแท้ๆ ทำไมถึงเหมือนกับว่าถูกเขาหัวเราะเยาะเย้ยไปได้เล่า
ไม่ช้าเยี่ยเม่ยก็ครุ่นคิดถึงรายละเอียดปลีกย่อย แผดเสียงถามเขาว่า “ดี! ในเมื่อคำพูดของท่านล้วนเป็นความจริง แต่ว่าหลังจากวันแต่งงานแล้ว ท่านก็หายตัวไปสามวัน ท่านไปไหนมา เพราะอะไรถึงไม่พาอวี้เหว่ยไปด้วย ทำไมคนทั้งจวนตามหาท่านไปทั่วแต่หาไม่พบ ท่านไม่ได้ไปพบนางจริงๆ ใช่ไหม”