ลิขิตรักส่งฉันมาเป็นคู่เธอ – ตอนที่ 115

ตอนที่ 115

ตอนที่ 115 ทำให้เธออึดอัด

ปากของหยินซิ่งก็โพล่งออกไปอย่างรวดเร็ว โดยไม่ทันรอให้หวาเหวินพูด เธอก็ชิงบอกพูดแทนคุณหนูทันทีว่า

“คุณผู้ชาย พวกเรากำลังพูดถึงคุณหนูอยู่ค่ะ เกี่ยวกับเรื่องงานเลี้ยงปฐมนิเทศที่จะจัดขึ้นในอาทิตย์หน้า การแสดงทางด้านศิลปะของเธอก็คือเอาหน้าอกทุบหิน แล้วก็รอดหวงไฟค่ะ”

เจียงหยู่เองก็หัวเราะออกมา จากนั้นก็มองไปทางหวาเหวินด้วยสายตาอบอุ่น

“ที่รัก ที่แท้เธอก็มีความสามารถทางด้านศิลปะเหมือนกัน ทำไมไม่แสดงให้สามีดูหน่อยละ?”

หวาเหวินมีปฏิภาณไหวพริบทัน “เพราะนี้เป็นการแสดงในชีวิตเพียงครั้งเดียว ฉันมีเพื่อนคนหนึ่งทำการแสดงจบไปเมื่อสามปีก่อน ตอนนี้หญ้าตรงหลุมฝังศพคงสูงหนึ่งเมตรแล้ว”

พอได้ยินแบบนี้หยินซิ่งและชุนเถาก็ยิ่งหัวเราะเข้าไปใหญ่

ถึงอย่างไรนี้ก็เป็นการแซวครั้งแรกของหวาเหวิน

เจียงหยู่ชอบหวาเหวินที่ดูร่าเริงแบบนี้มาก เขามักรู้สึกว่าระหว่างเธอกับเขาไม่ได้มีความรู้สึกที่ห่างเหินกันมากขนาดนั้น

“มหาวิทยาลัยเธอจะมีงานเลี้ยงปฐมนิเทศเหรอ?”

“อื้อ”

“เธอจะขึ้นแสดงด้วยไหม?”

“ไม่แน่นอน”

“อื้อ เราแสดงแบบเบสิค ๆ หน่อยก็ดีนะ ……. จะได้หลีกเลี่ยงพวกอิจฉาตาร้อนที่เป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์เหล่านั้น”

หวาเหวินเม้มปากอมยิ้มเล็กน้อย

“ช่วงบ่ายเธอทำอะไร?”

“วาดภาพ”

“ฉันดูหน่อยสิ”

“ไม่ให้”

“ขี้เหนียวจัง ก็แค่วาดภาพไหม? ฉันก็วาดเป็น…….หยินซิ่งไปเอากระดานวาดภาพมาสิ ฉันจะแสดงฝีมือให้พวกเธอดู”

“ได้ค่ะ คุณผู้ชาย”

หยินซิ่งค่อยๆยอมรับในตัวของผู้ชายคนนี้แล้ว เพราะเธอรู้สึกว่าเจียงหยู่นั้นดีต่อคุณหนูมากทีเดียว

อีกทั้งยังเป็นคนที่รู้จักเข้มแข็งมากกว่าแซ่จื๋อจ้วนไปตั้งไม่รู้กี่เท่าด้วย

ดังนั้นเจียงหยู่จึงคอยส่งเสริมให้เธอทำอะไรก็ได้ที่ทำให้เธอมีความสุข

หยินซิ่งอุ้มไม้กระดานวาดภาพลงมา ส่วนชุนเถาก็เตรียมเหล่าอุปกรณ์การวาดภาพ

เจียงหยู่เริ่มลงมือวาดภาพอย่างจริงจัง

เขาสวมใส่เสื้อเชิ้ตราคาแพงกับกางเกงขายาว ถึงจะดูไม่ค่อยเข้ากันอย่างเห็นได้ชัดก็ตาม

แต่หวาเหวินก็รู้สึกเขาน่าสนใจมากทีเดียว

การมีอารมณ์อันสุนทรีย์แบบนี้ ไม่ขัดกับความกระตือรือร้นของเขาแต่อย่างใด

สิ่งที่เจียงหยู่วาดก็คือรูปของชุนเถาและหยินซิ่งเวอร์ชั่นการ์ตูน

เป็นรูปแบบลักษณ์ที่เหมือนมาก อีกทั้งยังดูตลกและเกินจริงมากอีกด้วย

หลังจากวาดภาพเสร็จ เธอได้มองไปทางกระดานวาดภาพ ชุนเถาและหยินซิ่งจึงเกือบจะหลุดขำออกมา

“ไอหยา นี่มันเราสองคนใช่ไหม?”ชุนเถาพูดขึ้นเสียงดัง

“เหมือนมากจริง ๆ แต่ทำไมมันถึงได้น่าเกลียดแบบนี้ละคะ?” หยินซิ่งเอียงคอดูยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกว่ามันไม่ใช่

“เหวินเหวิน เธอยุติธรรมที่สุด เหมือนหรือไม่เหมือน?”

“อื้อ เหมือนนะ นายวาดได้ไม่เลวเลย สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือนี่เป็นการวาดภาพที่เร็วมาก” หวาเหวินวิจารณ์

“เมื่อก่อนตอนที่ฉันเรียนอยู่มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ฉันเคยไปเป็นจิตรกรวาดภาพอยู่ริมถนนมาก่อน หาเงินอาทิตย์ละ 1200 ปอนด์จากการวาดภาพล้อเลียนนี่แหละ สำหรับเด็กนักเรียนแลกเปลี่ยนคนหนึ่ง มันถือว่าเยอะมากเลยนะ”

“นึกไม่ถึงว่านายจะเคยมีประสบการณ์แบบนี้มาก่อนนะเนี่ย” หวาเหวินพูดชมเขา

ถึงอย่างไรก็ถือว่าเป็นลูกหลานในตระกูลที่มั่งคั่งร่ำรวย อยากได้ฝนก็ได้ฝน อยากได้ลมก็ได้ลม อยากได้อะไรก็ได้ ไม่มีวันใช้เงินหมดตลอดชั่วชีวิตนี้แน่นอน

แต่เขากลับยอมทำเรื่องแบบนี้ เหมาะสมที่จะยกย่องชื่นชม

“ชีวิตคนเราต้องได้ลิ้มลองอะไรใหม่ ๆ บ้าง แบบนี้ถึงจะเรียกว่าเป็นช่วงเวลาที่ไม่เสียเปล่า เอาละ พวกเธอคุยกันไปก่อนเถอะ ฉันไปอาบน้ำละ”

หลังจากนั้นเจียงหยู่ก็ขึ้นไปข้างบน แต่ก่อนจะขึ้นไป เขาได้เอากระดานวาดภาพทำเป็นของที่ระลึกให้แก่ชุนเถาและหยินซิ่ง

“คุณหนูคะ คุณหนูดูภาพที่คุณผู้ชายวาดให้พวกเราสิคะ เหมือนคนโง่เง่าเลยค่ะ” ชุนเถายังพะวงกับเรื่องภาพวาดชิ้นนี้อยู่ไม่น้อย

หวาเหวินกลับยิ้มโดยไม่พูดอะไร

งานเลี้ยงวันปฐมนิเทศใกล้จะเริ่มงานทุกที จนกระทั่งเวลา 6 โมงเย็นถึงจะเปิดงานอย่างเป็นทางการ

หวาเหวินเข้าร่วมงานเลี้ยงในครั้งนี้ด้วย เธอนั่งอยู่ตรงแถวแรกสุด แล้วนั่งอยู่ข้างๆ กับอาจารย์

ในตอนที่ลู่เสวี่ยนอี้ดาวประจำมหาวิทยาลัยกำลังจะขึ้นเวทีการแสดง เธอได้สร้างความฮือฮาให้ทั่วทั้งงานไม่น้อย กลิ่นอายในตัวเธอได้แพร่สะพัดออกมาสูงมากทีเดียว

เปียโนสามขาสีดำตัวหนึ่งถูกวางไว้บนเวที ลู่เสวี่ยนอี้เหลือบไปมองหวาเหวินที่นั่งอยู่ล่างเวทีแวบหนึ่ง

จากนั้นก็หยิบไมโครโฟนขึ้นมา “ดิฉันมีความปรารถนาอย่างยิ่งยวดที่อยากจะเชิญเสี่ยวเหวินสาขาภาควิชาประวัติศาสตร์ขึ้นมาร่วมเล่นเปียโนในบทเพลง Vanessa’s smile ของริชาร์ด เคลย์เดอร์มองกับฉัน เป็นเกียรติให้ฉันสักเพลงได้ไหมคะ?”

ลิขิตรักส่งฉันมาเป็นคู่เธอ

ลิขิตรักส่งฉันมาเป็นคู่เธอ

Status: Ongoing

ลือกันว่าหวาเหวิน คุณหนูห้าของตระกูหวาที่เป็นตระกูลใหญ่นั้นเป็นคนที่พูดติดอ่างและหน้าตาอัปลักษณ์ ตั้งแต่เด็ก เธอก็ไปทำสมาธิบนเขากับคุณย่า จนถึงที่บ้านหมั้นหมายผู้ชายให้ เธอจึงกลับมา ในวันแต่งงาน เจ้าบ่าวก็หนีงานแต่งไปนอนกับดาราหญิงไก่กา เรื่องนี้แพร่กระจายออกไปให้คนรู้กันทั่วในงานแต่ง หวาเหวินที่โดนคนหัวเราะเยาะนั้นใช้นิ้วชี้ไปผู้ชายคนหนึ่ง ลากเขาขึ้นมาดำเนินงานแต่งต่อ สิ่งที่ทำให้ทุกคนตกใจนั้นคือชายหนุ่มที่หวาเหวินสุ่มลากไปแต่งงานนั้นเป็นเจียงหยู่ ลูกชายคนเดียวของตระกูลใหญ่สุดตั้งแต่นั้นมา หวาเหวินโดนเขาทรมานทุกคืน จนถึงเธอทนต่อไปไม่ได้อีก“เจียงหยู่ ไอ้คนเลว เราคุยกันดีแล้วไม่ใช่หรือ ว่านี่มันเป็นแค่การแต่งงานปลอมๆ” เจียงหยู่ทำหน้าไร้เดียงสา“ใช่ ฉันกำลังใช้ร่างกายเพื่อรักษาคู่ชีวิตของเราอยู่….”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท