ตอนที่ 131 เรื่องที่ไม่คาดคิดห
ชุนเถาและหยินซิ่งต่างพากันตื่นตกใจไม่น้อย
“คุณหนูคะ ที่นี่ดูเงียบสงัดมากเลยนะคะ ไม่มีใครเลย” หยินซิ่งพูดเสียงดังออกมา
“ฉันเปิดร้านขายวัตถุโบราณ มันก็เป็นอาชีพเฉพาะทางอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องมีคนเยอะ เพียงแค่มีคุณภาพ และมีความรู้เรื่องสินค้าก็พอ”
ชุนเถาเองก็ไม่ได้เห็นด้วย จึงได้ช่วยพูดโน้มน้าวหวาเหวินว่า “คุณหนูคะ เราจะเปิดที่นี่ได้เหรอคะ? ที่นี่ดูคับแคบและลำบากมากเลยนะคะ……… ดูเหมือนฮวงจุ้ยไม่ดีด้วย ถ้าวันข้างหน้ามันขาดทุน จะทำยังไงละคะ?”
หวาเหวินไม่ได้พูดอะไรออกมา
ไม่มีคนมองฮวงจุ้ยได้ดีกว่าหวาเหวินอีกแล้ว
ที่นี่ยังคงรักษาความเป็นถนนที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดไว้ แต่กลับไม่มีคนพลุกพล่าน ช่างน่าประหลาดใจจริง ๆ
เมื่อสักครู่หวาเหวินได้วิเคราะห์ฮวงจุ้ยของที่นี่อย่างละเอียดแล้ว
ความจริงมันง่ายมาก ตึกใหญ่ด้านข้างได้ถูกปรับเปลี่ยนให้เป็นทรงกระบอก ให้ความรู้สึกเหมือนกับกรงนก
ดังนั้นจึงกักขังความโชคดีของถนนเส้นนี้ไว้ ไม่ส่งเสริมทางด้านความร่ำรวย
ถ้าคนอื่นทำการค้าขายในที่แห่งนี้ ยังไงก็ต้องขาดทุนสิ้นเนื้อประดาตัวอย่างแน่นอน
แต่เธอนั้นแตกต่าง เธอมีวิธีจัดการ
ไม่ว่าชุนเถาและหยินซิ่งจะโน้มน้าวเธอยังไง เธอก็ไม่คล้อยตามแต่อย่างใด
สุดท้ายก็ได้ทำการนัดเจอกับเจ้าของห้องแห่งนี้ เพื่อทำสัญญาการเช่า
พื้นที่ 80 ตารางเมตร ตั้งอยู่ใจกลางเมือง จ่ายค่าเช่าแค่เพียงเดือนละ 3,000 หยวน คุ้มทุนจะตายไป
หวาเหวินรู้สึกสุขใจเป็นอย่างมาก เดิมทีเธอต้องจ่ายค่าเช่าเป็นจำนวนเงิน 36,000 หยวนต่อปี แต่เถ้าแก่ลดให้ 1000 หยวน เธอจึงจ่ายแค่เพียง 35,000 หยวนเท่านั้น
หวาเหวินเลยจ่ายรวดเดียว 3 ปี เป็นจำนวนเงิน 105,000 หยวน ให้กับคน ๆนั้นไป
ทำให้ผู้ให้เช่าดีใจสุดขีด เพราะคิดว่าได้เจอกับคนโง่เข้าเสียแล้ว
ถึงอย่างไรสถานที่แห่งนี้ทุกคนต่างรู้ว่าต้องขาดทุนอยู่แล้ว นี่กล้าจ่ายเงินมากขนาดนั้นในครั้งเดียว?
หวาเหวินมีวิธีจัดการในแบบของตัวเอง เธอคิดว่าหลังจากสามปี ไม่ว่าธุรกิจจะอยู่ในระดับไหน
เมื่อเธอหย่าขาดกับเจียงหยู่ เธอก็อยู่ที่นี่ต่อไม่ได้อยู่ดี
ถึงตอนนั้นไม่ว่าจะกลับไปยังภูเขาจงชุ่ยก็ดี หรือพาชุนเถาและหยินซิ่งไปเที่ยวรอบโลกก็ดี
ไม่มีใครรู้อนาคต……..
อนาคตก็คืออนาคต ทุกอย่างที่เกิดขึ้นล้วนไม่มีทางคาดเดาได้
ความจริงแล้วคนที่เสี่ยงเซียมซีถือว่าเป็นพฤติกรรมที่มิชอบเอามาก ๆ ในชีวิตนี้ของเธอ สามารถดูดวงชะตาชีวิตให้กับทุกคนได้
แต่ก็ไม่สามารถดูดวงชะตาให้กับตัวเองได้ ไม่รู้ว่าทำไม?
บางทีอาจารย์ด้านการเสี่ยงเซียมซีรุ่นแรกสุดอาจจะทิ้งกฎเกณฑ์นี้ไว้ก็ได้
หลังจากจ่ายค่าเช่าไปเรียบร้อยแล้ว หวาเหวินก็ได้พาหยินซิ่งและชุนเถาไปกินของหวานด้วยความเบิกบานใจ และยังพาพวกเธอไปซื้อเสื้อผ้าใหม่ ที่เป็นแบรนด์ดังอีกด้วย
ระหว่างทางกลับบ้าน หยินซิ่งเตือนขึ้นว่า “คุณหนู คืนนี้มีถ่ายทอดสดการประเมินนะคะ คุณหนูอย่าลืมนะคะ จะเริ่มในเวลา 3 ทุ่มตรง สถานที่จัดงานคือพิพิธภัณฑ์อิตาลีคะ”
หวาเหวินพยักหน้า………….
ทุกครั้งที่ทำการถ่ายทอดสด เธอมักจะสวมหน้ากากสีเงิน เพื่อไม่ให้ใครเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของเธอ
ส่วนเสียงก็จะถูกดัดแปลงผ่านเครื่องเปลี่ยนเสียง ไม่ใช่เสียงที่แท้จริงของเธอ
บัญชีเงินฝากก็เป็นบัญชีนิรนามในธนาคารสวิสเอของเธอ คนอื่นสืบหาได้ยากพอสมควร
เธอคิดว่ามันจะต้องไม่มีวันพลาดอย่างแน่นอน…………
นึกไม่ถึงว่าในช่วงเวลาพลบค่ำเจียงหยู่จะกลับมาถึงบ้านแล้ว อีกทั้งยังพาเพื่อนคนหนึ่งกลับมาอีกด้วย
เพื่อนคนนี้ไม่ใช่คนอื่นคนไกล แต่เป็นคุณชายตระกูลสูงส่งของตระกูลหวาง หวางเซียวอี้
จริง ๆ แล้วทั้งสองคนมีเรื่องที่ต้องคุยกันอย่างเป็นทางการ เดิมทีจะต้องออกไปดื่มเหล้าข้างนอก แต่ช่วงนี้เจียงหยู่ได้ยินข่าวลือเสีย ๆ หาย ๆ ภายในรั้วมหาวิทยาลัยอยู่บ่อยครั้ง จนทำให้เขารู้สึกไม่วางใจหวาเหวิน ดังนั้นเลยอยากกลับมาอยู่บ้านเป็นเพื่อนหวาเหวิน
ใครจะไปรู้ว่า เด็กสาวตัวน้อยจะมีเรื่องสำคัญที่ต้องทำในคืนนี้
“ที่รัก ฉันพาเพื่อนกลับมาด้วย จำเขาได้ไหม?”
เมื่อเข้าบ้านมา เจียงหยู่ก็เรียกที่รักด้วยความรักใคร่ทันที
เมื่อหวาเหวินเห็นหวางเซียวอี้ก็ พยักหน้า “จำได้ค่ะประธานหวาง”
“หวาเหวินเธอไม่ต้องเกรงใจฉันขนาดนั้นก็ได้ เรียกชื่อของฉันก็พอ ฉันกับเจียงหยู่เป็นเพื่อนสนิทกันมาหลายปีแล้ว ไม่ต้องมีมารยาทมากมายขนาดนั้นหรอก”
หวาเหวินพยักหน้า “ชุนเถา หยินซิ่ง ไปชงชาไป”
“ค่ะ คุณหนู”
หวาเหวินมองเวลา ยังเหลือเวลาอีกครึ่งชั่วโมงกว่าจะถึง 3 ทุ่ม จึงเลยคิดจะช่วยจัดการธุระเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้กับเขาก่อน
เมื่อได้ยินเจียงหยู่พูดว่า “อาเหวิน ที่ฉันให้หวางเซียวอี้มาในวันนี้ เพราะอยากให้เธอช่วยอะไรเล็ก ๆน้อย ๆ เขาสักหน่อย”
“ฉัน ?” หวาเหวินตื่นตกใจ นึกไม่ถึงว่าจะยังมีเรื่องของเธอ