ลิขิตรักส่งฉันมาเป็นคู่เธอ – ตอนที่ 148

ตอนที่ 148

ตอนที่ 148 สงครามเย็นติดต่อกันอย่างต่อเนื่อง

เห็นชัดๆว่าหวาผิงนั้นกำลังโกรธ แต่หวางเซียวอี้ก็ยังรู้สึกว่าเธอน่ารักอยู่ดี

ถึงแม้ว่าจะพูดหยาบคายไปบ้างก็ตาม แต่ก็ยังดีกว่าผู้หญิงบางคนที่ทำตัวออดอ้อนเสแสร้งว่าเป็นคนดีเหล่านั้น

อย่างน้อยนี่ก็เป็นด้านที่แท้จริงของหวาผิง

หลังจากที่แบลคเมล์สำเร็จ หวางเซียวอี้ก็รีบโทรบอกเจียงหยู่ทันที

แต่เขาไม่ได้บอกในช่วงพลิกผันแต่อย่างใด บอกแค่เพียงว่าหวาผิงตกลงที่จะกลับบ้านเก่ากับเขาแล้ว

เจียงหยู่ยังยกนิ้วโป้งให้เขา เพราะคิดว่าหวางเซียวอี้เป็นคนมีฝีมือมากจริง ๆ

หลังจากที่หวางเซียวอี้ทำการตกลงกับหวาผิงสำเร็จแล้ว ก็ถือโอกาสนัดเจอกัน

หวาผิงร้อนใจอยากเห็นว่าเขาได้ลบวิดีโอนั้นทิ้งไปกับตาตัวเอง

ดังนั้นเขาจึงนัดเจอกันในร้านอาหารตะวันตกไฮคลาสแห่งหนึ่งในใจกลางเมือง

หวางเซียวอี้มาถึงก่อน และได้สั่งเมนูสเต๊กเนื้อมาสองชุด

เมื่อหวาผิงมาถึง ก็ไม่ได้สนใจกินแต่อย่างใด เธอถามเขาตรง ๆว่า “โทรศัพท์ละ?”

ตอนที่หวาผิงมาถึงนั้น เธอมาแบบหน้าสดมาก เธอใส่หมวกหนึ่งใบ และสวมใส่เสื้อกันลมยาวสีเขียว รองเท้าผ้าใบ ดูเด็กลงมากทีเดียว

และเพราะไม่อยากให้ใครเห็นว่านี่คือดาราใหญ่

“กินอะไรก่อนเถอะ”

“กินบ้าอะไร ฉันจะไปมีกระจิตกระใจกินที่ไหนกันเล่า เร็ว เอาโทรศัพท์ออกมา” หวาผิงถลึงตาใส่

หวางเซียวอี้หยิบโทรศัพท์ออกมาแบบขำ ๆ

“ปลดล็อก” เธอออกคำสั่งราวกับราชินีอย่างต่อเนื่อง

เขาก็ปลดล็อกอย่างเชื่อฟัง

“หาวิดีโอนั้น แล้วลบมันต่อหน้าฉัน”

“ถ้าฉันลบแล้ว เธอจะกลับคำพูดไหม?” หวางเซียวอี้เงยหน้ามองเธอ

“ฉันไม่ใช่คนที่ไม่มีเหตุผลขนาดนั้น นายวางใจเถอะ ฉันพูดคำไหนคำนั้น”

เมื่อเห็นหวาผิงพูดแยกแยะได้อย่างชัดเจนแบบนี้ หวางเซียวอี้จึงไม่ได้พูดอะไรให้มากความอีก เขาทำการลบวิดีโอนั้นต่อหน้าของหวาผิง

“นายสาบานนะว่านายไม่ได้ก๊อปปี้เอาไว้”

หวาผิงยังไม่วางใจ

“ฉันไม่ได้ก๊อปปี้ไว้”

“นายสาบาน ถ้านายแอบก๊อปปี้ไว้ที่อื่น นายไม่มีทางได้มีลูกไปชั่วชีวิตแน่”

“อะไรจะโหดขนาดนี้?” หวางเซียวอี้กลั้นหัวเราะไม่ได้ เขารู้สึกว่าผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ช่างไร้เดียงสามากจริง ๆ

ภาพลักษณ์ในทีวี สาวแกร่งอะไรกัน ทั้งหมดล้วนเป็นการเสแสร้งทั้งนั้น?

“นายจะสาบานหรือไม่สาบาน?” หวาผิงร้อนใจขึ้นมาอีกครั้ง

“อ่าๆ ฉันสาบาน ถ้าฉันแอบก๊อปปี้ไว้ ฉันจะไม่สามารถมีลูกได้อีกไปชั่วชีวิต” หวางเซียวอี้ยกนิ้วขึ้นมาสาบาน

หวาผิงจึงได้วางใจลง

“แล้วจะกลับไปบ้านเก่าเมื่อไหร่?”

“วันศุกร์นี้ เรามีงานเลี้ยงตอนค่ำในคืนวันศุกร์ ตอนนั้นคนก็ค่อนข้างเยอะหน่อยแหละ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือคุณย่าของฉันเอง”

“ได้ งั้นบ่ายวันศุกร์ฉันจะติดต่อนายไป ถึงตอนนั้นเราก็ค่อยไปบ้านนายพร้อมกัน”

“อื้อ” หวางเซียวอี้ตอบด้วยความรู้สึกแปลก ๆ

เมื่อพูดจบหวาผิงทำท่าจะลุกขึ้น

“เฮ้ ไม่อยู่กินสเต๊กเนื้อก่อนเหรอ?” หวางเซียวอี้ตั้งใจแกล้งเธอ

“ของคู่อริ ฉันกินไม่ลงหรอก ฉันไม่ได้ใจกว้างขนาดนั้น” หลังจากกลอกตาใส่อย่างโหดเหี้ยมแล้ว หวาผิงก็เดินจากไปอย่างสง่างาม

ผู้หญิงคนนี้ชอบทำเรื่องใหญ่โตมากจริง ๆ

แต่ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็ได้ทำการตกลงกันแล้ว

ในช่วงค่ำ หลังจากที่เจียงหยู่กลับมาถึงเฟิงหวาหลี่แล้ว เมื่อเห็นหวาเหวินเลยกล่าวทักทาย

“อาเหวิน เธอดีขึ้นรึยัง?”

หวาเหวินยังคงก้มหน้าตลอด โดยไม่สนใจแต่อย่างใด

อาการแบบนี้เป็นเพราะเธอยังไม่ดีขึ้น หรือเป็นเพราะเรื่องวุ่นวายที่ทำให้ไม่สบอารมณ์ของพวกเขาทั้งสองคนหน้าโรงพยาบาลกันแน่

เจียงหยู่พยายามอดทน แล้วตั้งใจหาหัวข้อสนทนา “อาเหวิน เซียวอี้โทรหาฉันแล้วนะ บอกว่าพี่สามของเธอตอบตกลงจะช่วยเขาแล้ว”

เขาคิดว่าหวาเหวินน่าจะใช้หัวข้อสนทนานี้ถามเขากลับบ้าง?

แต่น่าเสียดาย ที่หวาเหวินไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองแต่อย่างใด เธอยังคงก้มหน้าลงอ่านนิตยสาร แล้วทำเหมือนว่าเขาเป็นเพียงแค่อากาศ

ชุนเถาและหยินซิ่งไม่กล้าเข้าใกล้ ถึงอย่างไรตอนนี้คุณหนูก็ไม่ค่อยสบอารมณ์อยู่แล้ว บรรยากาศในตอนนี้ก็พาอึดอัดเข้าไปด้วย

เจียงหยู่คิดว่า ในตอนงานเลี้ยงวันเกิดของหวาผิง ทั้งสองคนก็ได้พูดคุยกัน และเข้าร่วมงานเลี้ยงด้วยกันอีกด้วย

น่าจะไม่เป็นไรแล้ว ใครจะไปรู้ว่าผู้หญิงคนนี้จะแค้นฝังใจเช่นนี้

หลังจากความพยายามของเจียงหยู่ล้มเหลวซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาก็ได้ทอดถอนใจแล้วขึ้นข้างบนไป

นี่คือสงครามเย็นของหวาเหวิน ซึ่งเขาเองก็เป็นฝ่ายถูกกระทำ

“คุณหนูคะ บ่าวรู้สึกว่าคุณผู้ชายเขาก็ทำขนาดนั้นแล้ว คุณหนูอย่าไปโกรธเขาเลยนะคะ?” หยินซิ่งทนมองดูต่อไปไม่ได้ เลยแอบมาโน้มน้าวหวาเหวิน

หวาเหวินก็ยังไม่ได้ส่งเสียงใด ๆ ออกมา อารมณ์คุกกรุ่นนี้ ใคร ๆก็จนปัญญา

ภายในคฤหาสน์ส่วนตัวอีกด้านหนึ่ง

แซ่จื๋อจ้วนเอนกายลงบนเก้าอี้โซฟา พร้อมกับถือไวน์แดงในมือ

ตรงหน้าของเขาคือผู้ชายมีรอยสักคนหนึ่ง ในมือของเขาถือข้อมูลบางอย่างไว้พร้อมกับพูดขึ้นอย่างสุภาพว่า “เถ้าแก่แซ่ เรื่องที่คุณให้เราไปทำการตรวจสอบ มีเค้าโครงขึ้นมาเล็กน้อยแล้วครับ”

หลังจากที่แซ่จื๋อจ้วนได้ยิน ในใจของเขาก็เบิกบานขึ้นมาทันใด

ลิขิตรักส่งฉันมาเป็นคู่เธอ

ลิขิตรักส่งฉันมาเป็นคู่เธอ

Status: Ongoing

ลือกันว่าหวาเหวิน คุณหนูห้าของตระกูหวาที่เป็นตระกูลใหญ่นั้นเป็นคนที่พูดติดอ่างและหน้าตาอัปลักษณ์ ตั้งแต่เด็ก เธอก็ไปทำสมาธิบนเขากับคุณย่า จนถึงที่บ้านหมั้นหมายผู้ชายให้ เธอจึงกลับมา ในวันแต่งงาน เจ้าบ่าวก็หนีงานแต่งไปนอนกับดาราหญิงไก่กา เรื่องนี้แพร่กระจายออกไปให้คนรู้กันทั่วในงานแต่ง หวาเหวินที่โดนคนหัวเราะเยาะนั้นใช้นิ้วชี้ไปผู้ชายคนหนึ่ง ลากเขาขึ้นมาดำเนินงานแต่งต่อ สิ่งที่ทำให้ทุกคนตกใจนั้นคือชายหนุ่มที่หวาเหวินสุ่มลากไปแต่งงานนั้นเป็นเจียงหยู่ ลูกชายคนเดียวของตระกูลใหญ่สุดตั้งแต่นั้นมา หวาเหวินโดนเขาทรมานทุกคืน จนถึงเธอทนต่อไปไม่ได้อีก“เจียงหยู่ ไอ้คนเลว เราคุยกันดีแล้วไม่ใช่หรือ ว่านี่มันเป็นแค่การแต่งงานปลอมๆ” เจียงหยู่ทำหน้าไร้เดียงสา“ใช่ ฉันกำลังใช้ร่างกายเพื่อรักษาคู่ชีวิตของเราอยู่….”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท