ลิขิตรักส่งฉันมาเป็นคู่เธอ – ตอนที่ 168

ตอนที่ 168

ตอนที่ 168 ถือโอกาสเอาเปรียบ

คนของตระกูลหวางบ้างก็ตกใจ บ้างก็ดีใจ บางก็สับสน บ้างก็แสดงสีหน้างุนงงออกมา

หลากหลายความรู้สึกล้วนแสดงออกมาได้อย่างชัดเจนทีเดียว จนมาถึงแม่ของหวางเซียวอี้เป็นลำดับสุดท้าย คุณนายหวางจูงมือของหวาผิงมานั่งด้วยความกระตือรือร้น

ของที่หวางเซียวอี้ซื้อมาได้ถูกคนรับใช้ย้ายเข้ามาในบ้าน ซึ่งเมื่อบอกว่าเป็นของที่หวาผิงซื้อมา

ดูเหมือนว่านายหญิงแก่ตระกูลหวางจะดีใจมากทีเดียว

ในระหว่างที่กำลังรับประทานอาหาร เพื่อให้ทุกคนได้มองเห็นเธอชัด ๆ

นายหญิงแก่จึงตั้งใจให้หวางเซียวอี้และหวาผิงนั่งอยู่โต๊ะหลัก

ซึ่งโต๊ะตัวนี้ มีทั้งนายหญิงแก่ พ่อและแม่ของหวางเซียวอี้ พี่สาวและพี่เขยของหวางเซียวอี้

แล้วก็ยังมีคุณลุงและคุณอาที่เป็นญาติของหวางเซียวอี้ ต่างก็ล้วนเป็นญาติที่สนิทที่สุดทั้งนั้น

ส่วนญาติที่เหลือต่างก็นั่งประจำในโต๊ะตัวอื่น ต้องบอกก่อนว่า กฎระเบียบของตระกูลหวางค่อนข้างเข้มงวดมากเลยทีเดียว

เมื่อก่อนหวาผิงรู้สึกว่างานเลี้ยงของตระกูลเธอในทุกครั้งก็ยุ่งยากมากพออยู่แล้ว ตอนนี้เมื่อมาเปรียบเทียบกับตระกูลหวางแล้ว ก็รู้สึกว่าตระกูลของตัวเองถือว่าเป็นกันเองมากกว่า

บนโต๊ะอาหาร นายหญิงแก่ตระกูลหวางเอาแต่พิจารณาหลานสะใภ้ในอนาคตอยู่ตลอดเวลา

อันดับแรก เรื่องหน้าตา เธอพอใจมากทีเดียว

ถึงแม้ว่าหวาผิงจะเป็นดาราใหญ่ก็ตาม แต่ก็ไม่ได้ทำศัลยกรรมแต่อย่างใด ตรงกันข้ามกลับมีใบหน้ารูปไข่ กลม ๆ อวบอิ่มมาก

ดวงตาก็โต อวัยวะทั้งห้าดูมีสามมิติงดงามละเอียดอ่อนมากจริง ๆ คุ้มค่าที่จะมองดู ถ้าให้หวาเหวินมาพูดละก็ เธอเองก็รู้สึกว่าพี่สามนั้นมีบุคลิกที่ดี เหมือนกับหลี่เจียซินตอนวัยรุ่นอย่างไรอย่างนั้นเลย

หลังจากที่มาทำสายอาชีพนี้ เธอก็ได้กลายเป็นดาราใหญ่ที่เป็นที่รู้จักกันทั่วบ้านทั่วเมือง อีกทั้งยังมีคนสรรเสริญมากมายอีกด้วย ทักษะการแสดงก็ดี จนได้รับรางวัลมากมาย

ไหนจะรายได้อีก แวดวงบันเทิงก่อนหน้านั้นเธอมีรายได้จากนิตยสาร Forbes จนหวาผิงถูกจัดให้อยู่ในลำดับที่หกผู้ที่มีรายได้ต่อปี 120 ล้านหยวนเลยทีเดียว

อีกทั้งใน 120 ล้านนี้ยังไม่นับรวมเงินปันผลจากหุ้นส่วนของตระกูลหวาอีกนะ

เมื่อดูจากลำดับศักดิ์แล้ว บริษัทตระกูลหวาที่มีชื่อเสียงโด่งดัง เป็นหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ ช่างเป็นคู่ที่เหมาสมะกับตระกูลหวางทั้งชื่อเสียงและทั้งเกียรติยศมากจริง ๆ

ประวัติการเรียนในลำดับสุดท้ายก็ไม่สำคัญอีกต่อไป เพื่อจะได้เล่นภาพยนตร์ตามความฝัน หวาผิงได้ทิ้งโอกาสที่จะได้ไปเรียนต่างประเทศ แล้วก็มาศึกษาปริญญาโทในมหาวิทยาลัยการแสดงภายในประเทศ

ถึงแม้ว่าประวัติการเรียนจะต่ำที่สุดในตระกูลก็ตาม แต่ความโดดเด่นด้านอื่น ๆ ละก็ ประวัติการศึกษาไม่สำคัญอีกแต่อย่างใด

นายหญิงแก่ตระกูลหวางยิ่งมองก็ยิ่งชอบมากขึ้น หลังจากนั้นจึงได้ถามขึ้นอย่างเป็นกันเองว่า “หวาผิง หนูกับจูนเสี่ยนคบกันมานานแค่ไหนแล้วละ?”

“หนู……..” หวาผิงมองไปทางหวางเซียวอี้ทันใด

“คุณย่า พวกเราเพิ่งคบกันได้ไม่ถึง 1 เดือนเลยครับ”

“แล้วทั้งสองคนรู้จักกันได้ยังไงละ?” นายหญิงแก่เองก็อยากรู้ เลยถามขึ้นมาในทันที

หวาผิงรีบตอบไปว่า “น้องห้าและน้องเขยพามาให้รู้จักกันคะ”

“ครับ คุณย่าก็รู้นี่ครับ เจียงหยู่เป็นเพื่อนสนิมของผม ส่วนภรรยาของเจียงหยู่ก็เป็นน้องห้าของหวาผิง”

“เรื่องนี้ย่าเองก็เคยได้ยินมาก่อน หลังจากนนี้อ่ะ ทุกคนก็จะกลายเป็นญาติกันแล้ว คอยดูแลเอาใจใส่กันและกัน มีการร่วมมือทางธุรกิจมากมาย นี่ถือว่าเป็นเรื่องดี”

พ่อแม่ของหวางเซียวอี้ที่นั่งอยู่ตรงกลางก็ได้พูดคุยกับหวาผิงอยู่สองสามประโยค

หวาผิงเองก็ไม่ได้รับประทานอาหารแม้แต่คำเดียว ความจริงแล้วเธอกินไม่ลงต่างหาก เหตุผลแรกเพราะมีคนมากเกินไป เหตุผลที่สองเพราะเนื้อมื้อใหญ่ขนาดนี้ทำให้เธอไม่มีความอยากอาหาร

“จูนเสี่ยน แกเห็นไหมว่าหวาผิงไม่ได้แตะอาหารแม้แต่คำเดียว รีบตักให้น้องสิ” นายหญิงแก่กำชับ

หวางเซียวอี้จึงคีบเนื้อย่างแดงขึ้นมาหนึ่งชิ้น จากนั้นก็ยื่นไปตรงหน้าของหวาผิง

“มา ชิมดูสิ”

“ฉันไม่กินเนื้อ ลดความอ้วนอยู่” หวาผิงแสร้งยิ้ม

“ชิมสักชิ้น ไม่อ้วนหรอก อย่าดื้อสิ ไม่อย่างนั้น………ฉันจะใช้ปากป้อนให้เธอเอาไหม?” หวางเซียวอี้จะยิ้มแต่ก็ไม่ได้ยิ้มออกมา

หวาผิงรู้สึกได้ถึงไฟภายในได้ปะทุขึ้นมาแล้ว

ด้วยความกลัวว่าเขาจะใช้ปากป้อนจริง ๆ หวาผิงเลยรีบอ้าปากแล้วกัดไปบนเนื้อแดงนั้น และกินในทันที

หลังจากนั้นหวางเซียวอี้ก็แกล้งบีบแก้มของหวาผิงด้วยท่าทางสนิทสนม “น่ารักมาก ดูเธอสิผอมจะแย่แล้ว ต้องกินข้าวด้วยถึงจะดี”

เมื่อหวาผิงถูกบีบแก้ม ไฟโกรธก็ก่อตัวขึ้นมาทันที แต่การจะระเบิดต่อหน้าของตระกูลหวางคงไม่ดีแน่

ทำได้เพียงแค่เหยียบเท้าของหวางเซียวอี้อยู่ใต้โต๊ะเท่านั้น เพื่อแก้แค้น

นายหญิงแก่เห็นความสัมพันธ์ของทั้งสองเป็นไปได้ด้วยดีขนาดนี้ ก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างมากทีเดียว จากนั้นก็ยิ้มพร้อมพูดขึ้นว่า “ก่อนหน้านั้น ฉันเป็นห่วงหลานชายของฉันมาตลอด เขาเป็นคนไม่ชอบพูด และทำตัวโง่เง่ามาตั้งแต่เด็ก ๆ ย่าเลยกลัวว่าเขาจะทำให้ผู้หญิงไม่มีความสุข แล้วทำให้แต่งงานช้า เลยพยายามผลักดันเขา แต่มันก็ดีแล้ว หวาผิง ทั้งสองคนจะแต่งงานกันเมื่อไหร่เหรอ?”

ลิขิตรักส่งฉันมาเป็นคู่เธอ

ลิขิตรักส่งฉันมาเป็นคู่เธอ

Status: Ongoing

ลือกันว่าหวาเหวิน คุณหนูห้าของตระกูหวาที่เป็นตระกูลใหญ่นั้นเป็นคนที่พูดติดอ่างและหน้าตาอัปลักษณ์ ตั้งแต่เด็ก เธอก็ไปทำสมาธิบนเขากับคุณย่า จนถึงที่บ้านหมั้นหมายผู้ชายให้ เธอจึงกลับมา ในวันแต่งงาน เจ้าบ่าวก็หนีงานแต่งไปนอนกับดาราหญิงไก่กา เรื่องนี้แพร่กระจายออกไปให้คนรู้กันทั่วในงานแต่ง หวาเหวินที่โดนคนหัวเราะเยาะนั้นใช้นิ้วชี้ไปผู้ชายคนหนึ่ง ลากเขาขึ้นมาดำเนินงานแต่งต่อ สิ่งที่ทำให้ทุกคนตกใจนั้นคือชายหนุ่มที่หวาเหวินสุ่มลากไปแต่งงานนั้นเป็นเจียงหยู่ ลูกชายคนเดียวของตระกูลใหญ่สุดตั้งแต่นั้นมา หวาเหวินโดนเขาทรมานทุกคืน จนถึงเธอทนต่อไปไม่ได้อีก“เจียงหยู่ ไอ้คนเลว เราคุยกันดีแล้วไม่ใช่หรือ ว่านี่มันเป็นแค่การแต่งงานปลอมๆ” เจียงหยู่ทำหน้าไร้เดียงสา“ใช่ ฉันกำลังใช้ร่างกายเพื่อรักษาคู่ชีวิตของเราอยู่….”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท