ตอนที่ 42: ความสัมพันธ์แบบไหน
คนขับรถของเผยลี่เชินตามเขามาหลายปีแล้ว เป็นคนที่ซื่อสัตย์อย่างยิ่ง แถมยังมีความรู้ด้านวิชาต่อสู้อีก เผยลี่เชินได้ทั้งคนขับรถและบอดี้การ์ดในคนเดียวกัน
“เลขาไป๋ อันนี้คุณชายเตรียมไว้ให้คุณ เขาให้ผมเอามาให้ครับ”
เจิงหงพูดไปด้วยยื่นเสื้อผ้าที่คลุมผ้ากันฝุ่นไว้ให้ ไป๋เสว่เอ๋อร์ลังเลครู่หนึ่ง แล้วรับเอาไว้ขอบคุณเสียงเบา
เมื่อเธอกลับเข้ามาในห้อง แกเผ้ากันฝุ่นออกแล้วเห็นชุดเดรสที่อยู่ข้างใน ทำให้เธอแอบตะลึงเบา ๆ
เธอเห็นก็รู้ว่านี่เป็นชุดเดรสแบรนด์เนมรุ่นลิมิเต็ด ผ้าใยไหมสีเทาเงินเงางามราวกับแสงจันทร์
ไป๋เสว่เอ๋อร์ไม่คิดว่าเผยลี่เชินจะใส่ใจเตรียมชุดออกงานให้เธอ เธอถอดเสื้อบนตัวออก ลองใส่ชุดที่เขาเตรียมไว้ ขนาดและโค้งเว้าพอดีเป๊ะ ราวกับสั่งทำเพื่อเธอ
เธอมองตัวเองในกระจก ขณะที่เหม่อลอยเธอรู้สึกว่าคุณหนูไป๋ในวันวานกลับมาอีกครั้ง แต่วันนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไป เธอในตอนนี้ไม่ใช่คุณตะกูลไป๋อีกต่อไป แต่เป็นเลขาที่อยู่ข้างกายเผยลี่เชิน
ไป๋เสว่เอ๋อร์ตั้งสติได้รีบแต่งหน้าให้เข้ากับชุด เมื่อทุกอย่างเตรียมเสร็จเรียบร้อยแล้วค่อยเดินออกจากประตู
คนขับรถเจิงหงรออยู่หน้าประตูห้องเผยลี่เชินแล้ว ผ่านไปสักพัก เผยลี่เชินออกมาจากห้อง
เขาอยู่ในชุดสูทสีเทาเหล็ก ทุก ๆ ที่บนตัวดูไร้ที่ติ เขาเงยหน้าขึ้นมองไป๋เสว่เอ๋อร์ผ่าน ๆ แล้วเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเขาอึ้งไปชั่วขณะ แต่สีหน้าบนหน้ายังคงเรียบนิ่ง เขาเดินออกมาแล้วพูดนิ่ง ๆ ว่า “ไปกันเถอะ”
เหมือนไม่ได้เจาะจงพูดกับเธอ และก็ไม่เหมือนจะพูดกับเจิงหง แต่รับรู้ถึงน้ำเสียงที่ผ่อนลง
ไป๋เสว่เอ๋อร์เดินตามหลังเขา มองดูเสื้อสูทสีเทาของเขาแล้วรู้สึกหงุดหงิด ชุดของเขาทั้งสองคนเป็นโทนสีเดียวกัน บังเอิญหรอ? หรือว่าเขาจงใจกันแน่?
เมื่อพวกเขามาถึงล็อบบี้ของโรงแรมหนันไห่ เริ่มมีคนจำนวนไม่น้อยมาถึงในงาน หลังจากเข้าไปในงานแล้วไป๋เสว่เอ๋อร์เดินแนบชิดเขาตามคำสั่งของเผยลี่เชิน
ไป๋เสว่เอ๋อร์อ่านเอกสารที่เผยลี่เชินให้มาตั้งแต่กลางวัน เข้าใจถึงบุคคลสำคัญที่จะร่วมงานในวันนี้ ล้วนเป็นข้าราชการที่เป็นปัจจัยสำคัญต่อที่ดินที่นั้น
ถึงแม้เขาจะคุยกับคนที่อยู่อสังหาฯหนานไห่เรียบร้อยแล้ว แต่ถ้าราชการพวกนี้ยังไม่ตกลงก็ถือว่าไร้ซึ่งประโยชน์อยู่ดี
เพิ่งเดินผ่านล็อบบี้ไปยังไม่ทันถึงโซนเลาจ์ พวกเขาเจอกับคนรู้จักเข้า Chris ที่เพิ่งเจอเมื่อวานพอเห็นพวกเข้าปุ๊บรีบพุ่งมาหา
“คุณเผยก็มาร่วมงานหรอครับ บังเอิญจังเลย”
เผยลี่เชินหัวเราะเบา ๆ ตอบกลับเป็นมารยาท “คุณ Chris บังเอิญมากครับ ถ้าวันนี้มีโอกาส ผมอยากจะคุยกับคุณมากขึ้นนะครับ”
“ได้แน่นอนครับ”
เผยลี่เชินคงจะทำให้ Chris ประทับใจไม่เบา เขารีบชวนเผยลี่เชินและไป๋เสว่เอ๋อร์ไปคุยเล่นกันที่โซนเลาจ์ด้านข้าง ทุกคนล้วนเป็นนักธุรกิจหมด ต่างรู้ว่าหัวข้อที่อยากคุยคืออะไร
“เมื่อวานได้ยินคุณเผยอธิบายโครงการที่คุณดูแลอยู่คร่าว ๆ ผมเองไม่ได้มีความเห็นอะไร แต่ที่ดินที่คุณสนใจหนะยังมีปัญหาอยู่นิดหน่อย ถ้าผู้อำนวยการของศูนย์ควบคุมอสังหาฯหนานไห่ไม่เอ่ยปาก ที่นี้ไม่มีทางปล่อยไปแน่นอน อีกอย่างพวกเราอสังหาฯหนานไห่ก็ยังต้องฟังคำสั่งจากหน่วยราชการอีกที”
Chris พูดอย่างตรงประเด็น หมายความว่าที่ดินที่ว่านี่ถ้าผู้อำนวยการอนุมัติถึงจะผ่าน ไม่งั้นต่อให้เขาอนุมัติเองก็ไม่มีประโยชน์ใด ๆ
เผยลี่เชินยืดอกนั่งตัวตรงขึ้น พูดด้วยท่าทางสุขุม “พวกเราเข้าใจหมดครับ ผมจะพยายามคุยกับผู้อำนวยการอีกครั้ง ถ้าทุกอย่างเรียบร้อยแล้วผมจะติดต่อคุณอีกทีครับ”
Chris พยักหน้า “แค่พวกคุณเข้าใจก็พอครับ งานคืนนี้ผู้อำนวยการก็จะมาเหมือนกัน พวกคุณลองพูดคุยกับเขาดูอีกที”
พวกเขาคุยกันได้สักพัก Chris ขอตัวไปก่อน เผยลี่เชินเอนตัวพิงเบาะ สายตากวาดรอบผู้คน
ไป๋เสว่เอ๋อร์เงยหน้าขึ้นพร้อมความสงสัย มองไปทางเผยลี่เชิน ถามเบา ๆ “ถ้าเป็นอย่างงี้ ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมอสังหาฯหนานไห่คือกุญแจสำคัญของเราในวันนี้งั้นหรอ”
เผยลี่เชินสายตาทอประกายหว่านมองกวาดไปทั่ว ตอบด้วยเสียงเข้ม “เป็นไปได้”
จู่ ๆ เหมือนเห็นเป้าหมายที่เล็งไว้นาน สีหน้าของผู้ชายดูเคร่งขรึมขึ้นมา เขาลุกขึ้นแล้วมองไปทางไป๋เสว่เอ๋อร์ พูดด้วยเสียงต่ำ “ตามผมมา”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ได้ยินเสียงเขา ในใจมีความตื่นเต้นกังวล เธอไม่รอช้ารีบลุกขึ้นตามไป
เธอเดินตามผู้ชายไปศูนย์กลางล็อบบี้ เพิ่งจะเดินไปไม่กี่ก้าว เธอสังเกตได้ว่าผู้ชายข้างกายเริ่มเดินช้าลง ต่อมาเขาเอื้อมมือมาโอบเอวของเธอไว้
ท่าทางที่มาอย่างไม่ทันตั้งตัวทำให้เธอตกใจ เธอยังไม่ทันได้เอ่ยปากถามก็สังเกตเห็นถึงเงาสูงยาวสีฟ้าน้ำทะเลกำลังเข้าใกล้พวกเขา ขณะที่เธอยังไม่ทันได้ตั้งสติ หญิงสาวผู้หนึ่งเดินมาขวางหน้าเผยลี่เชินไว้
“บังเอิญจังเลยลี่เชิน”
เมื่อไป๋เสว่เอ๋อร์ตั้งใจมองดูแล้ว เพิ่งเห็นว่าเจ้าของเสียงอ่อนหวานเยิ้มจนเป็นน้ำนี้คือเหอหย่าหานที่โทรหาเผยลี่เชินเมื่อวาน
เธอโผล่มาที่เมืองหนานไห่ได้อย่างไร อีกทั้งยังปรากฏตัวในงานเลี้ยงนี้ด้วย
เผยลี่เชินเห็นเธอคนนั้น สีหน้าคงเรียบเหมือนเดิม รวมไปถึงมือที่วางอยู่ตรงเอวของไป๋เสว่เอ๋อร์ยังไม่ขยับไปไหน “คุณมาได้ไงครับ”
สายตาของเหอหย่าหานกวาดตั้งแต่หัวจรดเท้าของไป๋เสว่เอ๋อร์อย่างรวดเร็ว ดวงตาฉายแววไม่สบอารมณ์ทันทีแล้วหายไป เธอก้าวมาข้างหน้าเข้าใกล้เผยลี่เชินครึ่งเก้า ยิ้มแล้วพูดว่า “ฉันมาเยี่ยมป้าหนะ ได้ข่าวจากน้าเผยว่าคุณอยู่เมืองหนานไห่และจะมาร่วมงานนี้เหมือนกัน ฉันเองก็ว่างพอดีเลยมานี่ค่ะ ”
คำพูดระหว่างประโยคเต็มไปด้วยความรู้สึกดีที่เธอมีต่อเผยลี่เชิน
ไป๋เสว่เอ๋อร์เชื่อมโยงเหตุการณ์ตอนที่พวกเขาอยู่ที่บาร์โยวหลาน เธอหงี่ตาแล้วเข้าใจทันทีว่าเขาโอบเอวเธอเป็นการสร้างภาพ แต่ใช้เธอเพื่อไล่ผู้หญิงคนนี้ออกไปเป็นเรื่องจริง
รอยยิ้มบนหน้าของเหอหย่าหานชะงักกลางคันเมื่อเห็นมือของเผยลี่เชินวางอยู่ระหว่างเอว เธอขยับมุมปากแล้วมองไปทางเผยลี่เชินด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนหวานหยด “ลี่เชิน ฉันยังคิดว่าครั้งนี้คุณมาทำงานเสียอีก แต่…”
เธอจงใจลากเสียงยาว สายตากวาดบนไป๋เสว่เอ๋อร์ ความหมายชัดเจนโดยไม่ต้องพูดออกมา
แต่เผยลี่เชินแกล้งทำเป็นไม่เข้าใจความหมายที่เธอจะสื่อ “ก็มาทำงานจริง ๆ หนิครับ มีปัญหาอะไรมั้ยครับ”
“ไม่มีปัญหาค่ะ” สีหน้าของเห่อหย่าหานซีดลงทันที สายตาที่มองไปทางไป๋เสว่เอ๋อร์กลับมีความคับแค้นเพิ่มขึ้น “แต่ว่าลี่เชิน ฉันถามหน่อยได้มั้ยว่าคุณกับคุณไป๋มีความสัมพันธ์แบบไหน”
ขณะที่พูดประโยคนี้เสียงของเหอหย่าหานยังคงอ่อนโยน ราวกับไม่สนใจอย่างงั้น แต่ไป๋เสว่เอ๋อร์มองเห็นมือขวาที่กำไว้แน่นอยู่ข้างกาย
เผยลี่เชินชะงักไปชั่วขณะ แสยะยิ้มแล้วก้มหัวมองไป๋เสว่เอ๋อร์ในอ้อมกอด เสียงอ่อนโยนลงกว่าปกติ “คุณพูดสิ ว่าเราเป็นความสัมพันธ์แบบไหน”
เห็นเผยลี่เชินปฏิบัติิตัวอ่อนโยนกับผู้หญิงอีกคน เหอหย่าหานตาเขียวปั๊ด เธอใช้ทุกวิถีทางเพื่อได้มาซึ่งตารางงานของเผยลี่เชิน อุตส่าห์ตามจะเมืองไห่เฉิงมาถึงเมืองหนานไห่ แต่กลับเห็นเขากำลังนัวเนียกับผู้หญิงคนอื่น
ไป๋เสว่เอ๋อร์ไม่คาดว่าเผยลี่เชินจะโยนระเบิดให้เธอตอบ รอยยิ้มบนหน้าเธอแข็งเกร็งไปหมด
เรื่องมาถึงขนาดนี้ต่อให้เธอไม่อยากแกล้งแสดงก็ต้องแสดงต่อไป
เธอค่อย ๆ หันหน้ามองไปทางเหอหย่าหาน หน้าตายิ้มแย้มแล้วพูดขึ้นด้วยเสียงเบา “ความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับลี่เชิน ก็ตามที่คุณเห็นหละค่ะ”