ตอนที่ 47: อยากรู้จักเป็นเพื่อนเฉยๆ
ตอนแรกไป๋เสว่เอ๋อร์นึกว่าพวกเขาจะเธอไปด้านบนของโรงแรมหนานไห่ ถ้างั้นก็จะผ่านคนเยอะ เธอจะได้ฉวยโอกาสร้องขอความช่วยเหลือ แต่ชายเสื้อสูทกลับพาเธอเดินผ่านล็อบบี้ชั้นหนึ่งแล้วเลี้ยวลงชั้นใต้ดินเลย
เธอรู้สึกตกใจเพราะไม่คิดว่าโรงแรมยังมีชั้นใต้ดินอีก ทางเดินที่ทั้งแคบทั้งยาว สองข้างเต็มไปด้วยห้องวีไอพีที่เป็นล็อค ๆ ขณะที่มีคนเข้าออกห้อง ไป๋เสว่เอ๋อถือโอกาสมองเข้าไปในห้อง ซึ่งภายในนั้นเต็มไปด้วยฉากเอนเตอร์เทนเฮฮาเมาเหล้า
เธอหายใจเข้าแล้วล้วงโทรศัพท์ออกมา ปลดล็อคแล้วเปิดรายชื่อผู้ติดต่อออกมา จู่ ๆ มีมือใหญ่ยื่นมาบีบเข้าที่ข้อมือเธอ
แรงมหาศาลของหนุ่มฉกรรจ์แทบจะบีบเธอจนกระดูกหัก ไป๋เสว่เอ๋อร์ร้องออกมาด้วยความปวด อยู่ดี ๆ มีเสียงดังขึ้นจากข้าง ๆ “ปล่อยมือเถอะ”
ชายฉกรรจ์ปล่อยมือพลัน ไป๋เสว่เอ๋อร์สะบัดมือด้วยความเจ็บปวด เห็นรอยแดงรอบข้อมือ หน้าชาไปครึ่งซีก
ชายชุดสูทจ้องเขม็งมาทางเธอ “คุณหญิงไป๋ ผมเตือนว่าคุณอย่าตุกติกดีกว่าครับ ถ้าคุณทำตัวดี ๆ พวกผมก็จะทำตัวดี ๆ กับคุณครับ แต่ถ้าคุณมีท่าทางอะไรอีกก็อย่าหาว่าผมไม่เตือนนะครับ”
คำพูดข่มขู่คลาสสิค ตั้งแต่ไป๋เสว่เอ๋อร์เกิดจนถึงตอนนี้ไม่มีคำพูดแบบไหนที่เธอไม่เคยได้ยิน เธอกัดฟันเก็บโทรศัพท์เข้าไปในกระเป๋า นิ่งเงียบไม่พูดอะไร
ชายสูทดำเห็นเธอไม่พูดอะไรถึงหันหลังไปนำทางต่อ ชายร่างใหญ่หนีบเธอทั้งซ้ายและขวา แถมอีกคนตามอยู่ด้านหลัง ต่อให้เธอมีปีกงอกออกคงก็คงจะหนีไม่รอดอยู่ดี
พอเดินสักพักก็มาถึงห้องวีไอพีที่อยู่สุดทางเดิน ชายสูทดำผลักประตูเข้าไป แล้วเบี่ยงตัวทำท่าจะให้ไป๋เสว่เอ๋อร์เข้าไปข้างใน
ไป๋เสว่เอ๋อร์ก้าวเข้าไปในห้องด้วยความไม่เต็มใจ สิ่งแรกที่เธอเห็นคือห้องวีไอพีที่กว้างใหญ่ ตกแต่งอย่างหรูหรา โซฟาก็เป็นหนังแท้ โต๊ะหน้าโซฟาเรียงเต็มไปด้วยเหล้าหลากหลายประเภท ด้านข้างมีโต๊ะสำหรับเล่นไพ่ อีกด้านหนึ่งแขวนลูกดอกเรียงราย
ไป๋เสว่เอ๋อร์ชะงักไปพักใหญ่แล้วสายตามาหยุดบน ตัวของผู้ชายคนหนึ่ง ชายเสื้อสูทเดินไปข้างหน้า รายงานด้วยน้ำเสียงเคารพ “คุณชายลู่ พาคนมาแล้วครับ”
นี่คือผู้ชายที่เธอเห็นเมื่อสักครู่ขณะที่เธอกำลังทานอาหารอยู่ที่เล้าจ์
แต่เธอคิดยังไงก็คิดไม่ออกว่าผู้ชายคนนี้เป็นใครกันแน่
ในสมองเต็มไปด้วยความสงสัย ไป๋เสว่เอ๋อร์ ยังไม่ทันได้พูดอะไรก็มีผู้ชายสามคนเชิญเธอไปข้าง ๆ นอกจากผู้ชายที่ถูกเรียกว่า ‘คุณชายลู่’ ซึ่งข้างเขายังมีผู้ชายอีกสามคนแต่ละคนต่างโอบกอดหญิงสาวไว้ข้างกาย สายตาส่องสอดเธออยู่เรื่อย
“คุณไป๋ครับ คงจะไม่ได้ทำคุณตกใจใช่ไหมครับ” คุณชายลู่เอ่ยถามเบา ๆ ยกแก้วเหล้าแล้วดื่ม จากนั้นทำท่าสั่งให้คนข้าง ๆ เทเหล้าให้ไป๋เสว่เอ๋อร์
“คุณชายลู่ ไม่ทราบว่าคุณเชิญฉันมาทำอะไรคะ ถ้าฉันจำไม่ผิด นี่น่าจะเป็นครั้งแรกที่เราเจอกันนะคะ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์พยายามอั้นอารมณ์ตัวเองเอาไว้ พูดไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ไม่ต้องเกรงใจขนาดนั้น เรียกผมว่าลู่ชิงอวี่ก็พอ ที่ผมเชิญคุณไป๋มาวันนี้ก็เพราะอยากจะทำความรู้จักกับคุณ เป็นเพื่อนกันเฉย ๆ ครับ”
ไป๋เสว่เอ๋อรได้ยินแล้วสายตาสั่นระยิบ คำพูดทางการเทือกนี้เธอไม่เชื่อหรอก
ไป๋เสว่เอ๋อร์ยิ้มมองบริกรเสิร์ฟเหล้ามาให้ เงนหน้ามองลู่ชิงอวี่ “เป็นเพื่อนได้ค่ะ แต่ว่าขอโทษนะคะคุณชายลู่ ฉันไม่ดื่มค่ะ”
“ใช่หรอครับ” ลู่ชิงอวี่ยีตา เล่นลูกดอกในมือไปมา ฉีกยิ้มราวกับสุนัขจิ้งจอก “แต่เมื่อกี้ผมเห็นคุณไป๋ดื่มไวน์กับหัวหน้าหม่านะครับ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ใจหายวูบ เงยหน้ามองลู่ชิงอวี่ เกิดความไม่ไว้วางใจขึ้น
ผู้ชายคนนี้เป็นใครกันแน่ แล้วต้องการอะไร ไม่เพียงแต่รู้จักเธอและเผยลี่เชิน แถมยังรู้ตารางเวลาของพวกเขาอย่างชัดเจน
“ไม่ต้องกังวลไป มา เรามาดื่มกันสักหน่อย” ลู่ชิงอวี่พูดแล้วยกแก้วขึ้นมา เดินไปทางไป๋เสว่เอ๋อร์
ไป๋เสว่เอ๋อร์กำมือแน่น กำลังจะเอ่ยปากปฏิเสธแต่ได้ยินผู้ชายข้าง ๆ พูดว่า “คุณชายลู่ เด็กนี่ไม่รู้เรื่องเลย น่าเบื่อมาก ฉันว่านะถ้าพูดไม่ฟังก็อัดเหล้ามันเลย”
พอได้ยินคำพูดแบบนี้คนข้าง ๆ ต่างหัวเราะขึ้นมา ลู่ชิงอวี่หัวเราะ สายตาทอประกายความอันตรายขึ้น เขาจ้องมาทางไป๋เสว่เอ๋อร์แล้วพูดด้วยเสียงขัน “คุณหนูไป๋ครับ ความอดทนผมมีจำกัดนะครับ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์จ้องหน้าคนที่อยู่ตรงหน้า เกิดความขยะแขยงขึ้นทันที ผู้ชายคนนี้เป๊ะตั้งแต่หัวจรดเท้า พูดจาก็ไม่ได้โผงผาง แต่กลับให้ความรู้สึกแบบกดดันอย่างบอกไม่ถูก ทำให้คนรู้สึกไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่
ขณะที่ไป๋เสว่เอ๋อร์จ้องแก้วที่ลู่ชิงหวี่ยื่นมาให้ กัดฟันไม่รู้จะทำตัวยังไง จู่ ๆ ประตูดัง “เอี๊ยด” ถูกเปิดออก
คนในห้องมองไปทางเสียงประตูเปิดพร้อมเป็นสายตาเดียวกัน ไป๋เสว่เอ๋อร์เงยหน้า เห็นร่างสูงใหญ่ตรงหน้าประตู หัวใจเต้นจนไม่เป็นจังหวะ
นั่นเผยลี่เชิน!
ไป๋เสว่เอ๋อร์หายใจเข้าลึก ๆ แล้วรีบลุกขึ้นมา กดอารมณ์ที่เปี่ยนล้นไว้แล้วพูดขึ้น “ประธานเผยคะ”
เผยลี่เชินกวาดมองห้องหนึ่งรอบ แล้วเข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง เขาเกินก้าวมาข้างหน้า ยื่นมือไปโอบไป๋เสว่เอ๋อร์เอาไว้ แต่สายตามองไปทางลู่ชิงอวี่ ค่อย ๆ พูดขึ้น “คุณชายลู่ ไม่ทราบว่าคุณเชิญตัวเลขาผมมานี่ มีธุระอะไรมิทราบ”
ลู่ชิงอวี่จ้องมาที่เขาสักพักวางแก้วในมือลง ยิ้มแล้วลุกขึ้นยืน “แค่อยากรู้จักเป็นเพื่อนเฉย ๆ ประธานเผยน่าจะไม่คิดอะไรมากนะครับ”
มือที่พาดอยู่บนบ่าไป๋เสว่เอ๋อร์กำแน่นขึ้น แต่บนหน้ากลับไร้ความหวาดกลัว เขาโอบผู้หญิงแล้วเดินไปข้างหน้า หัวเราะเบา ๆ “ถ้าแค่เป็นเพื่อนเฉย ๆ ไม่ว่า แต่ถ้ามากกว่านั้นก็คงจะไม่ได้หละครับ”
ลู่ชิงอวี่จ้องเผยลี่เชินแล้วหัวเราะออกมาเสียงดัง “ประธานเผยครับ ผมรู้หน่า มาๆๆ พวกเรามาดื่มด้วยกันดีกว่า”
เขาพูดขึ้นแล้วให้คนข้าง ๆ เทเหล้า หลังจากนั้นก็ถือเหล้าสองแก้วเดินมา ยื่นให้เผยลี่เชินแก้วหนึ่ง ส่วนอีกแก้วให้ตัวเอง “ได้ยินชื่อเสียงโด่งดังของประธานเผยมานาน วันนี้เจอกันวันแรก ต้องดื่มกับคุณสักหน่อยแล้วครับ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ที่อยู่ในอ้อมกอดของเผยลี่เชินได้ยินรู้สึกประหลาดใจ เขาทั้งสองคนเพิ่งจะเคยเจอกันครั้งแรก แต่ทั้งสองคนแสดงท่าทางเหมือนรู้จักกันเป็นชาติ
เผยลี่เชินรับแก้วเอาไว้ต่างชนแก้วกัน จากนั้นกระดกจนหมดแก้ว ต่อมาเขาคว่ำแก้วเพื่อแสดงความจริงใจ “คุณชายลู่ เหล้าแก้วนี้ดื่มลงคอก็ถือว่าพวกเรารู้จักกันแล้ว ผมยังมีธุระขอตัวก่อนนะครับ”
เผยลี่เชินเพิ่งจะก้าวไปก้าวแรก ลู่ชิงอวี่เอาตัวขวางไว้ข้างหน้าพวกเขา “ประธานเผย คุณรีบไปไหนหละครับ เท่าที่ผมรู้ ครั้งนี้ที่คุณมาเมืองหนานไห่ไม่ใช่เพราะว่าเรื่องที่ดินนั่นหรอครับ พอดีวันนี้เรามาเจอกัน งั้นก็ถือโอกาสนี้มาคุยกันดีมั้ยครับ”
เผยลี่เชินชะงักแล้วเงยหน้ามองลู่ชิงอวี่ สายตามั่นคงแต่เย็นชา “คุณลู่จะคุยยังไงครับ”
ลู่ชิงอวี่แสยะยิ้ม หันหน้ามองไปทางโต๊ะเล่นไพ่ “ไม่งั้น เราเล่นสักเกมสองเกมมั้ยหละครับ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์มองพวกเขาด้วยความงุนงง ลู่ชิงอวี่นี่ดูเอาแน่เอานอนไม่ได้ ไม่เพียงแต่เข้าใจพวกเขามาก แถมยังรู้ว่าพวกเขามาที่นี่เพราะโครงการหนานไห่
จู่ ๆ เธอนึกคำพูดที่เผยลี่เชินพูดตรงระเบียงเมื่อกี้ เขาบอกว่าหัวหน้าหม่าบอกเขาที่ที่ดินนั้นถูกกักเอาไว้เพราะว่าหลานของรองนายอำเภอก็สนใจอยากได้ที่ดินนี้ หรือว่า…
ไป๋เสว่เอ๋อร์มองลู่ชิงอวี่อีกครั้ง คิดไปคิดมาแล้วมั่นใจว่าหลานของรองนายอำเภอเมืองไห่หนานคือเขานั่นเอง เพราะใช้เส้นสายอยู่เบื้องหัลง จึงสามารถให้เบื้องบนใช้ข้ออ้างว่า ‘มีข้อขัดแย้งอยู่’เป็นเหตุผลกักที่ดินนี่ไว้ ถ้าเผยลี่เชินยอมแพ้ที่ดินนี้ ก็จะทำให้ลู่ชิงอวี่ได้ในราคาที่ดีกว่าเดิม
เธอใช้เวลานานกว่าจะเข้าใจ แต่คาดว่าเผยลี่เชินน่าจะเข้าใจตั้งแต่แรกแล้ว
เผยลี่เชินมองโต๊ะไพ่ข้าง ๆ แววตาเปี่ยมไปด้วยความเย็นยะเยือก เขามองไปทางลู่ชิงอวี่ “เล่นได้ แต่จะประเดิมด้วยอะไรหละครับ”