ตอนที่ 65 โกรธรึ
ไป๋เสว่เอ๋อร์ขมวดคิ้ว นิ่งเงียบไม่พูดอะไรอยู่นาน
สายตาของเผยลี่เชินดูลุ่มลึก หันมามองเธอ “พูดซิ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์กัดริมฝีปาก พูดเสียงเบา “นอกจากที่พูด เรื่องอื่นฉันว่าฉันไม่ผิด”
เผยลี่เชินหรี่ตา หลังตรง ร่างของเขาเหมือนถูกปกคลุมไปด้วยความเย็น “ไป๋เสว่เอ๋อร์….”
ดูเหมือนเขาอยากพูดแต่พูดได้เพียงครึ่งเดียว อีกครึ่งก็เงียบไว้
ไป๋เสว่เอ๋อร์มือกำเสื้อไว้แน่น ร่างกายรู้สึกหนาวสั่น ไม่พูดอะไรอีกเลย
ไม่นานรถก็มาถึงประตูโรงแรม เผยลี่เชินเปิดประตู ฝนยังคงตกหนักจึงตรงกลับเข้าห้องทันที
ไป๋เสว่เอ๋อร์ซึ่งอยู่ด้านหลังเขา ไม่พูดอะไรเช่นกัน ทั้งสองเดินเข้าไปในห้องโถงใหญ่แล้วขึ้นลิฟต์ แต่กลับไม่สนใจซึ่งกันและกัน เหมือนคนแปลกหน้าสองคนที่ไม่รู้จักกัน
เมื่อไป๋เสว่เอ๋อร์เดินมาถึงประตูห้องของตัวเอง ถึงได้รู้ตัวในทันทีว่ากระเป๋าเธอยังคงอยู่ในรถของเขา เธอลืมหยิบมาด้วย
ไป๋เสว่เอ๋อร์ขมวดคิ้ว มองที่ประตูห้องลังเลว่าจะลงไปเอาที่รถดีหรือจะไปขอให้พนักงานต้อนรับข้างล่างมาช่วยเปิดประตู เสียง “ตี…ตี…” จากประตูห้องข้างๆ ดังขึ้นสองที ประตูห้องก็เปิดแล้ว
สายตาของชายคนนั้นหยุดอยู่บนร่างของเธอ แล้วพูดด้วยเสียงเย็นชา “มานี่ซิ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์กัดริมฝีปาก มองเผยลี่เชินแล้วมองกลับไปโดยไม่ทำอะไร
เธอยังคงโกรธอยู่ พวกเขาเพิ่งจะทะเลาะกัน ตอนนี้เธอไม่ยอมก้มหัวให้เขาก่อนแน่
เมื่อเธอตั้งใจแล้วว่าจะไปหาพนักงานโรงแรม เผยลี่เชินก้เดินเข้ามาหา คว้าข้อมือของเธอไว้
ฝ่ามือของชายผู้นั้นร้อนผ่าวสัมผัสถูกผิวหนังของเธอ ทำให้มือที่เย็นยะเยือกของเธออุ่นขึ้นในทันที เธอร้องอุทานเบาๆ แต่เธอกลับถูกเผยลี่เชินลากเข้าไปในห้องของเขา
“คา” เธอถูกลากเข้าไปในห้อง จากนั้นเขาก็ปิดประตู ไป๋เสว่เอ๋อร์สะบัดมืออกจากมือของเผยลี่เชินด้วยความเขินอายจนใบหน้ามีสีแดง
เผยลี่เชินเห็นใบหน้าของไป๋เสว่เอ๋อร์ ขยับตัวเล็กน้อยแต่ปฏิกิริยาตอบกลับของเธอทำให้ไม่มีทางเลือก
เห็นได้ชัดว่าเธอทำผิด แต่เธอก็ทำท่าทีเหมือนตัวเองถูกเอาเปรียบ เหมือนเขารังแกเธอ
เผยลี่เชินยักคิ้ว “ยังโกรธอยู่หรอ?”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ก้มหัวเล็กน้อย เมื่อได้ยินเสียงเขาก็เงยหน้าขึ้นมามองเขา ดวงตาของเธอมีสีแดงตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้
เผยลี่เชินก้มหัวลง จากมุมของเขาสามารถมองเห็นขนตางอนยาวของหญิงสาวและจมูกสีแดงทำให้จิตใจของเขาอ่อนลง เมื่อสายตาของเขากวาดมองไปที่เสื้อเปียกชื้นของเธอ คิ้วก็ขมวดเข้ม
เขาอดไม่ได้ที่จะจับมือเธอไว้ แล้วลากเธอไปที่ห้องน้ำ
“อาบน้ำเสร็จแล้วค่อยคุยกัน”
เมื่อสักครู่เดินไปถึงประตู ไป๋เสว่เอ๋อร์สะบัดมือออกจากมือเขา
เธอโกรธจริง วันนี้เธอโกรธไม่ใช่ว่าปุบปั๊บจะหายได้
เธอเงยหน้ากลั้นน้ำตาไว้มองดูเผยลี่เชินอย่างจริงจัง “คุณช่วยบอกฉันทีว่าฉันทำผิดตรงไหน?”
เธอต้องการให้เผยลี่เชินชดใช้ในสิ่งที่เกิดขึ้นจึงพยายามเต็มที่ ผิดอย่างไร? ผิดตรงไหน?
เผยลี่เชินมองดูหญิงสาวที่ตอนนี้ดูเอาจริงเอาจัง อารมณ์ที่ก่อตัวในใจกำลังแผ่นซ่านบอกได้เลยว่า ตอนที่เธอดื้อรั้นจริงจัง เธอน่ารักมาก
ครู่หนึ่งเหมือนย้อนเวลากลับไป เธอเหมือนลูกสาวของไป๋ซื่อที่ดื้อรั้นปากแข็ง
เผยลี่เชินเดินไปข้างหน้าเธอ แสร้งทำเป็นจริงจัง “ไปอาบน้ำก่อน ตัวเย็นหมดแล้ว”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ยังไม่ได้ตั้งใจที่จะขยับตัวไปไหน ยังคงยืนกรานที่จะรอคำตอบขากเขา
เผยลี่เชินขมวดคิ้วเล้กน้อยพูดอย่างเย็นชาว่า “ไป๋เสว่เอ๋อร์ ถ้าเธอยังไม่ขยับเดี๋ยวฉันจะช่วยเธอเอง”
ขณะที่เขาพูดก็ยื่นมือคว้าข้อมือของเธอลากเธอเข้าห้องน้ำ เปิดฝักบัวแล้วน้ำก็ไหนลงมาถูกตัวของคนทั้งสอง
น้ำที่ออกมาจากฝักบัวตอนแรกเป็นน้ำเย็น ร่างของไป๋เสว่เอ๋อร์สั่นไปทั้งตัว เดิมทีเสื้อผ้าที่เริ่มจะแห้งก็เปียกน้ำอีกครั้ง
เธอมองไปที่ชายหนุ่มที่มีสีหน้าเคร่งขรึม และรู้สึกไม่สบายใจในทันที
ในช่วงที่ผ่านมา เธอต้องอดทนอย่างมากกับอารมณ์ที่ไม่อยากทนตั้งแต่แรก ถูกทำให้อับอาย ถูกรุมล้อม ถูกปฏิเสธ เธอไม่กลัว แต่เธอกลัวว่าเธอจะไม่ได้รับการตอบกลับสำหรับสิ่งที่ตัวเองจ่ายไป กลัวว่าตัวเองพยายามเต็มที่แต่ไม่สามารถเปลี่ยนสถานะปัจจุบันได้ กลัวว่าตนเองจะไม่สามารถกลับไปใช้ชีวิตที่เงียบสงบได้
ครั้งนี้เผยลี่เชินปฏิเสธเธอ กลายเป็นฟางเส้นสุดท้าย ทำให้เธอต้องดึงอารมณ์ส่วนลึกในใจทั้งหมดของเธอออกมา
น้ำทำให้ผมและตัวเธอเปียกโชก ไปพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมา ไหล่เธอสั่นเล็กน้อย เธอสะอื้นทั้งน้ำตา
เผยลี่เชินเห็นเธอร้องไห้ หน้าเปลี่ยนสี เริ่มสับสนเล็กน้อย
ไป๋เสว่เอ๋อร์ร้องไห้ไม่น้อย หลังจากที่เธอเข้าไปทำงานที่เผยซื่อ แม้ว่าเธอจะถูกเรียกใช้ ถูกคนรังแก หรือวันที่เธอเข้าไปในห้องพิเศษของลู่ชิงอวี่ เผชิญหน้ากับเหตุการณ์แบบนั้น เธอก็ยังไม่ร้องไห้ แต่ตอนนี้เธอกลับร้องไห้
เห็นเธอร้องไห้ หัวใจของเผยลี่เชินเหมือนถูกดปุ่มโดยไม่มีสัญญาณเตือน ความเจ็บปวดค่อยๆ ก่อตัวและแพร่ขยายอย่างช้าๆ ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ หนึ่งวินา สองวินาทีผ่านไป ความรู้สึกก็ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น
เขาไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน ตอนนี้สมองเขาว่างเปล่า คิดแต่เพียงอยากกอดผู้หญิงคนนี้ไว้ในอ้อมแขน เขายื่นแขนออกมาสัมผัสแก้มของเธอเพื่อเช็ดน้ำตา และจูบเธอโดยไม่ลังเล
จูบที่ริมฝีปากขาวซีดของเธอ จูบที่น้ำตาของเธอ เขาอยากให้เธอหยุดร้องไห้
บรรยากาศแต่เดิมที่อึมครึมเย็นชาค่อยๆ เปลี่ยนเป็นอบอุ่น แม้แต่น้ำขากฝักบัวที่ไหลออกมาค่อยๆ อุ่นขึ้น รอจนไป๋เสว่เอ๋อร์สงบจิตสงบใจ เผยลี่เชินจึงปล่อยเธอ จากนั้นจึงค่อยๆ ถอดเสื้อผ้าที่เปียกชื้นของเธอออกอยากอ่อนโยน
ใบหน้าของไป๋เสว่เอ๋อร์เป็นสีแดง เวลานี้เธอหนีเขาไม่พ้น ได้แต่ก้มหน้า
ละอองน้ำในห้องเริ่มหนาขึ้นเรื่อยๆ ทำให้มองทั้งสองคนไม่ชัดเจน ขณะเดียวกันก็สร้างความลึกลับทำให้อยากรู้ และก็เก็บความลึกลับนั้นเอาไว้
รู้สึกว่าน้ำร้อนจะโดนถูกตัว ไป๋เสว่เอ๋อร์รู้สึกว่าร่างกายที่เย็นจากข้างในถึงข้างนอกค่อยๆ ตื่นตัวขึ้น
ภายในไอน้ำที่มีมากเหมือนหมอก เผยลี่เชินยกมือขึ้นค่อยๆ สัมผัสผมที่ข้างหูแล้วทัดไว้ที่ข้างหู
ไป๋เสว่เอ๋อร์เงยหน้ามองสายตาของเผยลี่เชิน ณ เวลานี้ ดวงตาของเขาเหมือนละอองน้ำซึ่งช่วยลดความเย็นชาที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกวัน ดูแล้วทำให้ผู้คนหลงเสน่ห์อยากเข้าใกล้
“เรื่องวันนี้ เธอยังไม่เข้าใจใช่ไหม?”
เสียงของเขาทุ้มต่ำ แต่ไม่แรง ทำให้เธอไม่ได้รู้สึกอะไร
เมื่อเห็นเธอไม่พูดอะไร เผยลี่เชินจึงพูดต่อ “ความผิดพลาดของเธอคือไม่ได้คำนึงถึงผลดีและผลเสียที่จะเกิดขึ้นกับทั้งสองฝ่าย หากอยากประสบความสำเร็จ ก่อนจะลงมือต้องคิดถึงผลลัพธ์ที่ได้อย่างน้อยสองข้อ
ไม่ใช่ว่าทุกเรื่องจะประสบความสำเร็จ ก่อนลงมือทำต้องคิดถึงผลเสียที่สุดว่าพวกเราจะรับได้หรือไม่ วันนี้เธอเล่นเดินหมากอันตราย นัดหมายกับหม่าสวี้หยางไว้ล่วงหน้าเพื่อใช้ขู่บังคังลู่ผิงชวน เธอคิดถึงแต่ผลสำเร็จ แต่กลับไม่คิดถึงว่าถ้าหากลู่ผิงชวนฉีกหน้าพวกเรา แล้วพวกเราจะทำอย่างไร?”
“เมืองหนานไห่เป็นถิ่นของเขา ตำแหน่งของหม่าสวี้หยางก็ไม่เท่าเขา แน่นอนว่าไม่สามารถขัดใจเขาเพื่อพวกเรา ถ้าหากลู่ผิงชวนเกิดไม่พอใจวิธีการประนีประนอมของพวกเรา เขาก็สามารถใช้อำนาจที่เขามีอยู่เล่นงานพวกเราได้ แบบนี้ย่อมไม่เป็นผลดีต่อพวกเราแน่”
ไม่เพียงแต่โครงการนี้จะทำให้เขาขุ่นเคืองใจ พวกเราเผยซื่อก็จะเสียโอกาสในการพัฒนาตลาดการค้าเมืองหนานไห่อีกด้วย
คำพูดของเผยลี่เชินทำให้ไป๋เสว่เอ๋อร์ได้สติขึ้นมาในทันที
ที่จริงก่อนจะลงมือจัดการเรื่องนี้ เธอคิดถึงแต่เพียงผลสำเร็จ แต่ไม่ได้คิดถึงความล้มเหลวที่อาจเกิดขึ้น