ตอนที่ 110 รีบลาออก
ตอนที่ไป๋เสว่เอ๋อร์ฟื้น ท้องฟ้าก็มืดแล้ว
เธอลืมตาเห็นผนังสีขาว เธอมึนหัวจนเกือบจะยกไม่ขึ้น หมดแรง
เผยลี่เชินซึ่งยืนอยู่ที่หน้าต่างได้ยินเสียงเธอ จึงหันกลับมามองไป๋เสว่เอ๋อร์ที่นอนอยู่บนเตียง แสงไฟส่องใต้ตาเธอ “ไป๋เสว่เอ๋อร์”
เสียงพึมพำทำให้ไป๋เสว่เอ๋อร์รู้สึกตัวมากขึ้น เงยหน้าขึ้นมองเห็นหน้าชายหนุ่มจึงรู้สึกถึงความปลอดภัยมากขึ้น “ฉัน…..ฉันหลับไปนานแค่ไหน?”
“สองสามชั่วโมงแล้ว”
เผยลี่เชินยกน้ำที่อยู่ข้างๆ ยื่นไปข้างหน้า สายตามองมือที่หมดแรงยกไม่ขึ้น
เขานั่งที่เตียงส่งแก้วน้ำมาอยู่ที่ปากของเธอ ไป๋เสว่เอ๋อร์ตะลึงก้มหน้าดื่มน้ำ
เผยลี่เชินป้อนน้ำให้เธอดื่มสามสี่รอบ จากคอที่เคยแห้งผากก็ลุเทาขึ้นมาก
เผยลี่เชินวางแก้วน้ำ “วันนี้เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
เขาให้ฉีเฟิงไปตรวจสอบ แต่ยังไม่ได้ความคืบหน้าอะไร ทำได้แค่ดูจากกล้องวงจรปิด ไห่เฉิงเป็นเมืองใหญ่ ในเขตเมืองจะตามหาตัวคนร้ายก็หาได้จากกล้องวงจรปิด ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
ไป๋เสว่เอ๋อร์ได้ยินดังนี้จึงหยุดคิด ความทรงจำเมื่อตอนกลางวันเหมือนน้ำที่ถาโถมเข้าหาตัวเธอ เธอรู้สึกตัวเย็นนิดๆ
เธอไม่เคยเห็นชายคนร้ายมาก่อน ปกติก็ไม่ได้พูดคุยติดต่อกับใคร แต่ชายคนนั้นเรียกชื่อเธอ ต้องการคิดบัญชีของเธอ เธอเองก็ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่
เธอส่ายหัวรู้สึกมึนงงเล็กน้อย “ฉัน….ไม่รู้”
เผยลี่เชินขมวดคิ้วเข้มขึ้น “ฉันแจ้งตำรวจแล้ว ด้วยความช่วยเหลือของตำรวจ ก็น่าจะจับตัวคนร้ายได้เร็วขึ้น”
ไป๋เสว่เอ๋อร์พยักหน้า เรื่องที่เกิดวันนี้ตั้งแต่ต้นจนจบ ก็พูดให้เผยลี่เชินฟังแล้ว
“ดูเหมือนเขาจะพูดทำนองว่า ฉันทำให้น้องสาวเขาโกรธ อะไรเนี่ย….แต่ฉันจำไม่ได้ว่าไปขัดใจใคร”
“น้องสาว?” เผยลี่เชินเงยหน้า ตามที่เขารู้ตั้งแต่ตระกูลไป๋เกิดเรื่อง เพื่อนๆ ของไป๋เสว่เอ๋อร์ก็หายหน้ากันไปหมด ตอนนี้เธออยู่กับเขาก็ไม่ได้ไปขัดใจหรือเป็นศัตรูกับใคร
หรือจะเป็นสวี่เยว่หรู?
สีหน้าของเผยลี่เชินดูเคร่งเครียด “เขาพูดอะไรอีก?”
“ไม่มี”ไป๋เสว่เอ๋อร์ส่ายหัว
ตอนนี้ให้เธอระลึกความทรงจำจำได้แม่นถึงดวงตาของชายคนร้าย ตอนนี้คิดถึงเธอรู้สึกเย็นวาบ
ใจสั่นคลอนเมื่อตอนเช้าไปเยี่ยมพ่อ พ่อบอกให้เธอระวังตัว หรือว่าวันนี้คนร้ายกับคนที่ใส่ร้ายครอบครัวตระกูลไป๋เกี่ยวข้องกัน?
ความสงสัยทุกอย่างเข้ามาอยู่ในสมองเธอ สุดท้ายยิ่งคิดก็ยิ่งสับสน
เผยลี่เชินเห็นเธอตกตะลึง อารมณ์ของเธอดูไม่ดี ใบหน้าครึ่งหนึ่งของเธอยังบวมอยู่ ที่หัวก็ยังมีผ้าพันแผลไว้ มุมปากมีรอยช้ำ ใจของเขารู้สึกเป็นห่วงจึงยื่นมือมากุมมือเธอไว้
เย็นเหมือนน้ำแข็ง
ไป๋เสว่เอ๋อร์สติกลับคืน มองมาที่เขา “ทำไมคะ?”
“หิวหรือยัง? ฉันให้ป้าจางต้มโจ๊ก จะดื่มสักหน่อยไหม?”
เธอส่ายหัวไม่อยากกิน “ฉันรู้สึกเหนื่อย”
เผยลี่เชินพูดเบาๆ “งั้นเธอพักผ่อนซะ ฉันจะเฝ้าเธอเอง”
“ฉันจะเฝ้าคุณ” ประโยคนี้ฟังแล้วเป็นคำที่ประทับใจที่สุด เธอหายใจเข้าลึกๆ รู้สึกอบอุ่นใจ พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “คะ”
รอจนเธอนอนหลับ เผยลี่เชินเดินออกมาจากห้อง ใบหน้ากลับมาเย็นชาอีกครั้ง เขาโทรศัพท์หาฉีเฟิง พูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ไปสืบทีว่า สวี่เยว่หรูมีพี่ชายหรือเปล่า”
ตอนเช้าไป๋เสว่เอ๋อร์ตื่นขึ้นมา มองเห็นผู้ชายสวมเสื้อเชิ้ตนั่งอยู่บนโซฟา กำลังดูแท็ปเล็ตด้วยสีหน้าคิ้วขมวดเข้ม ไม่ค่อยดีนัก
ตอนเขาทำงานเขาจะแสดงอารมณ์แบบนี้ ไป๋เสว่เอ๋อร์ยิ้มให้เล็กน้อย รู้สึกว่าร่างกายวันนี้ดีกว่าเมื่อวานเยอะ เธอลุกขึ้นนั่งพร้อมเงยหน้ามองมาที่สายตาของชายหนุ่ม
เขาวางแท็ปเล็ต ลุกขึ้นยืนเดินไปหาเธอ “ดีขึ้นหรือยัง?”
“ดีขึ้นมาแล้วคะ” นอกจากศีรษะของเธอยังรู้สึกเจ็บ อย่างอื่นดีขึ้นมาก
“อยากกินอะไร ฉันจะไปซื้อให้”
“ขออาหารอ่อนก็พอคะ”
“ได้” เผยลี่เชินพูดจบหันหลังเดินไปที่ประตู ขณะก้าวเดินรู้สึกร้อนที่มือ
เขาหันมามองเธอ สองมือของเธอดึงเขาไว้ หัวใจเขาเหมือนถูกบีบ ร่างกายของเขาแทบจะละลายในทันที
“ทำไมรึ?”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ลังเลก่อนเอ่ยปาก “วันนี้คุณไม่ไปทำงานรึ?”
ในบริษัทมีงานมากมาย ถ้าเขาไม่ทำงาน ไม่รู้ว่าจะเกิดเรื่องวุ่นวายแล้วจะเป็นอย่างไร
คิ้วของเผยลี่เชินค่อยคลายออก โน้มตัวลง ยื่นมือข้างหนึ่งจับที่ไหล่ของเธอไว้ “เธอคิดว่าฉันปล่อยให้เธออยู่ที่นี่คนเดียว ฉันจะวางใจได้หรือไง?”
เขาพูดประโยคนี้ออกมาคล่องแคล่วดูเป็นธรรมชาติ ตอนพูดออกมาเขาก็รู้สึกขัดๆ อยู่เหมือนกัน แก้มของไป๋เสว่เอ๋อร์ร้อนผ่าว เธอหลบตาแต่ก็อดที่จะพูดไม่ได้ “ฉันคนเดียว อันที่จริงก็อยู่ได้”
น้ำเสียงของเผยลี่เชินเข้มขึ้น “ดังนั้นเธออยากให้ฉันไป?”
“ฉัน….ไม่ได้หมายความอย่างนั้น” ไป๋เสว่เอ๋อร์ปฏิเสธอย่างรวดเร็ว หันหน้าไปทางชายนหนุ่มด้วยความตื่นตระหนก สังเกตเห็นรอยยิ้มในดวงตาเขา แก้วเธอก็ยิ่งแดงขึ้น
เผยลี่เชินหัวเราะเบาๆ “โอเคฉันไปซื้ออาหารเช้าแล้วอีกสักครู่ก็มา”
ไป๋เสว่เอ๋อร์พยักหน้า เหมือนเด็กว่านอนสอนง่าย
สิบนาทีต่อมา มีเสียงดังมาจากประตู ไป๋เสว่เอ๋อร์นึกว่าเผยลี่เชินกลับมาแล้ว ลุกขึ้นนั่งด้วยความตื่นเต้น ใครจะรู้ว่าเสียงที่ได้ยินเป็นเสียงที่คุ้นเคยมาก
“เสว่เอ๋อร์”
เธอเงยหน้าเห็นคุณแม่ไป๋เดินเข้ามาด้วยสีหน้าร้อนรน
“แม่!” ไป๋เสว่เอ๋อร์ตกใจ น้ำตาไหลพร้อมเสียงสะอื้นที่จมูก
เธออยู่มายี่สิบกว่าปี ไม่มีใครทุบตีเธอ ตั้งแต่เล็กจนโตไม่มีใครทำอะไรเธอแม้ปลายเล็บ แต่เรื่องเมื่อวานเป็นเหมือนฝันร้ายของเธอเลย
คุณแม่ไป๋เดินไปด้านหน้า เห็นใบหน้าของไป๋เสว่เอ๋อร์มีรอยฟกช้ำ สีหน้าเปลี่ยนไป เธอก็น้ำตาไหล “ทำไมลูกถึงเป็นแบบนี้ได้? เสว่เอ๋อร์….”
ไป๋เสว่เอ๋อร์กลั้นน้ำตาไว้ ฝืนยิ้มออกมา มองเห็นน้ำตาของคุณแม่ไป๋ จึงพูดปลอบโยน “แม่…ไม่เป็นไร หนูไม่เป็นไรแล้วคะ”
“เป็นถึงขนาดนี้จะเรียกว่าไม่เป็นไรได้ยังไง? เช้านี้พอแม่รับโทรศัพท์ ได้ยินว่าลูกเกิดเรื่อง แม่ตกใจทำอะไรไม่ถูก รีบมาที่โรงพยาบาล ลูก…”
อารมณ์ของคุณแม่ไป๋ดูจะควบคุมไม่อยู่ ไป๋เสว๋เอ๋อร์จึงเล่าเหตุการณ์คร่าวๆ ให้คุณแม่ไป๋ฟัง
คุณแม่ไป๋ปาดน้ำตา “เป็นใครกันที่กล้าลงมือทำกับลูกแบบนี้!”
“แม่…อย่ากังวลไปเลย แจ้งตำรวจแล้ว ยังไงก็ต้องจับคนร้ายได้โดยเร็ว…”
คุณแม่ไป๋เช็ดน้ำตา ทันใดนั้นก็นึกอะไรออก “ไม่ได้! ลูกไม่ต้องไปทำงานแล้ว มันอันตรายเกินไป ไม่รู้ว่าจะไปขัดแข้งขัดขาใครเขาเข้าอีก วันนี้ถูกทำร้ายยังไม่รู้ว่าคนร้ายเป็นใคร งานนี้ไม่ต้องทำแล้ว….”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ตกตะลึง ตอบกลับทันควัน “แม่…นี่ไม่เกี่ยวกับงานเลยคะ รอจับคนร้ายได้ เรื่องก็กระจ่างเอง”
“เสว่เอ๋อร์” สีหน้าคุณแม่ไป๋ดูเคร่งขรึมทันที “ทำไมลูกถึงไม่เชื่อที่แม่พูด ลูกลองบอกซิตอนนี้นอกจากไปทำงาน เวลาอื่นก็ไม่ได้ทำอะไร ถ้าไม่ใช่ไปขัดใจใครในบริษัท แล้วจะไปขัดใจใครที่ไหน?”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ไม่พูดอะไร เธอเองก็ไม่แน่ใจว่าไปทำเรื่องไม่พอใจใครเขาเข้า
คุณแม่ไป๋เห็นเธอนิ่งไปนาน เธอจึงพูดด้วยเสียงแข็ง “ยังไงลูกก็ต้องลาออกจากงานนี้ เรื่องนี้เกิดขึ้นครั้งแรก ก็อาจจะมีครั้งที่สอง เพราะฉะนั้นมันอันตรายเกินไป”