บทที่ 147 ซุบซิบนินทา
หลังจากนั้นเขายกมือขึ้นเสยคางของไป๋เสว่เอ๋อร์ ยิ้มน้อยๆ “เธอช่วยพูดอีกครั้งได้ไหม”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ยิ้มที่มุมปาก “มีคุณอยู่ ฉันไม่กลัวอะไรทั้งนั้น”
ขณะที่เธอพูด เผยลี่เชินโน้มตัวก้มหัวลงจูบที่ริมฝีปากแดงระเรื่อของเธอ
เด็กน้อยดูเหมือนจะขโมยหัวใจเขา รอยยิ้มของเธอทำให้สมองเขาว่างเปล่า คิดแต่เพียงอยากกัดกินเธอทีละน้อย
เผยลี่เชินใช้มือจับที่เอวของเธอเบาๆ กดร่างของเธอแน่นจนขยับไปไหนไม่ได้
ลมหายใจของไป๋เสว่เอ๋อร์ไม่เป็นระบบระเบียบ จนลืมผลักเขา ลืมตอบโต้เขา ปล่อยให้เขาทำตามอำเภอใจ
อุณหภูมิภายในรถสูงขึ้นเรื่อยๆ ไม่รู้นานแค่ไหน รถหยุดกะทันหัน เผยลี่เชินจึงปล่อยเธอ เงยหน้าออกไปนอกหน้าต่าง จึงพบว่าถึงที่หมายแล้วจึงลงจากรถ
เขาจับมือไป๋เสว่เอ๋อร์ไว้เธอจึงต้องตามเขาลงจากรถ แต่คิดไม่ถึงว่าตอนลงจากรถไม่ทันระวังตัวทำรองเท้าส้นสูงหลุดจากเท้า จึงก้มตัวเพื่อสวมรองเท้า แต่ดูเหมือนมีคนโอบที่เอวเธอไว้
ไป๋เสว่เอ๋อร์จึงอุทานออกมา เผยลี่เชินกลับยิ้มพร้อมกับถือรองเท้าส้นสูงที่ตกลงมาแล้วโอบกอดเธอเดินไปที่ประตู
เขาหัวเราะเบาๆ เสียงแหบแห้งฟังแล้วมีเสน่ห์ “ช้าเร็วก็ต้องถอด ไม่ต้องใส่มันแล้ว”
……………….
วันต่อมา ทีมงานสตูดิโอภาพยนตร์และโทรทัศน์ไห่เฉิงอยู่ในห้องแต่งตัว
จินจิงจิงกำลังเล่นเวยป่อ เงยหน้าขึ้นมองช่างแต่งหน้าที่กำลังเก็บของอยู่ด้านข้าง “เจินเจิน เธอมาช่วยฉันลบเครื่องสำอางที”
“พี่…ตอนนี้ยังมีนักข่าวอยู่ข้างนอก อีกเดี๋ยวพี่ก็จะให้สัมภาษณ์ แล้วอย่างนี้พี่จะลบเครื่องสำอางอีกไหม?”
จินจิงจิงไม่เงยหน้า “ลบแป้งที่อยู่ตรงคอออกก็พอ อย่างอื่นไม่ต้อง”
เจินเจินถือน้ำยาลบเครื่องสำอางเดินไปข้างหน้า ลังเลก่อนถาม “แต่พี่ ที่คอของพี่มีรอยแดงอยู่ หากลบแป้งออก มันจะเห็นชัดเจนเลยนะ”
จินจิงจิงขมวดคิ้ว ใจร้อนนิดหน่อย “ฉันให้เธอล้างก็ล้างไป อย่าพูดมาก!”
จินจิงจิงไม่กล้าถามอะไรอีก รีบลงมือทำทันที
สิบนาทีต่อมา จินจิงจิงออกจากทีมงานพร้อมผู้ช่วยของเธอ ขณะเดินออกมา นักข่าวที่อยู่ด้านนอกประตูต่างกรูเข้ามา “คุณจิน วันนี้เป็นวันแรกที่ถ่ายภาพยนตร์เรื่องใหม่ของคุณ คุณรู้สึกอย่างไรบ้างคะ?”
จินจิงจิงทักทายทุกคนด้วยรอยยิ้ม “ขอบคุณทุกคนสำหรับความห่วงใย ถ่ายหนังวันแรกเรียบร้อยดีคะ สำหรับทีเซอร์จะออกอากาศวันหลัง ขอให้ทุกคนอดใจรอ”
“คุณจินได้ยินว่าเรื่องนี้เป็นการร่วมงานกันครั้งแรกระหว่างคุณกับคุณฉีซิงเฮอ ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยว่าคุณรู้สึกอย่างไรบ้าง”
จินจิงจิงยิ้มต่อเนื่องแล้วพูดต่อ “บทบาทในหนังสือของซิงเฮอกับชีวิตจริงแตกต่างกันคะ โดยส่วนตัวแล้วพวกเราเป็นเพื่อนกัน ดังนั้นการถ่ายภาพยนตร์จึงเป็นไปด้วยดีคะ”
กล้องยังคงถ่ายจินจิงจิงต่อไปเรื่อยๆ มีนักข่าวคนหนึ่งสังเกตเห็นรอยแดงๆ บริเวณลำคอปกเสื้อของเธอ นักข่าวจึงฉวยโอกาสนี้ถามเธอ “คุณจินคะ ขอถามถึงรอยแดงบริเวณคอ ใช่ของคนรักของคุณหรือเปล่าคะ? มีข่าวลือว่าคุณมีความสัมพันธ์แบบลับๆ สามารถบอกได้ไหมคะ?”
จินจิงจิงรีบเอามือปิดหน้าอกทันที สายตาแสดงความตื่นตระหนก ท่าทางปกปิดแบบนี้แสดงออกอย่างชัดเจน ทำให้กล้องจับภาพที่ลำคอของเธอแทน
“ขอโทษคะ ที่ไม่สามารถตอบคำถามนี้ได้”
จินจิงจิงพูดจบก็หันไปทางผู้ช่วยเธอ ผู้ช่วยเธอเข้าใจทันทีจึงกันฝูงชนหลีกทางให้เธอเดินจากไป
นักข่าวยังคงตามติด คำถามต่างๆ ระดมใส่เข้าหาเธอ “ความสัมพันธ์ส่วนตัวของคุณ รอยแดงที่น่าสงสัย เกี่ยวข้องกับคนในวงการหรือเปล่า?”
“………..”
คำถามต่างๆ ที่เกิดขึ้น จินจิงจิงไม่ตอบแต่ก็ไม่ปฏิเสธ เธอเดินตามผู้ช่วยของเธอขึ้นรถตู้ จากนั้นก็ให้คนขับรถขับรถออกไป
ขึ้นรถแล้ว ผู้ช่วยของเธอดูกังวลเล็กน้อย “พี่ ถ่ายหนังวันแรกก็มีข่าวซุบซิบแล้ว ข่าวคงแพร่สะพัดไปทั่ว พวกนายหน้าคงโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงแน่”
จินจิงจิงไม่พูดอะไรสักคำ
ข่าวแพร่กระจายคือจุดประสงค์ของเธอ เรื่องนี้ยิ่งสับสนวุ่นวายเท่าไร เธอก็ยิ่งมีความสุขมากเท่านั้น
เธอหยิบโทรศัพท์ส่งข้อความ “หลังจากข่าวซุบซิบนินทางแพร่ออกไป ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ทำให้เป็นข่าวประเด็นร้อน พอร้อนได้ที่จึงค่อยปล่อยรูปออกไป!”
เมื่อเห็นข้อความถูกส่งไปแล้ว ก็ปรากฏรอยยิ้มบนใบหน้าของเธอ
ครั้งนี้ สิ่งที่เธอทำต้องสำเร็จแน่ๆ
ตลอดทั้งบ่าย ข่าวเกี่ยวกับหนังเรื่องใหม่ของจินจิงจิง และรอยแดงที่คอที่ทำให้คนต่างจินตนาการไปต่างๆ นานาถูกปล่อยออกมาทางสื่อต่างๆ อีกทั้งชาวเน็ต แฟนคลับของเธอต่างก็วิพากวิจารณ์เกี่ยวกับชายหนุ่มนิรนามคนนั้นว่าเป็นใคร
จนถึงตอนค่ำ ข่าวซุบซิบอื้อฉาวยังคงเป็นประเด็นร้อน สื่อที่ทำข่าวซุบซิบคนหนึ่งนำเสนอภาพถ่ายของเธอ ในภาพถ่ายจินจิงจิงอยู่กับชายนิรนามในโรงแรมแห่งหนึ่ง ขณะนั้นในโลกโซเชียลคอมเม้นต์อย่างหนัก
เผยลี่เชินอยู่ในงานเลี้ยง ฉีเฟิงรีบเข้ามากระซิบที่ข้างหู “ประธานเผย เกิดเรื่องแล้วครับ”
“ทำไมเหรอ?”
“ข่าวซุบซิบความสัมพันธ์ระหว่างรองประธานเผยกับจินจิงจิง”
“ว่าไงนะ?” เผยลี่เชินกำแก้วไว้แน่น เงยหน้ามองเห็นทุกคนในห้องจับจ้องมองมาที่เขา เขารวบรวมสติหันกลับมามองฉีเฟิง “โทรติดต่อเขา แล้วบอกว่าฉันต้องการเจอเขา”
ฉีเฟิงพยักหน้ารับ กลับออกจากห้องพิเศษ
งานเลี้ยงยากค่ำคืนจบลง เผยลี่เชินรีบออกจากโรงแรม หันไปมองฉีเฟิง “ติดต่อเขาได้หรือยัง?”
“รองประธานเผยไม่รับสาย แต่ผมให้คนกำหนดจุดจีพีเอสในโทรศัพท์เขาแล้ว ตอนนี้อยู่ที่บาร์โหยวหลัน”
เผยลี่เชินขมวดคิ้วเข้ม สั่งด้วยเสียงเย็นเฉียบ “ไป”
เมื่อสักครู่เขานั่งดูคอมเม้นต์ในอินเตอร์เน็ต ภาพถ่ายถูกโพสต์ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ก็มีคนซูมที่รูปร่างของชายหนุ่ม ดูออกชัดเจนว่าเป็นใบหน้าของเผยอี้ อีกอย่างก่อนหน้านี้เขาก็ไปร่วมงานการกุศลพร้อมจินจิงจิง แล้วยังเป็นหนึ่งในผู้ร่วมทุนสร้างหนังที่เธอแสดงอีก ซึ่งก็เพียงพอที่จะตอกย้ำความสัมพันธ์ของทั้งคู่
ความจริงก็คือ เรื่องนี้ถูกตอกตะปูปิดฝาโรงเรียบร้อยแล้ว
เผยลี่เชินไปถึงบาร์โหยวหลัน กวาดตามองไปรอบๆ ในที่สุดก็เห็นเผยอี้อยู่ที่มุมหนึ่งของบาร์
เขารีบเดินเข้าไปหา มองเห็นเผยอี้ที่เอาแต่ดื่มเหล้า จากนั้นจึงเปิดภาพข่าวในอินเตอร์เน็ตจากมือถือวางลงบนโต๊ะ
เผยอี้กวาดตามอง แต่ไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบใดๆ ยังคงก้มศีรษะยกเหล้าขึ้นดื่มต่อไป
เผยลี่เชินหน้าผากย่นขมวดคิ้วเข้ม “เผยอี้ ฉันเคยเตือนนายแล้วใช่ไหมว่าอย่าก่อเรื่องวุ่นวาย นายก่อเรื่องคนเดียว ทำให้คนในตระกูลเผยเดือดร้อนอับอายไปทั้งตระกูล!”
เผยอี้วางแก้วเหล้าลงบนโต๊ะอย่างแรก เงยหน้ามองเผยลี่เชิน หัวเราะอย่างเย็นชา
“เผยลี่เชิน นายคิดว่าฉันอยากทำให้นายอับอายขายหน้ารึไง? ฉันยอมใช้นามสกุลอื่นดีกว่าที่จะให้ฐานะของพี่ชายใหญ่มากดดันฉันไว้แบบนี้!”
เผยลี่เชินกำมือแน่น ระงับอารมณ์ “เผยอี้ ฉันให้เวลานายหนึ่งวันก่อนที่พ่อจะเห็นข่าวพวกนี้ ไปจัดการให้เรียบร้อย ไม่เช่นนั้น ฉันจะให้นายสมหวังไม่ต้องใช้นามสกุลเผยอีกต่อไป”
พูดจบ เผยลี่เชินหันหลังกลับไป
วันนี้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ทำให้คนในตระกูลเผย เขา คุณท่านเผย ต้องถูกตำหนิติเตียนแน่นอนว่าเขาต้องโกรธมาก
เผยลี่เชินขึ้นรถแล้ว กำลังจะสั่งกำชับฉีเฟิงที่อยู่ข้างๆ ทันใดนั้นก็มองเห็นเงาที่ดูคุ้นเคยออกมาจากร้านอาหารข้างๆ
คือคุณแม่ไป๋ เธอเดินออกมาพร้อมชายอายุราวสี่สิบห้าสิบปี ดูใกล้ชิดสนิทสนมกันมาก