บทที่ 186 ทุกคนควรได้รับโทษ
ขณะนั้นสายตาทุกคู่จับจ้องไปที่ไป๋เสว่เอ๋อร์
แม้ว่าครั้งนี้เธอจะเป็นต้นเหตุของความวุ่นวาย แต่ก็ไม่ได้รู้สึกร้อนใจเลยสักนิด ไป๋เสว่เอ๋อร์หายใจลึกๆ เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเธอกับอู๋หั้นหลินตั้งแต่ต้นจนจบอย่างช้าๆ
คนที่ยืนอยู่ด้านหลังเธอได้ยินเรื่องที่เธอเล่าตั้งแต่ต้นจนจบ สีหน้าเปลี่ยนไปเป็นสับสน รู้สึกสำนึกผิดโดยไม่รู้ตัว
เดิมทีพวกเขาถูกหลอกให้มาหาเรื่องเพราะรู้แต่เพียงว่าไป๋เสว่เอ๋อร์ทำให้เงินของโครงการนี้ไม่ได้รับการอนุมัติ ใครจะไปสนใจเรื่องที่เกิดขึ้นกับไป๋เสว่เอ๋อร์และอู๋หั้นหลิน
เมื่อได้ฟังก็รู้ว่าอู๋หั้นหลินทำเกินไป ส่วนพวกเขาก็ถูกหลอกใช้ให้เป็นเครื่องมือ ใครจะรู้ว่าเผยลี่เชินจะมาพบเข้า
“เรื่องทั้งหมดก็เป็นแบบนี้ ฉันไม่ได้ตั้งใจไปขัดแย้งกับคุณอู๋ เขามาลวนลามฉันซึ่งมันเกินไป แล้วเรื่องนี้ก็รู้ไปถึงหูของเพื่อนร่วมงานในทีมงานของโครงการนี้ พวกเขาร้อนใจถึงมาหาฉันที่ออฟฟิศ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์พูดตรงจุด ไม่ได้ตำหนิใครในทีมเลย
แต่ซูหรงกลับไม่เชื่อคำพูดของไป๋เสว่เอ๋อร์ เธอตะโกนว่า “บริษัทเราร่วมมือกับบริษัทการเงินเฮ่าทงมาหลายครั้ง ทำไมพอตอนเธอออกไปต้อนรับถึงได้เกิดเรื่องขัดแย้ง จะว่าไปมันไม่ใช่ปัญหาของคุณใช่ไหม? อีกอย่าง ใครจะแน่ใจว่าที่เธอพูดนั้นเป็นเรื่องจริงหรือเท็จ ใครจะไปรู้ว่าคุณอู๋ทำตัวไม่สุภาพกับเธอ?”
ไป๋เสว่เอ๋อร์รู้ตั้งนานแล้วว่าคงมีคนไม่เชื่อ ก่อนหน้าที่จะมาห้องประชุมนี้ เธอก็ให้เจียงหวั่นหวั่นไปหยิบหลักฐานจากกล้องวงจรปิดห้องรับรอง
สีหน้าไป๋เสว่เอ๋อร์ดูสงบ พูดเสียงปกติ “ในห้องรับรองมีกล้องวงจรปิด ฉันให้คนไปหยิบมาแล้ว จะจริงหรือเท็จ พวกคุณก็จะได้รู้”
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง เจียงหวั่นหวั่นเดินมาอย่างกระหืดกระหอบ เธอนำ USB ในมือส่งให้ไป๋เสว่เอ๋อร์ พยักหน้าให้เธอ “อยู่ในนี้แล้ว” ไป๋เสว่เอ๋อร์ยิ้มให้เธอจากนั้นก็เปิดไฟล์ขึ้นจอในห้องประชุม
ภาพบนหน้าจอเล่นด้วยความเร็ว เห็นเหตุการณ์ระหว่างไป๋เสว่เอ๋อร์กับอู๋หั้นหลินลวนลามเธออยู่หลายครั้ง มีรอยยิ้มที่น่าเกลียด ทั้งหมดปรากฎอยู่บนจอภาพ
เผยลี่เชินจ้องมองภาพบนหน้าจอ คิ้วขมวดโดยไม่รู้ตัว
คนก่อเรื่องไม่อยู่ แถมในห้องยังมีพนักงานยืนอยู่เต็มไปหมด เผยลี่เชินจึงได้แต่สะกดอารมณ์ ไม่พูดอะไร
ไป๋เสว่เอ๋อร์เห็นทุกคนได้ดูเหตุการณ์จากจอภาพอย่างชัดเจน พูดอย่างช้าๆ
“อยากให้ทุกคนได้เข้าใจ ว่าเรื่องระหว่างฉันกับคุณอู๋ไม่ใช่ความผิดของฉันเลย และอยากให้ทุกคนยกโทษ”
ความร่วมมือพังลง ทุกคนไม่เข้าใจในเหตุผล จึงหัวฟัดหัวเหวี่ยงใส่เธอ มาโยนความผิดให้เธอ
ซูหรงไม่มีคำพูดใด ในเวลานั้นฉีเฟิงเดินเข้ามากระซิบที่ข้างหูเผยลี่เชิน จนใบหน้าเขาเปลี่ยนไป พยักหน้ารับทราบแล้วพูดเสียงเข้ม “พูดไป”
ฉีเฟิงกวาดตามองทุกคนก่อนจะแจ้งให้ทราบ “เมื่อสักครู่คุณจางจากบริษัทการเงินเฮ่าทงโทรศัพท์มา กล่าวว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเขาจะเป็นคนรับผิดชอบเอง เพราะเขาไปทำงานต่างจังหวัด เป็นความผิดของเขา วันหลังเขาจะส่งคนไปเจรจาเรื่องความร่วมมือใหม่ การร่วมมือยังคงมีต่อไป ขอให้ทุกคนวางใจ”
คนส่วนใหญ่ในทีมได้ฟังข่าวนี้ก็รู้สึกสบายใจเรื่องนี้ดูเหมือนไม่ควรตำหนิ ไป๋เสว่เอ๋อร์ เพียงแต่พวกเขาถูกยุยงจนโกรธไม่ลืมหูลืมตาจากนั้นก็มาหาเรื่องไป๋เสว่เอ๋อร์ ตามเหตุผลแล้วพวกเขามีความผิด….
ทุกคนในทีมต่างพากันพูดก่อน “ประธานเผย ขอโทษครับ/คะ เรื่องนี้เป็นเพราะพวกเราไม่หาความกระจ่าง จึงเข้าใจเลขาไป๋ผิดไป
เผยลี่เชินหันไปมองเผยลี่เชิน พูดเบาๆ “พวกคุณไม่ต้องขอโทษฉัน”
เพื่อนร่วมงานที่รู้สึกละอายใจก็เข้าใจความหมายดี จึงรีบหันไปหาไป๋เสว่เอ๋อร์เพื่อขอโทษ
ไป๋เสว่เอ๋อร์ืพยักหน้า ไม่ได้เก็บไปใส่ใจ
ทุกคนต่างพูดจบแล้ว จะมีก็แต่ซูหรงที่ยืนอยู่ที่นั่น ไม่ยอมก้มหัวขอโทษ
ตอนเริ่มต้นเธอก็เป็นผู้นำพาทุกคนไปคิดบัญชีกับไป๋เสว่เอ๋อร์ ตอนนี้ได้ความกระจ่างแล้วเธอกลับไม่ยอมขอโทษ
เผยลี่เชินเข้าใจซูหรงเป็นอย่างดี เมื่อก่อนเธอเป็นลูกน้องของฟางหรงเทียน ต่อมาฟางหรงเทียนก็ให้เธอเป็นสมาชิกในโครงการ ไม่นานก็ได้เป็นหัวหน้าโครงการ
ตอนแรกเขาก็กำชับเผยอี้ให้กวาดล้างคนที่ติดต่อสัมพันธ์กับฟางหรงเทียน คาดไม่ถึงว่ากำจัดยังไม่หมด ฟางหรงเทียนไม่อยู่เพียงไม่กี่วัน ลูกน้องของเขาก็มายุให้รำต่ำให้รั่วในบริษัท
เกรงว่าเผยซื่อจะวุ่นวายก็เพราะคนประเภทนี้
เผยลี่เชินจ้องมองไปที่ซูหรงด้วยสายตาเคร่งขรึม พร้อมกับคำถาม “หัวหน้าซู คุณไม่มีอะไรจะพูดเลยใช่ไหม?”
ซูหรงเป็นคนดื้อรั้น รู้อยู่เต็มอกว่าตัวเองผิด แต่ก็ไม่ยอมขอโทษ
เมื่อเห็นเธอไม่พูด เผยลี่เชินก็ไม่บังคับ เขาลุกขึ้นกวาดตามองทุกคน แล้วพูดว่า “เรื่องเล็กแค่นี้ แต่ทำให้บริษัทวุ่นวายใหญ่โต ทุกคนต้องรับผิดชอบ”
คำพูดนี้ไม่ผิด เดิมทีในบริษัทแต่ละสายงานก็ต้องมีผู้บังคับบัญชา พวกเขามีความคิดเห็นใด ก็สามารถเสนอผู้บังคับบัญชา หลังจากนั้นผู้บังคับบัญชาระดับสูงก็จะเป็นผู้ตัดสินใจ แต่วันนี้เขาไม่อยู่แค่ครึ่งวัน บริษัทก็เกิดเรื่องวุ่นวายขนาดนี้
“ทุกคนต้องได้รับการลงโทษ” เผยลี่เชินพูดเสียงเข้ม “ซูหรงจงใจหาเรื่องยุยงส่งเสริม ให้ไปทำงานบริษัทสาขาไห่เฉิง ในตำแหน่งผู้ใต้บังคับบัญชา”
ทุกคนตกใจเมื่อได้ยิน
ทุกคนรู้ว่าซูหรงมีความผิด แต่ไม่คาดคิดว่าจะถูกลงโทษแรงขนาดนี้ จากเผยซื่อปลดให้ไปอยู่บริษัทสาขา ไม่ต่างอะไรกับฮ่องเต้เนรเทศขุนนางที่ทำผิด ลงโทษแบบนี้แย่พอๆ กับในอดีต อีกทั้งยังอาจโดนพนักงานสาขาหัวเราะเยาะ แม้ว่าจะไม่ถูกไล่ออกโดยตรง แต่วิธีการทั้งสองก็พอๆ กัน
ไป๋เสว่เอ๋อร์ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
เผยลี่เชินพูดต่อ “สำหรับคนอื่นที่มีส่วนร่วมก่อความวุ่นวาย ก็ลงโทษไปตามกฎระเบียบของบริษัท”
คนอื่นในทีมพอได้ยินก็รู้สึกโล่งอก ลงโทษตามกฎระเบียบของบริษัทคือหักเงินเดือนครึ่งเดือน และหักคะแนนการปฏิบัติงาน เมื่อเทียบกับซูหรงแล้วโทษเบากว่ามาก
นอกจากพวกเขาแล้ว เหลือเพียงไป๋เสว่เอ๋อร์ที่ยังไม่ได้รับโทษ
ตอนแรกคิดว่าเรื่องจะจบเพียงเท่านี้ ใครก็คาดคิดไม่ถึงว่าเผยลี่เชินมองหน้าไป๋เสว่เอ๋อร์โดยไม่มีความรู้สึกใดๆ พูดด้วยเสียงเข้ม “ไป๋เสว่เอ๋อร์ ทำให้งานเสียหายก็ต้องรับผิดชอบโดยไม่มีข้อยกเว้น หักเงินเดือนสามเดือน ไปทำงานห้องเก็บเอกสารหนึ่งสัปดาห์ แล้วค่อยกลับมาทำงานที่นี่”
ทุกคนต่างประหลาดใจ แต่ก็ไม่มีใครกล้าแสดงออกใดๆ
หลังจากที่เผยลี่เชินและไป๋เสว่เอ๋อร์เปิดเผยความสัมพันธ์แบบคู่รัก ทุกคนในบริษัทต่างก็รู้ดี ใครก็ไม่คาดคิดว่าแม้แต่เรื่องนี้เผยลี่เชินก็ยังลงโทษแฟนของตัวเอง อีกทั้งความผิดของไป๋เสว่เอ๋อร์ไม่ได้ใหญ่ดต แต่กลับลงทาซะหนัก
เผยลี่เชินกวาดตามองทุกคนพร้อมถามอย่างเย็นชา “ใครมีความคิดเห็นอื่นไหม?”
ไม่มีใครตอบกลับ เมื่อเปรียบเทียบการลงโทษของไป๋เสว่เอ๋อร์และซูหรงแล้ว พวกเขาต้องขอบคุณฟ้าดิน ใครจะกล้ามีความคิดเห็นอย่างอื่น
เมื่อเห็นว่าไม่มีใครพูดอะไร เผยลี่เชินจึงพูดต่อ “ในเมื่อไม่มีความคิดเห็นอื่นก้แยกย้ายกันไปได้ ไม่งั้นจะได้รับโทษเพิ่ม”