สัญญาร้ายของประธานปีศาจ – ตอนที่ 212

ตอนที่ 212

ตอนที่ 212 ใช้เงินกับเรื่องของคุณ คุ้มค่ามาก

“ไม่…ไม่ต้องค่ะ”

ไป๋เสว่เอ๋อร์ได้สติกลับคืนมา รีบจับตะเกียบที่อยู่ในมือเอาไว้แน่น ก้มศีรษะลงเริ่มรับประทานอาหารต่อไป

มุมปากของเผยลี่เชินขยายออกเป็นรอยยิ้มที่กว้างขึ้น ยื่นมือออกไปนำไรผมที่ตกลงมาบนข้างแก้มของเธอทัดกลับไปบนหลังใบหู จากนั้นเอ่ยขึ้นด้วยเสียงนิ่งๆว่า “ทานเยอะๆหน่อย เรี่ยวแรงจะได้ตามทัน”

เรี่ยวแรง?

การเคลื่อนไหวของไป๋เสว่เอ๋อร์หยุดชะงักลงในทันที หญิงสาวคนหนึ่งอย่างเธอ…ต้องการเรี่ยวแรงอะไรกัน?

หยุดชะงักไปสองสามวินาที มารู้ตัวอีกทีเธอถึงเข้าใจความหมายในคำพูดของเขา ทันใดนั้น ใบหน้าก็แดงก่ำจนดูเหมือนเลือดกำลังจะหยดออกมา

กระทั่งทานอาหารเสร็จ ไป๋เสว่เอ๋อร์ดื่มน้ำไปหนึ่งคำ จากนั้นถือโอกาสมองไปยังเผยลี่เชินที่ยืนอยู่ด้านข้าง แล้วเอ่ยถามออกมาว่า “ฉันอยากออกจากโรงพยาบาลวันนี้ค่ะ”

เมื่อครู่นี้ตอนที่ทานอาหารอยู่เธอก็คิดดีแล้ว ตอนนี้เป็นช่วงเวลาสำคัญของการแข่งขันประมูล ข้างกายของเผยลี่เชินขาดคนไม่ได้ บาดแผลของเธอก็ไม่ได้ร้ายแรงอะไร เปลี่ยนยาให้ตรงตามเวลาก็พอแล้ว

เผยลี่เชินขมวดคิ้วขึ้น เห็นได้ชัดว่ากำลังจะเอ่ยปากปฏิเสธ แต่ใครจะรู้ว่า ไป๋เสว่เอ๋อร์กลับจู่โจมยื่นมือออกไป กุมมือของเขาเอาไว้ในทันที “ฉันอยากไปอยู่เป็นเพื่อนคุณที่บริษัท และเป็นการไม่เสียเวลาคุณวิ่งไปวิ่งมา ไม่ดีหรอคะ?”

เผยลี่เชินได้ฟังดังนั้น คิ้วที่แต่เดิมขมวดเข้าหากันเล็กน้อยก็คลายลงไปบ้าง เขาพยักหน้าให้กับไป๋เสว่เอ๋อร์ “ได้ แต่คุณต้องรับปากกับผมว่า ออกจากโรงพยาบาลแล้วอย่าไปไหนซี้ซั้ว”

ไป๋เสว่เอ๋อร์พยักหน้าติดต่อกันหลายครั้ง

เก็บของทุกอย่างเสร็จ ทำเรื่องออกจากโรงพยาบาล ไป๋เสว่เอ๋อร์กับเผยลี่เชินออกจากโรงพยาบาลไปพร้อมกัน ไป๋เสว่เอ๋อร์ไม่ทันได้ระวังที่เท้า ลงจากบันไดมาก็เหยียบเข้ากับแอ่งน้ำขังไปเต็มๆ เปียกชุ่มไปหมดทั้งรองเท้าในทันที

เผยลี่เชินขมวดคิ้วขึ้น ดึงเธอและเอ่ยออกมาอย่างไม่เปิดโอกาสให้ได้แก้ตัวว่า “ผมพาคุณไปซื้อรองเท้าใหม่ในห้างใกล้ๆแถวนี้”

“ไม่ต้องค่ะ…กลับถึงบ้านค่อยเปลี่ยนก็ได้”

ไป๋เสว่เอ๋อร์เพิ่งจะเอ่ยออกมา ก็ถูกเผยลี่เชินจับเอาไว้แน่น ดึงเธอเดินไปยังรถที่จอดอยู่ข้างทาง ขึ้นไปบนรถ เผยลี่เชินก็สั่งให้เจิงหงตรงไปยังซิงเย่าสแควร์ที่อยู่ใกล้ๆในทันที

ไป๋เสว่เอ๋อร์ไม่มีวิธีจะเปลี่ยนแปลงเขาได้ ทำได้เพียงตามเขาลงจากรถ เดินเข้าไปในตัวห้างพร้อมกัน

ซิงเย่าสแควร์เต็มไปด้วยเคาน์เตอร์แบรนด์ใหญ่ต่างๆ เผยลี่เชินราวกับนามบัตรที่กำลังเดินอยู่ ทุกย่างก้าวที่เดินไปถึงประตูหน้าร้าน ก็มีพนักงานแนะนำสินค้าออกมาตอนรับด้วยรอยยิ้ม

เผยลี่เชินจูงไป๋เสว่เอ๋อร์เดินเข้าไปยังร้านๆหนึ่ง ให้เธอนั่งลงบนโซฟา จากนั้นกวาดตามองไปยังชั้นวางรองเท้า ชี้ไปสองสามแบบ แล้วเอ่ยปากขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำว่า “สองสามคู่นี้เอาไซส์37มาอย่างละคู่”

ไป๋เสว่เอ๋อร์ที่นั่งอยู่ตรงนั้นพอได้ฟังก็ตะลึงไปชั่วขณะ คิดไม่ถึงว่าเผยลี่เชินจะรู้ว่าเธอสวมรองเท้าไซส์ไหน

พนักงานแนะนำสินค้ารีบไปหยิบรองเท้าที่โกดังด้วยรอยยิ้มที่เบ่งบานในทันที และเผยลี่เชินก็หันกลับมานั่งลงบนโซฟาข้างๆไป๋เสว่เอ๋อร์ ยกขาของเธอขึ้นมาเบาๆ วางไว้บนหัวเข่าของตนเอง จากนั้นยื่นมือออกไปปลดเชือกรองเท้าออก

ไป๋เสว่เอ๋อร์นิ่งอึ้งไปชั่วขณะ รีบดึงขาออกมา แล้วมองไปยังเผยลี่เชินด้วยความตื่นตะลึง “ฉัน…ฉันทำเองได้ค่ะ”

ให้เผยลี่เชินช่วยถอดรองเท้าให้เธอ เธอจะคิดยังไงก็รู้สึกขัดๆกันไปหมด

แต่ใครจะรู้ว่า มือของเผยลี่เชินที่วางไว้บนหัวเข่าของเธอออกแรงขึ้นมาเบาๆ ยืดขาของเธอให้ตรงออกมา จากนั้นเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำว่า “อย่าขยับ”

ไป๋เสว่เอ๋อร์จนปัญญา ทำได้เพียงไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย แม้แต่หายใจแรงยังไม่กล้าทำ มองดูทุกการเคลื่อนไหวของเผยลี่เชิน

ในขณะที่เผยลี่เชินปลดเชือกรองเท้าของเธอออกแล้วนั้น มือข้างหนึ่งจับข้อเท้าของเธอเอาไว้ มืออีกข้างหนึ่งถอดรองเท้าที่อยู่บนเท้าของเธอออกด้วยท่วงท่าที่อ่อนโยน

หัวใจของไป๋เสว่เอ๋อร์เต้นแรงขึ้นสองจังหวะอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว ใบหูร้อนระอุ แก้มทั้งสองข้างก็ร้อนผ่าวขึ้นมาเช่นเดียวกัน

ใครจะไปจินตนาการออกได้อีกว่า เผยลี่เชินที่ในวันปกติอยู่ล่างคนเพียงคนเดียวอยู่สูงกว่าคนนับหมื่นในเผยซื่อ คิดไม่ถึงเลยว่าจะมาถอดรองเท้าให้กับเธอได้…

พนักงานแนะนำสินค้านำรองเท้าสองสามคู่นั้นมาถึงแล้ว เห็นเผยลี่เชินกำลังถอดรองเท้าอีกข้างให้กับไป๋เสว่เอ๋อร์ รอยยิ้มบนใบหน้าก็คลุมเครือทั้งยังเก้อเขิน “คุณหนู แฟนของคุณช่างรักคุณมากจริงๆค่ะ!”

ไป๋เสว่เอ๋อร์ได้ยินดังนั้น รู้สึกทำตัวไม่ถูก ส่งยิ้มให้กับพนักงานแนะนำสินค้าเล็กน้อย ไม่พูดอะไรออกมา

รองเท้าสองสามคู่นั้นลองไปอย่างละหนึ่งรอบ ไป๋เสว่เอ๋อร์เลือกหนึ่งในนั้นมาคู่หนึ่ง เผยลี่เชินกลับเลิกคิ้วเอ่ยถามขึ้นว่า “สองสามคู่ที่เหลือไม่พอดีหรอ?”

ไป๋เสว่เอ๋อร์พยักหน้า กำลังจะเอ่ยปากว่าซื้อคู่เดียวก็พอแล้ว แต่ใครจะรู้ว่าเผยลี่เชินกลับผงกศีรษะเล็กน้อย ส่งสัญญาณให้กับพนักงานแนะนำสินค้าที่อยู่ด้านข้าง “ใส่ถุงทั้งหมดเลยครับ”

ไป๋เสว่เอ๋อร์ตกตะลึงไปชั่วขณะ รีบยื่นมือออกไปดึงมือของเขาเอาไว้ในทันที แล้วเอ่ยปากขึ้นมาว่า “ซื้อคู่เดียวก็พอแล้วค่ะ…”

เธอไม่ได้ขาดรองเท้า ไม่มีความจำเป็นที่เพียงครู่เดียวก็ซื้อหลายคู่ขนาดนี้

เผยลี่เชินหันหน้ากลับมา ยักคิ้วขึ้นเล็กน้อย เอ่ยปากขึ้นด้วยเสียงที่ราบเรียบว่า “ผมชอบ”

ไป๋เสว่เอ๋อร์นิ่งอึ้งไปชั่วขณะ ยังไม่มีการตอบสนองกลับคืนมา พนักงานแนะนำสินค้าที่อยู่ด้านข้างก็ยิ้มพลางนำรองเท้าทั้งหมดไปใส่กล่องใส่ถุง

ไป๋เสว่เอ๋อร์ทั้งโมโหทั้งจำ เอ่ยขึ้นอย่างจนปัญญาว่า “ไม่ต้องฟุ่มเฟือยขนาดนี้ก็ได้…”

เผยลี่เชินเห็นพนักงานแนะนำสินค้าเดินไปไกลแล้ว จึงเขยิบเข้าไปข้างหน้าหนึ่งก้าว โอบเธอเข้ามาไว้ในอ้อมแขนเบาๆ มุมริมฝีปากยกขึ้นเล็กน้อยพลางเอ่ย “ใช้เงินกับเรื่องของคุณ คุ้มค่ามาก”

แก้มของไป๋เสว่เอ๋อร์แดงระเรื่อขึ้น และพูดอะไรไม่ออก

เผยลี่เชินเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบว่า “ผมไปจ่ายเงิน รอผมสักครู่”

ไป๋เสว่เอ๋อร์พยักหน้าเล็กน้อย มองดูเขาเดินไปยังเคาน์เตอร์ จากนั้นเธอก็เดินวนรอบเคาน์เตอร์ดูรองเท้าคู่อื่นๆ

อยู่ๆ ด้านข้างก็ดังสะท้อนเสียงๆหนึ่งขึ้นมา “คุณป้า ดูรองเท้าคู่นี้ชอบไหมคะ? จะลองสักหน่อยไหม?”

ไป๋เสว่เอ๋อร์เดิมทีไม่ได้สนใจอะไร แต่ก็รู้สึกว่าเสียงนี้ฟังดูคุ้นหูอย่างประหลาด เธอหันหน้ามองไปตามเสียง ก็เห็นผู้หญิงสองคนที่ยืนอยู่อีกด้านหนึ่ง

ผู้หญิงคนนั้นที่อยู่ใกล้เธอมากที่สุดอายุราวสี่สิบกว่า สวมใส่เสื้อผ้าที่หรูหรางดงาม กำลังเลือกดูรองเท้า ไป๋เสว่เอ๋อร์มองดูใบหน้าด้านข้างของเธอ รู้สึกค่อนข้างจะคุ้นตาเล็กน้อย

บังเอิญกับที่ผู้หญิงวัยกลางคนๆนั้นรู้สึกได้ถึงอะไร หันหน้ากลับมา ไป๋เสว่เอ๋อร์สบสายตาเข้ากับเธอพอดี ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง

“น้าชิว?”

ใบหน้านี้เทียบได้กับใบหน้าของคนๆหนึ่งในสมองของเธอ คือคุณน้าคนหนึ่งที่เคยเป็นคนรับใช้ในบ้านตระกูลไป๋มาก่อน

น้าชิวก็ตกตะลึงไปพักหนึ่งเช่นเดียวกัน หลังจากนั้นเพียงครู่เดียวก็จำไป๋เสว่เอ๋อร์ได้ สีหน้าของเธอซีดเผือดขึ้นมาอย่างกะทันหัน สายตาเผยความหวาดระแวงไม่เป็นธรรมชาติขึ้นมา

“คุณป้า เป็นอะไรไปคะ?”

ในเวลานี้เอง ผู้หญิงที่อยู่ข้างๆน้าชิวก็หันหน้ามา ในตอนที่ไป๋เสว่เอ๋อร์เห็นใบหน้าของเธออย่างชัดเจนนั้น ก็ตกตะลึงขึ้นมาอีกครั้ง

คิดไม่ถึงว่าจะคือจินจิงจิง!

ไป๋เสว่เอ๋อร์เกิดคำถามขึ้นในใจทันที ทำไมจินจิงจิงถึงอยู่กับน้าชิวได้?

ในความทรงจำของเธอ น้าชิวเคยเป็นคนรับใช้ช่วงเวลาหนึ่งที่บ้านตระกูลไป๋ แต่นี่ก็เป็นเรื่องเมื่อหลายปีก่อนแล้ว ต่อมาเป็นเพราะน้าชิวอ่อยคุณพ่อ ดังนั้นจึงถูกไล่ออกจากบ้านตระกูลไป๋ไป

หลังจากนั้นเธอก็ไม่เคยได้พบกับน้าชิวอีก แล้วทำไมตอนนี้เธอถึงมาอยู่กับจินจิงจิงได้?

“ทำไมถึงเป็นเธอ?”

พอจินจิงจิงเห็นไป๋เสว่เอ๋อร์เข้า สีหน้าก็อึมครึมขึ้นมาในทันที

ไป๋เสว่เอ๋อร์ได้ยินแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา กลับมองไปยังน้าชิวแทน เธอยกมุมริมฝีปากส่งยิ้มให้กับน้าชิวพลางเอ่ยถามขึ้นมาว่า “น้าชิว ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะ น้าจำหนูไม่ได้แล้วหรอคะ? หนูคือไป๋เสว่เอ๋อร์…”

บนใบหน้าของน้าชิวเผยรอยยิ้มที่เก้กังทำอะไรไม่ถูกออกมา หัวเราะแห้งขึ้นสองทีพลางเอ่ย “จำได้ค่ะ”

แม้ว่าตอนแรกเรื่องของน้าชิวในบ้านตระกูลไป๋จะไม่ได้ดีนัก แต่สุดท้ายก็ยังคงถือว่าเป็นคนรู้จักเก่า ตอนนี้ได้มาเจอกันอีกครั้งก็ถือว่ายากมาก ไป๋เสว่เอ๋อร์กำลังจะเข้าไปพูดคุยกับเธอเพิ่มอีกสองสามประโยค กลับคิดไม่ถึงว่าจินจิงจิงจะตรงเข้ามา ขวางไว้ที่ด้านหน้าของน้าชิวทันที

เธอจ้องมาที่ไป๋เสว่เอ๋อร์ เอ่ยปากด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็นว่า ไป๋เสว่เอ๋อร์ เธอยังมียางอายอยู่หรือเปล่า? เผยอี้กับฉันต่างกำลังวางแผนที่จะแต่งงานกันแล้ว เธอยังไม่ตัดใจอีก!”

ไป๋เสว่เอ๋อร์ตกตะลึงไปชั่วขณะ ไม่เข้าใจความหมายในคำพูดของเธอ

เธอมองไปยังน้าชิวอย่างค่อนข้างที่จะประหลาดใจ แต่น้าชิวก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาเช่นเดียวกัน

หลังจากที่นิ่งเงียบไปสองสามวินาที ไป๋เสว่เอ๋อร์พยายามลองคิดทบทวนถึงความหมายที่อยู่ในคำพูดของจินจิงจิง ทันใดนั้นการตอบสนองก็กลับคืนมาอย่างรวดเร็ว ที่แท้ ที่แท้น้าชิวก็คือคุณแม่ของเผยอี้!มิน่าล่ะ จินจิงจิงถึงเรียกเธอว่าคุณป้า!

หากเป็นเช่นนี้แล้ว ทุกอย่างก็ดูสมเหตุสมผลไปหมด!

ก่อนหน้านี้ตอนที่เธอคบอยู่กับเผยอี้ เผยอี้เคยไปทานข้าวที่บ้านตระกูลไป๋ แต่เธอกลับไม่เคยไปทานข้าวที่บ้านตระกูลเผยเลยสักครั้ง ไม่เคยเห็นคุณแม่ของเขาก็เป็นเรื่องปกติ

จินจิงจิงเห็นไป๋เสว่เอ๋อร์ไม่ได้พูดอะไรอยู่นาน เพียงแต่จ้องมองน้าชิวเอาไว้ตลอด ยังนึกว่าเธอคงคิดจะถือโอกาสตีสนิท จึงก้าวขาเข้ามาด้วยความโมโห จ้องมาที่ไป๋เสว่เอ๋อร์แล้วเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็นว่า “ไป๋เสว่เอ๋อร์ ฉันขอเตือนเธอเอาไว้เลยนะ เก็บแผนการเล็กๆเหล่านั้นของเธอไปซะ!”

ได้ฟังน้ำเสียงที่เสียดสีประชดประชันของจินจิงจิง ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วขึ้น เธอเหลือบตามองไปยังจินจิงจิง แล้วถามย้อนกลับว่า “งั้นเธอลองพูดออกมา ฉันมีแผนการเล็กๆอะไร?”

สัญญาร้ายของประธานปีศาจ

สัญญาร้ายของประธานปีศาจ

Status: Ongoing

บริษัทไป๋ซื่อเกิดเรื่องใหญ่ในด้านการเงิน พ่อของเธอถูกตำรวจพาไป แม่ของเธอก็ป่วย ร่างกายยิ่งอ่อนแอขึ้น เธอต้องการเงิน ต้องการหลักฐาน นอกจากเผยอี้แล้ว เธอนึกไม่ออกว่ายังมีใครที่จะสามารถช่วยเธอได้ แต่สุดท้าย เธอเพียงแค่ได้รับความเยาะเย้ยจากเขา ยังดีที่เผยลี่เชินออกมาช่วยเธอตอนที่เธอสิ้นหวัง ไป๋เสว่เอ๋อร์มอบตัวเองให้กับเขา แต่ความสัมพันธ์ของสองคนกลับยังไม่จบ พวกเขาจะมีเรื่องอะไรกันต่อนะ? คำแนะนำนวนิยาย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท