ตอนที่ 227 เผยซื่อไม่ใช่ลูกพลับที่ใครจะเด็ดไปง่ายๆ
อีกฝ่ายเป็นป้าจางที่รีบรับโทรศัพท์ “ฮัลโหล? คุณผู้ชาย”
เผยลี่เชินถามเสียงเข้ม “ป้าจาง มีเรื่องอะไร?”
“คุณไป๋เก็บข้าวของแล้วออกจากบ้านไป บอกว่าพรุ่งนี้ไปทำงานต่างประเทศ”
“ว่าไงนะ?” เผยลี่เชินขมวดคิ้ว เขาเพิ่มระดับเสียงให้ดังขึ้นโดยไม่รู้ตัว
เธอจะบินไปมะรืนไม่ใช่หรือ? ทำไมวันนี้เก็บของแล้วออกไปเลย?
กู้หลี่เหลียงซึ่งนั่งดื่มเหล้าอยู่ข้างๆ เห็นผิดสังเกต จึงรีบถาม “มีอะไรหรือ?
เผยลี่เชินฟังที่ป้าจางพูดไม่กี่ประโยค ก็ตอบกลับเสียงเข้ม “อืม”
หลังจากวางสาย เผยลี่เชินก็วางแก้วเหล้าที่อยู่ในมือลุง “ไป๋เสว่เอ๋อร์เก็บของออกไปแล้ว”
ขณะพูดเขาก็ก้าวเท้าเดินออกไปข้างนอก กู้หลี่เหลียงรีบตามเขาไป “อะไร? เธอไปไหน?”
“ไม่รู้ซิ สงสัยยังโกรธอยู่ ก็เลยไปเลย ฉันจะโทรถามอยู่เนี่ย”
เขาหยิบโทรศัพท์มือถือ สั่งให้คนตามหาที่อยู่ของไป๋เสว่เอ๋อร์ ทั้งคฤหาสน์ตระกูลไป๋ โรงแรมที่เธอไปค้างเมื่อคืน ยังมีที่บริษัทอีก สถานที่ทั้งหมดที่คาดว่าเธอจะไปพักอาศัย เขาให้คนไปตามหาแต่ก็ไม่พบ โทรไปเธอก็ไม่รับสาย
เผยลี่เชินกลับมาคฤหาสน์ด้วยความอึดอัดใจ มาถึงห้องนอน ของใช้ที่ไป๋เสว่เอ๋อร์ใช้อยู่เป็นประจำก็ไม่อยู่ที่โต๊ะแล้ว ในตู้เสื้อผ้าก็มีเสื้อผ้าเหลือเพียงไม่กี่ชุด
ไม่รู้จะทำอย่างไรดี เผยลี่เชินจิตใจว่างเปล่า
ในที่สุดสายตาของเขาเหลือบไปมองเห็นกระดาษโน้ตที่หัวเตียง เขาหยิบขึ้นมาอ่านดู ในนั้นเขียนเป็นอักษรเรียงกันเป็นแถว : ขอไปทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมใหม่ล่วงหน้าก่อน
ประโยคง่ายๆ พูดชัดเจนถึงสาเหตุที่เธอรีบไป ไม่ได้พูดถึงอย่างอื่น
เผยลี่เชินกำกระดาษโน้ตไว้แน่น ในใจยังคงสับสนว่าไป๋เสว่เอ๋อร์จงใจที่จะไปล่วงหน้าด้วยเหตุผลเพียงแค่นี้ใช่หรือไม่
ช่างเถอะ! เธอไปล่วงหน้าก็ดี อีกสองวันเขาค่อยไปตามหาเธอที่สิงคโปร์
แต่เรื่องมันไม่ง่ายอย่างที่คิดไว้แต่แรก เผยลี่เชินวางแผนให้ฉีเฟิงไปจองตั๋วเครื่องบิน แต่ใครจะไปรู้ได้ว่าจู่ๆ ก็มีเรื่องวิ่งมาหาเขา
ล่าสุดเรื่องของเจ้าของสแคว์หั้นต๋าเกิดปัญหามากมาย สะสมมาจนถึงตอนนี้ ทั้งสองฝ่ายยังไม่สามารถปรึกษาหารือเพื่อหาวิธีแก้ไขได้
เรื่องนี้ไม่สามารถแก้ไขได้ภายในวันเดียว สำหรับเผยซื่อมันคือภาระ ครั้งล่าสุดเรื่องที่เจ้าของธุรกิจล็อบบี้เผยซื่อก็ขยายวงกว้างออกไป ใครจะรู้ครั้งหน้าพวกเขาจะทำอะไรอีก อีกอย่างเรื่องนี้มันง่ายมากที่จะถูกคนอื่นใช้ประโยชน์ แต่เป็นอันตรายมากสำหรับเผยซื่อ
การพบปะเจรจาเป็นครั้งที่สามกับตัวแทนร้านค้า ครั้งนี้เผยซื่อจะไม่ยอมเสียเวลาอีก จึงถามออกไปตรงๆ “คุณพูดมาเลยดีกว่าว่าต้องการอะไร?”
ตัวแทนเจ้าของร้านค้าคนหนึ่งเป็นชายอายุประมาณสี่สิบกว่าๆ เมื่อก่อนเคยมีประสบการณ์ทางการค้า จึงถูกส่งมาให้เป็นคนเจรจากับพวกเขา
“สิ่งที่พวกเราต้องการก็ไม่มีอะไรยุ่งยาก ถ้าหากห้างสรรพสินค้าใหม่สร้างเสร็จแล้ว พวกคุณต้องจัดสรรร้านค้าใหม่ ตามกำหนดเดิมของพวกคุณ ไม่เช่นนั้นก็คืนเงินที่พวกเราจ่ายไปตั้งแต่แรก
สายตาเผยลี่เชินเคร่งเครียด พูดด้วยเสียงเย็นชา “แต่พวกคุณก็ควรรู้ คนที่รับเงินพวกคุณไปตั้งแต่แรกไม่ใช่เผยซื่อ”
อีกฝ่ายปฏิเสธ “แต่เผยซื่อรับช่วงการบริหารพื้นที่ร้านค้า ก็ต้องรับผิดชอบพวกเรา”
เผยลี่เชินเงียบไป จากนั้นมองไปที่ฉีเฟิงที่อยู่ข้างๆ แล้วถาม “ฝ่ายการเงินเก็บสถิติไว้ไหม?”
“เก็บไว้เรียบร้อยดีครับ” ฉีเฟิงหยิบเอกสารส่งให้
เผยลี่เชินรับเอกสารแล้วพลิกไปมา จากนั้นก็ส่งเอกสารให้กับตัวแทนเจ้าของร้านค้า “พวกเรายินดีจัดสรรร้านค้าให้ใหม่ แต่ค่าเช่าไม่สามารถเป็นไปตามข้อสัญญาก่อนหน้าของพวกคุณได้ นี่คือข้อเรียกร้องของพวกเรา ถ้าพวกคุณรับไม่ได้ พวกเราก็ไม่จำเป็นต้องเจรจากันอีก”
ตัวแทนเจ้าของมองดูแล้ว ขมวดคิ้วดูเหมือนไม่ยอมรับ เผยลี่เชินลุกขึ้นก่อนที่เขาจะพูดอะไรต่อไป
ใบหน้าเขาดูเย็นชาพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “พวกคุณคิดให้ดีก่อนนะ ถ้าพวกคุณไม่ยอมรับ พวกเราก็จะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป”
พูดจบเขาก็เดินจากไปโดยไม่รอยให้อีกฝ่ายตอบโต้
ธุรกิจของเผยซื่อมีมากมาย เขาไม่สามารถมาเสียเวลากับเรื่องนี้ อีกทั้งครั้งนี้เป็นการเจรจาครั้งสุดท้าย ถ้าอีกฝ่ายไม่ยอมรับเขาก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย
ฉีเฟิงรีบเดินตามไป ดูเหมือนกังวลใจเล็กน้อย จึงเอ่ยปากถาม “ประธานเผย ถ้าครั้งนี้พวกเขายังไม่ยอม พวกเราจะดำเนินการตามกฎหมายจริงๆ หรือครับ?”
ถ้าต้องดำเนินการตามกฎหมายก็ไม่เกิดประโยชน์กับทั้งสองฝ่าย แต่จะเกิดผลกระทบที่ไม่ดีต่อเผยซื่ออย่างใหญ่หลวง ไม่แน่อาจกระทบต่อราคาหุ้นของบริษัทได้
เผยลี่เชินคิดถึงผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นไว้หมดแล้ว แต่ถึงตอนนี้เผยซื่อถูกบีบจนถึงที่สุด จนเขาก็ไม่มีทางเลือก
“เผยซื่อไม่ได้ลูกพลับที่ใครจะเด็ดไปได้ง่ายๆ ครั้งนี้ถ้าพวกเขาไม่ยอมรับก็คงต้องเป็นไปแบบนั้น”
สองชั่วโมงผ่านไป ตัวแทนเจ้าของร้านค้าโทรศัพท์มาหาด้วยตัวเอง เพื่อยอมรับในข้อเสนอ
บางครั้งการอ่อนข้อให้ก็ทำให้เรื่องมันเลวร้ายมากขึ้น แต่การแข็งกร้าวก็สามารถแก้ไขปัญหาได้จริงๆ
ขณะเดียวกันที่โรงแรมอินเตอร์เนชั่นแนลแกรนด์สิงคโปร์ ไป๋เสว่เอ๋อร์เก็บของให้เข้าที่ คิดว่าจะพาเสี่ยวจางไปหาอะไรกิน
นี่เป็นครั้งแรกที่เสี่ยวจางมาทำงานต่างประเทศ จึงดีอกดีใจยกใหญ่ หลังจากที่ทั้งสองกินข้าวเสร็จ เธอก็ลากไป๋เสว่เอ๋อร์ไปเดินเล่น
เดิมทีไป๋เสว่เอ๋อร์ไม่มีกะจิตกะใจจะไปไหน แต่เพราะเสี่ยวจางรบเร้าอยู่หลายครั้ง เธอจึงต้องไปด้วย
“พี่เสว่เอ่อร์ ฉันรู้สึกว่าการทำงานนอกสถานที่ดีมากเลย ได้ทำงานไปด้วยแล้วก็ได้มาเที่ยวด้วย แถมยังได้ช้อปปิ้งอีก เยี่ยมไปเลย!”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ยิ้มที่มุมปาก หลังจากได้ฟังเสี่ยวจางพูดแบบนี้ จึงพูดเตือนสติ “จะกลัวก็แต่เธอสนุกจนลืมทำงาน วันจันทร์มีงานประชุมที่สำคัญมาก เธออ่านข้อมูลทั้งหมดหรือยัง?”
“ตายแล้วพี่เสว่เอ๋อร์! วันนี้ขอพักผ่อนสักวัน ยังมีพรุ่งนี้อีกวันค่อยเตรียมตัว”
เสี่ยวจางลากไป๋เสว่เอ๋อร์เข้าไปในห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ ข้างในเต็มไปด้วยสินค้าแบรนด์เนม สายตาของเสี่ยวจางดูตื่นตาตื่นใจ
“พี่เสว่เอ๋อร์ พี่แต่งตัวดีตลอดเวลา ฉันว่าเสื้อตัวนี้สวยมาก แต่มันไม่เหมาะกับฉัน…”
“เดี๋ยวพี่เลือกให้เธอเอง” ไป๋เสว่เอ๋อร์ขณะพูดกับหันกลับไปหยิบเสื้อคลุมถักไหมพรม กระโปรงสไตล์พังก์และรองเท้ามาร์ติน ส่งให้เสี่ยวจาง “เธอไปลองดูซิ”
เสี่ยวจางลังเลสักครู่ “นี่….มันไม่ใช่สไตล์ของฉัน….”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ส่งยิ้มให้เธอ “ไปลองเถอะน่า!”
เสี่ยวจางพยักหน้า หยิบเสื้อผ้าเข้าไปในห้องลองเสื้อ สักครู่เธอก็เดินออกมาจากห้องลองเสื้อ
เธอเป็นคนรูปร่างผอมเพรียว ขายาว ซึ่งควรใส่เสื้อผ้าที่โชว์จุดเด่นส่วนนี้ของเธอพร้อมกับผมสั้นระดับหูของเธอ
เสี่ยวจางกระโดดด้วยความตื่นเต้น “พี่เสว่เอ๋อร์ พี่น่าทึ่งมากเลย ฉันว่าไม่เหมือนตัวฉันเลย”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ยิ้ม “ต่อไปก็แต่งสไตล์นี้ เหมาะกับเธอดี”
“ได้คะ!”
หลังจากเดินออกจากร้านเสื้อสตรี เสี่ยวจางก็ถือถุงเล็กถุงใหญ่ ลากไป๋เสว่เอ๋อร์เข้าไปร้านเสื้อบุรุษ
ไป๋เสว่เอ๋อร์ประหลาดใจ “เธอ….จะซื้อเสื้อให้แฟนเหรอ?”
“ไม่ใช่คะ สัปดาห์หน้าเป็นวันเกิดพี่ชาย ฉันอยากหาของขวัญให้เขาสักชิ้น!” ใบหน้าเสี่ยวจางเป็นสีแดง “ฉันยังไม่มีแฟนคะ!”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ยิ้ม เดินตามเธอไปที่ร้านเสื้อบุรุษ
ที่ร้านขายเสื้อผ้าบุรุษแห่งนี้มีสไตล์ที่เรียบหรู มีนักออกแบบของตัวเอง น่าสนใจดี
ไป๋เสว่เอ๋อร์เดินดูรอบๆ เงยหน้าขึ้นมองโดยไม่ตั้งใจไปสะดุดหยุดที่หน้าอกของหุ่นผู้ชายที่อยู่ไม่ไกล
ในขณะนั้น สมองของเธอก็มีใบหน้าของเผยลี่เชินปรากฏขึ้น