ตอนที่ 229 ฉันใช้หนี้แทนเธอ
ออกมาจากบ้านเก่า เผยลี่เชินขึ้นรถสักครู่ก็โทรศัพท์ “เรื่องอีเมล์สืบไปถึงไหนแล้ว?
“อีกฝ่ายไม่ทิ้งร่องรอยใดๆ ไว้ ไม่มีกล้องวงจรปิด ไม่มีวิธีพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของไป๋เสว่เอ๋อร์ได้เลย แต่ก็ขจัดความสงสัยในตัวเธอได้อยู่”
เผยลี่เชินถามทันทีเมื่อได้ยินแบบนี้ “ยังไง?”
“ช่วงเวลาที่อีเมล์ถูกส่งออกไป ไป๋เสว่เอ๋อร์ไม่อยู่ในออฟฟิศ สามารถดูได้จากกล้องวงจรปิดที่ประตูหน้าบริษัท ตอนนั้นเธอไปพบเสิ่นหรูเฟิง อาศัยช่วงเวลาที่เธอไม่อยู่ มีคนอีเมล์ส่งออกไปจากคอมพิวเตอร์เธอ”
สายตาของเผยลี่เชินดูเคร่งขรึม ถามด้วยเสียงเย็นชา “พูดได้ว่าอาจจะเป็นเสิ่นหรูเฟิงกับหนอนบ่อนไส้ในบริษัท สมรู้ร่วมคิดกัน ตั้งใจให้ไป๋เสว่เอ๋อร์ออกไปแล้วหนอนตัวนั้นก็อาศัยจังหวะนี้ลงมือ”
เผยลี่เชินเข้าใจชัดเจนขึ้น จากนั้นเขาก็สั่งด้วยเสียงเข้ม “สืบต่อไป ทุกซอกทุกมุม ทุกคนอย่าให้เล็ดรอดการตรวจสอบไปได้”
“ครับ”
เผยลี่เชินหายใจลึก ลังเลก่อนจะถาม “โจ๋วฝันไปถึงรึยัง?”
“ถึงสิงคโปร์เมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อน”
“ดี บอกให้เขาคอยดูแลไป๋เสว่เอ๋อร์อย่างลับๆ หากไม่จำเป็นอย่าเปิดเผยตัว”
“ครับ”
หลังจากวางโทรศัพท์จิตใจของเผยลี่เชินรู้สึกสับสน ดูเหมือนครั้งนี้เขาจะเข้าใจเธอผิดจริงๆ รอให้งานยุ่งๆ ผ่านพ้นไปก่อน เขาจะรีบบินไปสิงคโปร์อย่างแน่นอน
เช้าวันถัดมา ในร้านกาแฟ เผยลี่เชินนั่งเผชิญหน้ากับเสิ่นหรูเฟิง
“หายากจริงๆ ที่ประธานเผยจะเชิญผมมาดี่มกาแฟ!” เสิ่นหรูเฟิงหัวเราะ ฟังดูเหมือนจะชมแต่สายตากลับประชดประชัน
“สนุกมากไหม?” เผยลี่เชินมองหน้าเขา น้ำเสียงเย็นชา
“สนุกอะไรเหรือ?” เสินหรูเฟิงทำแกล้งโง่ แต่มีรอยยิ้มที่สดใส “ประธานเผยค้นพบอะไรที่สนุกล่ะ? พาผมไปสนุกด้วยซิ?”
เผยลี่เชินไม่ต้องการพูดเรื่องไร้สาระอีกต่อไป ดังนั้นจึงพูดเข้าประเด็น “นายจัดการให้หนอนบ่อนไส้ขโมยหนังสือการประมูล แล้วก็ใส่ร้ายโยนความผิดให้ไป๋เสว่เอ๋อร์ เสิ่นหรูเฟิง นายคิดว่าฉันจะสืบไม่รู้หรือไง?”
เมื่อได้ยินแบบนี้ในที่สุดเสิ่นหรูเฟิงก็หยุดยิ้ม หยิบแก้วกาแฟขึ้นจิบ “กาแฟรสชาติไม่เลว”
เผยลี่เชินวางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะอย่างแรง เสียงดัง “ปัง” “ไม่ควรทำตัวได้คืบจะเอาศอก”
“ประธานเผยไม่ควรพูดแบบนี้ คุณยังจำได้ไหมตอนแรกที่คุณเคยพูดไว้ ตอนแรกไม่คิดว่าผมจะเป็นคู่ต่อสู้ แต่มาตอนนี้ทั้งเสิ่นซื่อและเผยซื่อต่างอยู่บนเวทีเดียวกัน ไม่ใช่เพราะแบบนี้ถึงชนะการประมูลมาได้?” เสิ่นหรูเฟิงวางแก้วกาแฟแม้จะมีรอยยิ้ม แต่สายตาที่มองก็ทำให้คนกลัวได้ “ลมน้ำยังหมุนเวียนไปมา คำพูดบางคำก็ไม่สามารถพูด”
เผยลี่เชินยิ้มแบบเย็นชา “ใช้วิธีการลับหลังแบบนี้นายคิดว่าจะชนะได้สักกี่ครั้ง?”
เขาลุกขึ้นยืนมองเสิ่นหรูเฟิงด้วยสายตาเหยียดหยาม “ฉันขอเตือนนายไว้ก่อน ทางที่ดีห้ามมาแตะต้องคนของฉันอีก”
พูดจบเขาก็เดินตรงไปประตูทางออก
สีหน้าของเสิ่นหรูเฟิงดูไม่สนใจใยดี จ้องมองเงาของเผยลี่เชินที่ค่อยๆ ลับหายไป ยิ้มที่มุมปาก
เขาเองก็อยากเห็นว่าเขากับเผยลี่เชินใครจะไปได้ไกลกว่ากัน
สิบนาทีต่อมา สวี่เยว่หรูก็เดินมาจากอีกด้าน นั่งลงตรงหน้าเสิ่นหรูเฟิง
เธอถามด้วยน้ำเสียงประหม่า “พวกคุณคุยเรื่องอะไรกัน? เขาเริ่มสงสัยฉันแล้วใช่ไหม?”
เสิ่นหรูเฟิงเลิกคิ้วแล้วยิ้มให้ “เปล่า เขายังสืบไม่พบอะไร ดังนั้นจึงมาแค่ข่มขู่ฉัน”
สวี่เยว่หรูสบายใจเมื่อได้ยินแบบนี้ ชายตรงหน้าสังเกตสีหน้าของเธอที่เอาแต่ก้มหน้า “ทำไม? ตื่นเต้นขนาดนี้? กลัวเขาจับได้แล้วไล่เธอออกหรือ?”
สวี่เหว่หรูกัดริมฝีปาก ไม่พูดอะไร
หลังจากเธอเรียนจบก็ทำงานที่เผยซื่อ อยู่ข้างๆ เผยลี่เชินมาตลอด หลายปีที่ผ่านมาไม่คิดเปลี่ยนงาน เพราะเผยซื่อดูแลเธอเป็นอย่างดี ซึ่งก็เป็นเหตุผลแรก แต่ที่สำคัญก็คือหัวใจของเธอที่มีต่อเผยลี่เชิน
เธอมีใจให้เผยลี่เชินนานแล้ว ถึงยอมใช้วิธีนี้เพื่อให้ได้อยู่ข้างๆ เขา หวังว่าวันหนึ่งเขาจะเห็นใจเธอ แต่คิดไม่ถึงว่าการปรากฏตัวของไป๋เสว่เอ๋อร์ จะทำให้เรื่องมันดูวุ่นาย
การร่วมมือกับเสิ่นหรูเฟิงในครั้งนี้ แม้จะทำให้ไป๋เสว่เอ๋อร์ได้รับการลงโทษ แต่เธอกลับไม่มีความสุข เธอรู้สึกผิดต่อเผยลี่เชิน ทำให้เธอวิตกจริตโดยไม่รู้ตัว
เสิ่นหรูเฟิงเห็นสวี่เยว่หรูนิ่งเงียบไป จึงหัวเราะออกมา “อย่ากลัวไปเลย ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร ถึงเวลานั้นก็มาทำงานกับฉันที่เสิ่นซื่อ”
พูดจบเขาก็ลุกขึ้นจากนั้นเสยคางของสวี่เยว่หรูขึ้น “ไปกันเถอะ” สวี่เยว่หรูลังเลแล้วถาม “ไปไหน?”
เสิ่นหรูเฟิงขมวดคิ้วแล้วพูดต่อ “ทำตามสัญญา”
ครึ่งชั่วโมงต่อมา พวกเขามาถึงถนนฉงหยังเขตเป่ยอัน
สวี่เยว่หรูไม่เข้าใจคิดไม่ถึงว่าเขาจะพาเธอมาที่นี่ ก่อนเธอจะถาม เสิ่นหรูเฟิงก็ชิงพูดก่อน “โทรศัพท์ตามบรรดาเจ้าหน้าของเธอมา”
“ห๊า?”
เสิ่นหรูเฟิงกระพริบตา “ฉันรับปากว่าจะใช้หนี้แทนเธอ ฉันไม่โกหกเธอหรอก!”
สวี่เย่วหรูลังเล ในที่สุดก็โทรศัพท์หาเจ้าหนี้ เธอยังไม่ทันได้พูด มือถือก็ถูกเสิ่นหรูเฟิงแย่งไป
“นังตัวดี หาเงินมาใช้หนี้ได้รึยัง?”
ก่อนที่โทรศัพท์จะแนบหู ก็มีเสียงดังมาจากอีกฝ่าย แม้ไม่ได้เปิดสปีกเกอร์โฟน แต่น้ำเสียงดุดันของคู่สนทนาก็ดังทะลุลำโพงออกมา
“แกเรียกใครว่านังตัวดี?” เสิ่นหรูเฟิงถามอย่างเย็นชา
อีกฝ่ายตะลึง แล้วพูดว่า “โอ๊ะ! คุณผู้น่าสงสาร คุณเป็นใครกัน”
เสิ่นหรูเฟิงพูดเสียงเข้ม “ไปล้างปากมั้งนะ ถ้าอยากได้เงินภายในครึ่งชั่วโมงให้มาที่บ้านสวี่เยว่หรูพร้อมสัญญาเงินกู้”
อีกฝ่ายตกตะลึง ไม่คิดว่าคนพูดจะดุดันขนาดนี้ แถมยังพูดถึงเรื่องเงิน ทันใดนั้นน้ำเสียงก็เปลี่ยนไป “ได้…ได้…ได้…จะไปเดี๋ยวนี้”
เสิ่นหรูเฟิงวางสาย
สวี่เยว่หรูที่อยู่ข้างๆ ถึงกับตกใจ เธอไม่เคยคิดว่าจะมีวันนี้…วันที่เธอรู้สึกประทับใจ มีแต่เธอที่ขอให้คนพวกนั้นขยายเวลาชำระหนี้ออกไป
ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ก็มีรถตู้ขับมาอย่างเร็วจอดตรงหน้ารถเสิ่นหรูเฟิง
ชายร่างสูงใหญ่สองสามคน มีรอยสักที่ตัวลงจากรถ มองเห็นรถของเสิ่นหรูเฟิง ก็พูดแซวเขา
“รถหรูนี่! ดูเหมือนจะมีเงินมาก”
ชายคนหนึ่งหันกลับไปพูดกับชายด้านหลังด้วยความตื่นเต้น เสิ่นหรูเฟิงลงจากรถมองดูพวกเขา พูดเสียงเข้ม “พูดมาเท่าไร?”
ชายสามคนมองเสิ่นหรูเฟิง แล้วมองสวี่เยว่หรูที่อยู่ในรถ หัวเราะแล้วถามว่า “แฟนรึ?”
“ถ้าไม่อยากได้เงิน ก็ตามใจ” เสิ่นหรูเฟิงยังคงเสียงเข้ม หันกลับไปเพื่อขึ้นรถ
ชายคนหนึ่งยื่นมือจับประตูรถไว้พร้อมกับรอยยิ้ม “อย่า…อย่า….แค่ล้อเล่น เท่านั้นน้องชาย พี่ก็แค่สงสัย ตาแก่สวี่เสียลูกสาวไปสองคน หลายปีมานี้หนี้สินตระกูลสวี่ยังใช้ไม่หมด แต่วันนี้จะมาเคลียร์ทั้งหมด พวกเราก็เลยแปลกใจ”
ชายคนนั้นพูดเสียงดีงจนสวี่เยว่หรูซึ่งนั่งอยู่ในรถได้ยินชัดเจน เธอขมวดคิ้วสองมือกำแน่น
เสิ่นหรูเฟิงเงยหน้ามองไปที่ชายคนนั้น พูดเสียงเย็นชา “ขถามอีกครั้ง ติดหนี้พวกนายเท่าไร?”
“รวมดอกเบี้ยแล้วก็ สองแสนสามหมื่นหยวน”
เสิ่นหรูเฟิงหยิบเช็คขึ้นมาเขียนจำนวนเงินแล้วส่งให้พวกเขา พูดอย่างใจเย็น “เงินฉันใช้คืนให้ นับจากนี้เป็นต้นไปห้ามมาหาเรื่องตระกูลสวี่อีก