ตอนที่ 234 หมากของเขา
ก่อนที่หล่อนจะออกมาจากบริษัท ท่าทีของผู้ถือหุ้นของบริษัทล้วนแล้วแต่เด็ดเดี่ยวแน่วแน่ ปิดปากเงียบเรื่องเอกสารประมูล ไม่ยอมปริปากพูดออกมา
ตอนนี้การเจรจาร่วมมือที่สิงคโปร์ก็สำเร็จเรียบร้อยแล้ว หากหล่อนกลับไปพวกเขาคงไม่ยอมอ่อนข้อให้หล่อนง่ายๆแน่นอน
เผยลี่เชินพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ “เรื่องเอกสารประมูลถือว่าเป็นเรื่องเพียงชั่วคราว ผมมีวิธีพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของคุณ”
ไป๋เสว่เอ๋อกังวลไม่สบายใจ หยุดคิดมากไม่ได้ “แต่ถ้าทำโครงการนี้หลุดมือไป คงสร้างความเสียหายให้กับบริษัทอย่างมาก”
เผยลี่เชินชะงักไปครู่หนึ่ง จู่ๆก็พูดขึ้น “ไม่หรอก จริงๆแล้ว การประมูลครั้งนี้ไม่ใช้เป้าหมายที่แท้จริงของผม ครึ่งเดือนหลังมีโครงการที่จะต้องร่วมมือกับรัฐวิสาหกิจ นั่นคือโอกาสที่สำคัญมากกับตระกูลเผยต่างหาก”
ไป๋เสว่เอ๋อได้ยินเช่นนั้น รู้สึกตกใจขึ้นมาเล็กน้อย “ทำไมฉันถึงไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย…”
เผยลี่เชินยกแก้วขึ้นมา ดื่มไวน์ไปหนึ่งอึก พูดขึ้นด้วยเสียงแผ่วเบา “โครงการขนาดใหญ่ ไม่ได้บอกให้ใครทราบก่อน ครั้งนี้ตระกูลเสิ่นชนะการประมูล ในมือยังมีโครงการใหญ่อีกหนึ่งโครงการ ถ้าจะทุ่มแรงมาแย่งโครงการนี้ด้วย โอกาสที่จะชนะมีไม่มาก”
ได้ยินเช่นนั้น ไป๋เสวเอ๋อรู้สึกตกใจ เงียบอยู่พักใหญ่ จากนั้นไม่นาน หล่อนถึงจะตั้งสติขึ้นมาได้
“ดังนั้น คุณก็เลยตั้งใจปล่อยไป? เพราะคุณรู้อยู่แล้วว่ายังมีโครงการของรัฐวิสาหกิจอยู่งั้นเหรอ?”
เผยลี่เชินหยุดชะงักไป “ก็ไม่ใช่แบบนั้นทั้งหมด ถ้าชนะประมูลได้ สำหรับตระกูลเผยแล้ว สามารถทำควบคู่กันไปได้กับโครงการรัฐวิสาหกิจ แต่สำหรับตระกูลเสิ่น การดำเนินโครงการพร้อมกันสองโครงการ ค่อนข้างยากและท้าทาย”
ไป๋เสว่เอ๋อมึนงง หล่อนคิดมาตลอดว่าเสิ่นหรูเฟิงคิดเอาเปรียบพวกเขา ใช้วิธีสกปรกชนะประมูล ทั้งยังฉวยโอกาสใส่ร้ายป้ายสีตระกูลเผย แต่ดูสถานการณ์แล้ว คงไม่เป็นแบบนั้นทั้งหมด เผยลี่เชินจึงกลายเป็นผู้เล่นที่ใหญ่ที่สุดในเกมส์นี้ และใจอันทุกข์ระทมของหล่อน ที่ถูกคนอื่นเข้าใจผิด เป็นเรื่องที่เขาคิดไว้ล่วงหน้าเรียบร้อยแล้ว!
หล่อนกำหมัดแน่น มองดูผู้ชายที่อยู่ตรงหน้า ยิ่งรู้สึกไม่คุ้นเคยขึ้นเรื่อยๆ จากนั้นสักพัก หล่อนทนไม่ไหวอีกต่อไป ลุกขึ้นยืนขึ้นมา รีบเดินไปที่ห้องน้ำทันที
เผยลี่เชินรู้สึกว่าท่าทางของหล่อนผิดปกติ รีบลุกขึ้นเดินตามหล่อนไป “ไป๋เสว่เอ๋อ”
ไป๋เสว่เอ๋อไม่สนใจ รีบวิ่งเข้าไปในห้องน้ำอย่างรวดเร็ว
เมื่อปิดประตูลง ไป๋เสว่เอ๋อหายใจกระหืดกระหอบ เพียงแค่รู้สึกว่าตัวเองกระวนกระวาย คิดมากไปหมด
หล่อนไม่เคยรู้สึกว่าเผยลี่เชินเป็นคนซับซ้อน แต่เมื่อดูจากตอนนี้ คงไม่ใช่แบบนั้นอีกต่อไป
แม่เคยเตือนหล่อนเรื่องเขา ผู้ชายแบบเผยลี่เชินไม่รู้ว่าจะมีแผนลึกลับซ่อนอยู่มากมายเท่าไหร่่ ตอนนั้นหล่อนไม่คิดจะเชื่อ
แต่ตอนนี้ หล่อนเชื่อแล้ว เชื่ออย่างสนิทใจ
ช่วงที่ผ่านมานี้ หล่อนทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจเพื่อเรื่องการประมูล ทั้งถูกคนเข้าใจผิดและถูกลงโทษ จนกระทั่งตอนนี้ หล่อนเพิ่งจะเข้าใจว่าหล่อนก็เป็นเพียงแค่หมากเดินเกมส์ตัวหนึ่งของเขาเท่านั้น
“ก๊อกๆ!”
เสียงทุ้มต่ำของเผยลี่เชินดังขึ้นจากหน้าประตู “ไป๋เสว่เอ๋อ คุณฟังผมก่อน”
ไป๋เสว่เอ๋อกัดปากแน่น กลัวว่าจะมีคนผ่านมาเห็น หล่อนยื่นมือไปเปิดประตู เดินออกมา “ตั้งแต่เริ่มแรก คุณกำลังหลอกใช้ฉันอยู่ใช่ไหม?”
“ไม่ใช่” เผยลี่เชินตอบกลับด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด
ไป๋เสว่เอ๋อยกมือปัดมือของเขาออก รู้สึกปวดใจ “แล้วทำไมคุณถึงไม่ยอมบอกฉันตั้งแต่แรกล่ะ?
ต้องให้ฉันรู้สึกเสียใจจนถึงขีดสุด อารมณ์ดิ่งจนไม่มีแรงทำอะไร เพื่อเล่นเกมส์เป็นเพื่อนคุณ หลังจากนั้นคุณถึงจะมาเปิดเผยความจริงกับฉันใช่ไหม? ”
หล่อนพูดพลาง คัดจมูก น้ำตาไหลรินออกมา
หล่อนมองเขาเป็นคนที่น่าเชื่อถือและไว้ใจได้มาโดยตลอด แต่เขาล่ะ?
เผยลี่เชินกระพริบตา พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอัดอั้น “ไป๋เสว่เอ๋อ คุณเคยคิดบ้างไหม การที่นั่งอยู่ในตำแหน่งระดับผม มีเรื่องที่จะต้องจัดการมากมายขนาดไหน? ไม่ว่าจะชนะหรือไม่ชนะประมูล ผมก็ต้องคิดเพื่อตระกูลเผย เรื่องพวกนี้ไม่สามารถตัดสินใจได้ก่อนล่วงหน้า สิ่งที่ผมทำได้ มีเพียงแค่รับมือแก้ไขตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น คุณเข้าใจไหม?”
ไป๋เสว่เอ๋อเงียบไปครู่หนึ่ง ไม่พูดอะไร
ที่จริงแล้ว สิ่งที่เขาพูดมาคือความจริง เรื่องนี้จะเป็นเรื่องที่เขาตัดสินใจเองได้ยังไงกัน?
ณ ขณะนั้น ไป๋เสว่เอ๋อรู้สึกเห็นใจเข้าขึ้นมาทันที
หล่อนเดินขึ้นไปข้างหน้า อ้าแขนทั้งสองข้างโอบกอดเขาไว้แน่น ความอบอุ่นจากอ้อมกอดทำให้หล่อนรู้สึกสบายใจขึ้นมาทันที ผ่านไปครู่หนึ่ง หล่อนที่ซบอยู่ในอ้อมอกของเขา พูดขึ้นด้วยเสียงแผ่วเบา “แต่คุณต้องรับปากกับฉัน ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ไม่ว่าจะเป็นแผนที่คุณตั้งใจคิดไว้แล้วหรือไม่ คุณบอกฉันล่วงหน้าก่อนได้ไหม? ”
“อื้ม” เผยลี่เชินยกมือขึ้น ลูบผมของไป๋เสว่เอ๋อ สายตาบ่งบอกถึงอารมณ์ลึกลับซับซ้อน
ในที่สุด ไป๋เสว่เอ๋อก็ปล่อยเผยลี่เชินออก ก้าวถอยหลัง เงยหน้าสบสายตาของเขาด้วยความตั้งใจ “พรุ่งนี้เซ็นสัญญากับประธานเหยียนเสร็จ พวกเรากลับเมืองไห่เฉิงกันดีไหม?”
ถ้าจะให้ใช้ชีวิตอยู่อย่างสุขสบายกับเขาในโลกของเราสองคน หล่อนคงอยากที่จะใช้ชีวิตฝ่าฝันอุปสรรคผ่านร้อนผ่านหนาวกับเขามากกว่า
สีหน้าของเผยลี่เชินดูอ่อนโยนขึ้นเยอะ พนักหน้าให้หล่อน “โอเค พวกเรากลับกันเถอะ”
เช้าวันต่อมา หลังจากที่เซ็นสัญญากับเหยียนเผิงเสร็จอย่างราบรื่น พวกเขาก็นั่งเครื่องบินกลับไปที่เมืองไห่เฉิงในบ่ายวันเดียวกัน
เมื่อลงจากเครื่อง เสี่ยวจางจึงจะมีโอกาสอยู่กับไป๋เสว่เอ๋อด้วยกันเพียงลำพัง
“พี่เสว่เอ๋อ!” มิน่าล่ะสองวันมานี้ไม่เห็นพี่เลย ไปไหนก็ไม่พาฉันไปด้วย ที่แท้ประธานเผยมานี่เอง! ”
เสี่ยวจางพูดพลาง กระพริบตาหยอกเล่นใส่ไป๋เสว่เอ๋อ
ไป๋เสว่เอ๋อหัวเราะ ไม่ได้ยอมรับหรือปฏิเสธคำพูดของหล่อน เสี่ยวจางยังไม่ละเลิกความพยายาม “พี่สาว ฉันเห็นแล้วนะ เมื่อครู่ตอนพี่นอนอยู่บนเครื่อง ประธานเผยเรียกให้แอร์โฮสเตสไปเอาผ้าห่มมาห่มให้คุณ ท่าทีอ่อนโยนแบบนี้ ไม่ได้มีให้เห็นกันง่ายๆ!”
ไป๋เสว่เอ๋อทั้งหงุดหงิดทั้งขำ “พอแล้ว! หยุดเม้าได้แล้ว!”
“พี่ นอกจากเรื่องพวกนี้ ฉันสังเกตเห็นวันนี้ประธานเผยใส่เนคไทด์ ที่พี่ซื้อให้เขาวันนั้นด้วย!”
พูดพลาง เสี่ยวจางยกไหล่ไปชนกับไป๋เสว่เอ๋อ ไป๋เสว่เอ๋อได่ยินเช่นนั้น เริ่มรู้สึกทนไม่ไหว เงยหน้ามองไปที่ผู้ชายที่เดินมาตรงหน้า ยิ้มมุมปากขึ้น
เมื่อรับกระเป๋าเดินทางเสร็จ พวกเขาก็ออกจากสนามบินไปที่บริษัททันที
เมื่อถึงบริษัท เสี่ยวหลิวที่อยู่ออฟฟิศประธานบริหารรีบออกมาต้องรับด้วยความตื่นเต้นดีใจ ตอนที่เห็นไป๋เสว่เอ๋อกับเสี่ยวจาง รีบทักทายขึ้นด้วยความดีใจ “เลขาไป๋ เสี่ยวจาง ในที่สุดพวกเธอก็กลับมา!”
ไป๋เสว่เอ๋อยิ้ม หยิบกล่องสวยงามน่ารักที่อยู่ในกระเป๋าออกมา ยื่นให้เสี่ยวหลิว “ของขวัญเล็กๆน้อยๆ”
เสี่ยวหลิวรับของด้วยความตื่นเต้น “ขอบคุณค่ะเลขาไป๋!”
การกลับมาของไป๋เสว่เอ๋อในครั้งนี้ หล่อนไม่ลืมที่จะซื้อของฝากให้กับเพื่อนพนักงานในออฟฟิศประธานทุกคน รวมถึงสวี่หรูเยว่ ฉีเฟิง และเสี่ยวหลิว
เมื่อรู้ว่าสวี่เยว่หรูอยู่ที่ออฟฟิศ ไป๋เสว่เอ๋อก็นำกล่องเครื่องประดับใบเล็กไปให้หล่อนที่ห้องทำงาน ยกมือขึ้นมาเคาะประตู
“เลขาสวี่ ช่วงนี้เหนื่อยหน่อยนะคะ นี่เป็นของขวัญเล็กๆน้อยๆค่ะ”
ไป๋เสว่เอ๋อเดินขึ้นไปข้างหน้า วางกล่องของฝากลงบนโต๊ะของสวี่เยว่หรู
สวี่เยว่หรูเงยหน้าสบตาหล่อน สีหน้าเคร่งขรึม พูดขึ้นด้วยเสียงเย็นชา “ขอบคุณ”
เมื่อพูดจบ หล่อนก็ก้มหน้าอ่านเอกสารต่อ
เมื่อเห็นท่าทีตอบรับของหล่อน ไป๋เสว่เอ๋อก็ไม่รู้สึกแปลกใจอะไร หล่อนยิ้มเจื่อน หันหลังและเดินออกจากห้องทำงานไป
ตอนกำลังจะปิดประตู สวี่เยว่หรูก็หยุดทำงาน หยิบกล่องเครื่องประดับขึ้นมา เปิดออกดู
นั้นเป็นของฝากจากร้านเครื่องประดับเล็กๆในสิงคโปร์ ราคาไม่สูง แต่มีแบบหลากหลาย เหมาะกับเป็นของฝาก
สวี่เยว่หรูกำกล่องที่ถืออยู่ในมือไว้แน่น พูดกัดฟัน “ดีใจอะไรนักหนา! ก็แค่ไปสิงคโปร์มา!”
หล่อนยิ่งคิดยิ่งแค้น ย้อนคิดถึงสีหน้าของไป๋เสว่เอ๋อเมื่อครู่ และคาดเดาได้ว่าหล่อนคงไปคุยเจรจาร่วมงานที่สิงคโปร์ได้สำเร็จ
สวี่เยว่หรูยกมือขึ้น หยิบกล่องเครื่องประดับโยนลงไปในถังขยะ
สร้อยโง่ๆเส้นหนึ่ง ใครจะไปอยากได้!