สัญญาร้ายของประธานปีศาจ – ตอนที่ 245

ตอนที่ 245

ตอนที่ 245 สหายร่วมรบ

บรรยากาศเงียบขึ้นทันที หลังจากนั้นไม่นาน จู่ๆเผยอี้ยกมือขึ้น วางตะเกียบลงบนโต๊ะ จ้องมองไปที่เผยลี่เชิน ถามขึ้น

“นายหมายความว่ายังไง?”

ตั้งแต่ที่เผยอี้ไปก่อเรื่องที่บริษัท จากนั้นความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาทั้งสองก็แย่ลงเรื่อยๆ มาวันนี้เพียงแค่เรื่องเล็กๆเช่นนี้ สงครามก็ถูกจุดชนวนเกิดขึ้นอย่างง่ายดาย

ไม่รีรอให้เผยลี่เชินได้ตอบอะไร คุณท่านเผยก็พูดขึ้นด้วยเสียงนิ่งขรึม “พอแล้ว ทานข้าวกันดีๆไม่ได้หรือไง? เพิ่งกลับมาก็จะทะเลาะกัน!”

เผยอี้เงียบ แต่สายตายังคงจดจ้องไปที่เผยลี่เชินที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม

“ช่างเถอะ เป็นเพราะฉันไม่ได้คิดรอบคอบเอง” เย่หรงชิวรีบออกตัวรับผิด ท่าทางไม่ค่อยพอใจ “ในเมื่อลี่เซินไม่ดื่มไวน์ ฉันจะรนน้ำผลไม้ให้แทนแล้วกัน”

ไป๋เสว่เอ๋อเข้าใจดีที่สุด ที่เผยลี่เชินปฏิเสธไม่ได้เป็นเพราะเรื่องไวน์หรือน้ำผลไม้

เพื่อที่จะเปลี่ยนบรรยากาศไม่ให้อึดอัดไปมากกว่านี้ ไป๋เสว่เอ๋อจึงลุกขึ้น ยิ้มให้เย่หรงชิว ยื่นมือออกไป “คุณป้าคะ ฉันจัดการให้เอง คุณนั่งอยู่ไกลจากตรงนี้ คงไม่สะดวกเท่าไหร่่”

ไป๋เสว่เอ๋อพูดออกมาแบบนี้ เย่หรงชิวทำอะไรไม่ถูกจึงยิ้มออกมา จากนั้นยื่นน้ำผลไม้ในมือส่งให้ไป๋เสว่เอ๋อ

ไป๋เสว่เอ๋อรับขวดน้ำผลไม้มา รินให้เผยลี่เชินหนึ่งแก้ว ยื่นให้ตรงหน้าเขา

ครั้งนี้ เผยลี่เชินไม่พูดอะไรออกมา

บรรยากาศบนโต๊ะอาหารดีขึ้นสักหน่อย สีหน้าของคุณท่านเผยดูผ่อนคลายขึ้น เขาพูดขึ้นด้วยเสียงจริงจัง “โอเค พวกเราทานข้าวกันได้แล้ว”

ทุกคนต่างพากันคีบอาหาร แต่บรรยากาศกลับดูแปลกไป นั่งมาสักพักแล้ว แต่กลับไม่มีใครกล้าพูดอะไร คุณท่านเผยขมวดคิ้วขึ้น เงยหน้ามองไป๋เสว่เอ๋อ ถามขึ้น “เสี่ยวไป๋ ทำงานที่บริษัทเป็นอย่างไรบ้าง? เหนื่อยเกินไปรึเปล่า?”

“โอเคดีค่ะ แม้ว่าจะมีเรื่องที่ต้องจัดการเยอะหน่อย แต่โดยรวมแล้วก็สามารถรับมือไหวค่ะ อีกอย่างทำงานใกล้กับลี่เซิน ช่วยกันแก้ไขปัญหาไปด้วยกันกับเขา ฉันก็ได้เรียนรู้อะไรมากมาย”

ไป๋เสว่เอ๋อพูดพลาง หันหน้าไปมองเผยลี่เชินที่นั่งอยู่ด้านข้าง ส่งยิ้มให้เขา

การกระทำทุกอย่างของหล่อน ล้วนอยู่ในสายตาของคุณท่านเผย เขารู้สึกพอใจพร้อมพยักหน้าลง ยิ้มด้วยความมีความสุข พูดขึ้น “ถูกต้องแล้ว แต่ยังไงก็ต้องดูแลสุขภาพตัวเองด้วย อย่าฝืนให้เหนื่อยเกินไป”

ไป๋เสว่เอ๋อพยักหน้า “คุณลุงสบายใจได้ค่ะ ฉันจะดูแลตัวเองให้ดี”

เผยอี้และจินจิงจิงที่อยู่ฝั่งตรงข้ามนั่งเงียบมาโดยตลอด เมื่อได้ยินคุณท่านเผยพูดคุยกับไป๋เสว่เอ๋อ อดไม่ได้ที่จะกลอกตามองบนใส่

ตั้งแต่หล่อนเข้ามาทำงานที่บริษัทตระกูลเผยจนถึงตอนนี้ คุณท่ายเผยพูดคุยกับหล่อนน้อยมาก อีกทั้งแต่ละครั้งท่านมีสีหน้าที่จริงจังเคร่งขรึมตลอด ผิดกันกับครั้งนี้ที่คุยกับไป๋เสว่เอ๋อด้วยสีหน้ายิ้มแย้มมีความสุข

ตอนนั้นเอง ความโกรธแค้นที่อยู่ในใจ ทำให้สมาธิในการตักอาหารผิดเพี้ยนไปด้วย “ปั้ง”

ช้อนในมือของจินหล่นลงในจาน ทำให้เสียงดังขึ้นมา

คุณท่านเผยที่กำลังพูดคุยกับไป๋เสว่เอ๋ออย่างสนุกสนาน แต่เมื่อได้ยินเสียงช้อนหล่อน คิ้วขมวดขึ้นมาทันที เขาเงยหน้าเหลือบตามองจินจิงจิง “เกิดอะไรขึ้น? อาหารไม่ถูกปากเหรอ?”

จินจิงจิงชะงักไป รีบยิ้มเจื่อน “เปล่าคะ คุณพ่อ ฉันแค่ไม่ทันระวัง ทำช้อนหลุดมือไปค่ะ”

สีหน้าคุณท่านเผยนิ่งขรุม “เสียงดังโหวกเหวก ไม่มีการอบรมสั่งสอนเลยสักนิด ดาราดังไม่เข้าใจมารยาทบนโต๊ะอาหารหรือยังไง?”

ถูกตำหนิด้วยถ้อยคำเช่นนี้ สีหน้าของจินจิงจิงแดงฉาดขึ้นมาทันที เผยอี้ที่นั่งอยู่ด้านข้างทนฟังต่อไม่ไหว “พ่อ จิงจิงแค่ไม่ทันระวัง ทำไมต้องพูดจาให้ขายหน้าแบบนี้ด้วย”

“ขายหน้า ถ้าพ่อไม่พูดจาที่ฟังไม่เข้าหูแบบนี้หล่อนจะจำไหม? เสียงดังไร้มารยาทอยู่สักพักใหญ่แล้ว คิดว่าพ่อตาบอดดูไม่ออกหรือไง? ไม่อยากทานข้าวก็ไม่ต้องทาน อย่ามาแสดงความไม่พอใจโดยใช้กริยาแบบนี้”

คำพูดเหล่านี้ ทำให้จินจิงจิงอับอายอย่างมาก หล่อนก้มหน้าลง หน้าแดงไม่กล้าพูดอะไรออกมา

เดิมทีที่บรรยากาศบนโต๊ะอาหารดูครึกครื้นขึ้นมาจู่ๆก็กลับไปเงียบเยือกเย็นเหมือนเดิม ไป๋เสว่เอ๋อจึงเปลี่ยนหัวข้อการพูด ถามขึ้น “คุณลุงทานผักเยอะๆนะคะ ดีต่อสุขภาพ”

คุณท่านเผยได้ยินเช่นนั้น สีหน้าดูมีความสุขขึ้นมาทันที เขาพยักหน้าลง และใม่ได้พูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่อีก

เขามองไปที่เผยลี่เชิน ถามขึ้น “พ่อได้ยินข่าวมา ช่วงนี้รัฐวิสาหกิจมีการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่? ลูกพูดมาซิ?”

เผยลี่เชินยืดตัวขึ้น “อื้ม เป็นโครงการหนึ่งของรัฐบาล ขนาดใหญ่มาก คงต้องพึ่งบริษัทหุ้นส่วนด้วย ถึงจะรับมือไหว ตอนนี้ก็กำลังคุยกับบริษัทหุ้นส่วนของบริษัทอยู่บ้าง แต่ยังไม่ได้ตัดสิน…”

คุณท่านเผยคุยกับเผยลี่เชิน ไป๋เสว่เอ๋อกลับพูดแทรกขึ้นมาตลอด ด้านของเย่หรงชิวกับจินจิงจิงรู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก สีหน้าเผยอี้ไม่ค่อยสบอารมณ์นัก ไม่พูดอะไรออกมา

เมื่อทานข้าวใกล้เสร็จ จินจิงจิงหาข้ออ้างบางอย่างเพื่อลุกออกจากโต๊ะไป เย่หรงชิวก็ลุกขึ้นเดินตามหล่อนไปข้างบนด้วย

เมื่อเดินถึงชั้นสอง เย่หรงชิวจึงพูดปลอบหล่อน “จิงจิง เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่อย่าไปใส่ใจ คิดมากนะ”

จินจิงจิงขมวดคิ้วอย่างเคร่งเครียด เสียใจจนน้ำตาไหลรินออกมา ทั้งยังไม่กล้าพูดจาอะไร เมื่อเย่หรงชิวเข้ามาในห้อง ปิดประตูลง จินจิงจิงจึงยื่นมือประคองให้เย่หรงชิวมานั่งที่ปลายเตียงด้วย พูดขึ้นด้วยความน้อยใจ “แม่คะ ทำไมพ่อถึงว่าหนูขนาดนี้ ทั้งยังว่าต่อหน้าไป๋เสว่เอ๋ออีกด้วย หนูรู้ดีว่าเขาไม่ชอบหนู….”

“ไม่เป็นไร ฉันเข้าใจ” เย่หรงชิวยกมือขึ้นลูบหลังของจินจิงจิง “อย่าเสียใจเกินไป ไม่ดีต่อเด็กนะ”

“ไป๋เสว่เอ๋อยังไม่แต่งเข้าบ้าน พ่อก็ชอบหล่อนแล้ว ถ้าวันหลังหล่อนแต่งเข้าบ้าน หนูจะทำยังไง!”

“สบายใจได้ ขอเพียงมีฉันอยู่ ฉันจะไม่นิ่งเฉยแน่นอน!” เย่หรงชิวเอ่ยปากรับประกัน ด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด

“จริงหรอคะ? แม่ แม่จะอยู่ข้างหนูจริงๆใช่ไหม?”

เย่หรงชิวพยักหน้า “แน่นอน!”

หล่อนเองก็ไม่ชอบไป๋เสว่เอ๋อมาตั้งแต่แรก มาวันนี้หล่อนคิดไม่ถึงเลยว่าไป๋เสว่เอ๋อจะมาคบกับเผยลี่เชิน อีกทั้งคุณท่านเผยยังชอบหล่อนอีก ถ้ารอให้หล่อนแต่งเข้าบ้าน คงเป็นเรื่องไม่ดีต่อเผยอี้และจินจิงจิง

หล่อนทุ่มเทแรงกายแรงใจด้วยความพยายามอย่างมาก จนสุดท้ายทำให้เผยอี้ได้มีรากฐานที่มั่นคงในตระกูลเผย ฉะนั้นหล่อนจะไม่ยอมให้เกิดเรื่องอะไรกับเขาแน่นอน! หล่อนยิ่งมายอมให้เผยลี่เชินพาไป๋เสว่เอ๋อแต่งเข้าบ้านเด็ดขาด!

หล่อนหันหลังกลับมา มองไปที่จินจิงจิงด้วยสายตาจริงจัง พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่งขรึม “ยังไงก็แล้วแต่ เราสองคนเป็นสหายที่ลงเรือรำเดียวกัน ไม่ใช่เหรอ?”

จินจิงจิงตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นพยักหน้าอย่างเต็มแรง “ใช่ค่ะ”

พวกเขาเกลียดไป๋เสว่เอ๋อเหมือนกัน ศัตรูของศัตรูก็คือมิตร!

เย่หรงชิวยิ้ม ทันใดนั้น เข้าไปประชิดหล่อน พูดกระซิบขึ้น “อันที่จริง ถ้าอยากจะห้ามไม่ให้ไป๋เสว่เอ๋อเข้ามาในบ้านของตระกูลเผย ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีโอกาส…”

สายตาของจินจิงจิงเยือกเย็นขึ้นมาทันที “แม่ พวกเราควรทำยังไงดี?”

เย่หรงชิวยิ้มเยาะ กระซิบไปที่ข้างหูของหล่อน พูดด้วย้ำเสียงแผ่วเบาอยู่สักพัก จู่ๆ สีหน้าของจินจิงจิงก็เปลี่ยนไปสดใสราวกับฟ้าหลังฝน มีรอยยิ้มขึ้นมาทันที…

หล่อนพยักหน้า “เรื่องนี้เป็นหน้าที่หนูเอง!”

หลังจากทานข้าวเสร็จ ไป๋เสว่เอ๋อพูดคุยเรื่องโครงการนั้นต่อกับเผยลี่เชินและคุณท่านเผย เผยอี้ที่นั่งอยู่ด้านข้าง มีสีหน้านิ่งเฉย ไม่พูดอะไร

คุณท่านเผยมองไปที่เผยอี้ที่นั่งเงียบอยู่บนโซฟา ขมวดคิ้วขึ้น พูดเสียงดัง “การร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นความท้าทายของพวกเราตระกูลเผยอย่างมาก สำหรับพี่น้องสองคนของลูกๆก็เช่นกัน พวกเธอมองหาหุ้นส่วนที่เหมาะสมกันเอง ใช้ชื่อเสียงไปหาโอกาสคว้าโครงการมาให้ได้อย่างเหมาะสม และพิสูจน์ให้ฉันได้เห็นถึงความสามารถของแต่ละคน!”

คุณท่านเผยเพิ่งพูดจบ เผยอี้พูดพึมพำขึ้นเบาๆ “น่าเบื่อ”

“นายพูดว่าอะไร?” สีหน้าคุณท่านเผยเคร่งขรึม มองไปที่เผยอี้ด้วยสายตาโมโห “น่าเบื่อ?” ลูกลองคิดดูเองดีๆนะ ตั้งแต่ก่อนแต่งงานจนถึงตอนนี้ มีการร่วมมือกับหุ้นส่วนครั้งไหนที่ได้กำไรกลับมาบ้าง? ครั้งไหนที่ไม่ให้พี่ชายไปคอยจัดการปัญหาที่สร้างทิ้งไว้บ้าง! อย่างโครงการหั้นต๋าสแควร์วุ่นวายไปถึงขั้นไหนแล้วรู้บ้างรึเปล่า? ถ้าไม่ได้เป็นเพราะพี่ชายของนายคอยดูแลบริษัทตระกูลเผยไว้ เกรงว่าทั้งบริษัทคงจะล้มละลายไปในกำมือของนาย!

สีหน้าของเผยอี้เพิกเฉยเยือกเย็น ไม่พูดไม่จา

เมื่อเห็นคุณท่านเผยโกรธจนตัวสั่นไปทั้งตัว ท้ายสุดเผยลี่เชินจึงพูดเกลี้ยกล่อม “พอแล้วพ่อ ไม่ควรมาโกรธกับเรื่องแบบนี้”

สัญญาร้ายของประธานปีศาจ

สัญญาร้ายของประธานปีศาจ

Status: Ongoing

บริษัทไป๋ซื่อเกิดเรื่องใหญ่ในด้านการเงิน พ่อของเธอถูกตำรวจพาไป แม่ของเธอก็ป่วย ร่างกายยิ่งอ่อนแอขึ้น เธอต้องการเงิน ต้องการหลักฐาน นอกจากเผยอี้แล้ว เธอนึกไม่ออกว่ายังมีใครที่จะสามารถช่วยเธอได้ แต่สุดท้าย เธอเพียงแค่ได้รับความเยาะเย้ยจากเขา ยังดีที่เผยลี่เชินออกมาช่วยเธอตอนที่เธอสิ้นหวัง ไป๋เสว่เอ๋อร์มอบตัวเองให้กับเขา แต่ความสัมพันธ์ของสองคนกลับยังไม่จบ พวกเขาจะมีเรื่องอะไรกันต่อนะ? คำแนะนำนวนิยาย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท