ตอนที่ 247 ตรวจสอบห้องรับรองส่วนตัวของเธอ
เสิ่นหรูเฟิงหยิบกระดาษทิชชู่ขึ้นมา และเช็ดน้ำตาที่อยู่บนใบหน้าของสวี่เยว่หรูอย่างอ่อนโยน
“ถ้าเกิดว่าคุณยินยอมล่ะก็ จากนี้เป็นต้นไป…”
ขณะที่เสิ่นหรูเฟิงเพิ่งเริ่มต้นพูด และยังไม่ทันพูดจบประโยคดีนัก สวี่เยว่หรูก็เบือนหน้าไป และใช้มือของเธอปาดน้ำตาที่อยู่บริเวณตาของเธอ “ฉันขอไปห้องน้ำก่อนนะคะ”
ขณะที่เธอพูดอยู่นั้น เธอก็ลุกขึ้นยืน และไม่กล้ามองหน้าของเสิ่นหรูเฟิงอย่างตรงๆ เธอรีบเดินออกไปจากห้องรับรองส่วนตัวอย่างรวดเร็ว
เธอพอจะเดาออกว่าเสิ่นหรูเฟิงต้องการที่จะพูดอะไร แต่ทว่าสำหรับเธอแล้วนั้น เธอไม่คู่ควรกับเขาเลยสักนิด
หลังจากล้างมือเสร็จเรียบร้อย สวี่เยว่หรูก็เดินออกมาจากห้องน้ำ ขณะที่เธอเดินออกมาได้ไม่ไกลนัก เธอก็ได้ยินเสียงอันแสนคมเข้มดังขึ้นมาจากด้านหลังของเธอ “สวี่เยว่หรูเหรอ”
เมื่อเธอได้ยินเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา สวี่เยว่หรูถึงกับนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง เธอหันกลับไปมองทางต้นเสียงด้วยความตกใจ
และมันก็เป็นไปอย่างที่เธอคิด เจ้าของเสียงคือคนที่มีใบหน้าที่เธอแสนคุ้นเคย เผยลี่เชินนั่นเอง
เธอพยายามยิ้มให้กับเขา แต่ทว่ากลับรู้สึกประหม่าขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก “สวัสดีค่ะ ท่านประธานเผย”
สายตาของเผยลี่เชินไปหยุดอยู่ที่หญิงสาวอยู่ครู่หนึ่ง “มากินข้าวที่นี่เหรอครับ”
สวี่เยว่หรูพยักหน้า เธอกุมมือทั้งสองข้างของเธอเข้าไว้ด้วยกันโดยไม่รู้ตัว “ใช่ค่ะ”
สีหน้าของเผยลี่เชินยังคงนิ่งเรียบไร้ความเคลื่อนไหว เขาถามเบาๆ ว่า “นั่งอยู่ที่ห้องไหนล่ะครับ”
เมื่อถูกชายหนุ่มถามถึงหมายเลขห้องรับรองของตัวเอง สวี่เยว่หรูก็อึ้งไปครู่หนึ่ง เธอคิดว่าเผยลี่เชินคงรู้สึกสงสัยอะไรบางอย่างแน่นอน เธอจึงอ้ำๆ อึ้งๆ ไม่สามารถตอบเขากลับไปได้
ปกติแล้ว เวลาทำงานอยู่ที่บริษัทธรรมดา เขาไม่เคยเห็นเธอเป็นแบบนี้มาก่อนเลย เผยลี่เชินนิ่งไปครู่หนึ่ง สักพักเขาก็เอ่ยปากถามขึ้นมาว่า “เป็นอะไรไปเหรอครับ”
สวี่เยว่หรูตอบอย่างปัดๆ กลับไปว่า “ท่านประธานเผยคะ ฉันจะไม่ทำให้งานต้องล่าช้าแน่นอนค่ะ… พอทานเสร็จแล้ว ฉันจะรีบกลับไปค่ะ…”
“ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น” เผยลี่เชินโยนกระดาษทิชชู่ที่อยู่ในมือลงไปในถังขยะที่ตั้งอยู่ข้างตัว “พอดีว่าทางบริษัทก็ออกมาทานข้าวเลี้ยงบรรดาหุ้นส่วนที่จะมาร่วมงานกันที่นี่เหมือนกัน คุณเขียนหมายเลขห้องรับรองที่คุณมาทาน แล้วก็ไปเบิกเงินในนามบัญชีของบริษัทก็ได้นะ แต่ถ้าเกิดคุณไม่ต้องการ ก็ไม่เป็นไรครับ”
เมื่อได้ยินดังนั้น สวี่เยว่หรูก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเบาๆ พร้อมกับยิ้มให้เผยลี่เชิน “ไม่เป็นไรค่ะ ไม่ต้องหรอกค่ะ”
“อืม” เผยลี่เชินพยักหน้า จากนั้นเขาก็เดินจากไป
เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มเดินห่างออกไปไกลแล้ว สวี่เยว่หรูจึงถอนหายใจอย่างโล่งอกออกมาเฮือกใหญ่ ถ้าเกิดว่าเผยลี่เชินเห็นว่าเธอกับเสิ่นหรูเฟิงมาทานข้าวด้วยกันแล้วล่ะก็ กลัวว่าสถานะของเธอจะต้องถูกเปิดเผยอย่างแน่นอน
เมื่อกลับมาถึงยังห้องรับรองส่วนตัว จิตใจของสวี่เยว่หรูก็เหม่อลอยไปไกล ภายในหัวของเธอนั้นมีแต่เรื่องของเผยลี่เชินผุดขึ้นมาอยู่ตลอดเวลา
เมื่อสังเกตเห็นว่าหญิงสาวดูเหม่อลอยสติไม่อยู่กับตัว เสิ่นหรูเฟิงก็เคาะโต๊ะเบาๆ พร้อมกับกะพริบตามองสวี่เยว่หรู และเอ่ยปากถามเธอว่า “คุณพอจะมีเวลาเหลือไหม ผมจะพาคุณไปเดินเล่นที่ห้องสรรพสินค้าแถวนี้หน่อย แบรนด์ที่คุณชอบเพิ่งเปิดตัวสินค้าใหม่เร็วๆ นี้ รุ่นใหม่ล่าสุดนี้สวยๆ ทั้งนั้นเลยนะ”
ทันใดนั้น ดวงตาของสวี่เยว่หรูก็เป็นประกายขึ้นในทันที แต่ไม่นานเธอก็รู้สึกลังเลขึ้นมาและนิ่งเงียบไม่ยอมพูดอะไร
“ไม่ต้องห่วง ผมจะไม่ขอให้คุณทำอะไรที่คุณไม่อยากทำหรอก นี่เป็นเพียงของขวัญเล็กๆ น้อยๆ ที่ผมมอบให้คุณเพื่อรักษาความสัมพันธ์ของเราสองคนที่มีโอกาสได้มาร่วมมือกัน”
หัวใจของสวี่เยว่หรูรู้สึกเต้นเล็กน้อย เธอคิดกลับไปกลับมา สุดท้ายแล้ว เธอก็พยักหน้าและตกปากรับคำเขาไป
ในขณะเดียวกัน ณ ห้องรับรองส่วนตัวอีกห้องหนึ่ง เมื่อเผยลี่เชินคิดถึงท่าทีของสวี่เยว่หรูที่ดูประหม่าเกินไป ก็ทำให้เขารู้สึกได้ว่าต้องมีบางอย่างผิดปกติแน่นอน
นอกจากนั้น ค่าอาหารโดยเฉลี่ยต่อคนของร้านอาหารญี่ปุ่นร้านนี้ก็ไม่น้อยทีเดียว จากการสังเกตชีวิตประจำวันตามปกติของเขาแล้ว สวี่เยว่หรูดูไม่เหมือนคนที่จะมาใช้จ่ายเงินของตัวเองในสถานที่แบบนี้เลย
เผยลี่เชินมองไปยังฉีเฟิงที่นั่งอยู่ข้างตัวเขา และส่งสัญญาณให้เขาเดินเข้ามาหา
“ท่านประธานครับ มีอะไรให้ผมรับใช้ครับ”
“เมื่อกี้ฉันไปเจอสวี่เยว่หรูเข้าที่ตรงทางเดินน่ะ นายไปที่แผนกต้อนรับข้างหน้าแล้วตรวจสอบมาทีสิว่าเธอนั่งอยู่ที่ห้องรับรองหมายเลขอะไร”
ฉีเฟิงตอบรับทันที เขาลุกขึ้นและเดินออกจากห้องรับรองไป “ได้ครับ”
ขณะที่สวี่เยว่หรูและเสิ่นหรูเฟิงเพิ่งก้าวเท้าออกมาจากร้านอาหารได้ไม่ทันไร ฉีเฟิงก็เดินออกมาถึงยังแผนกต้อนรับของร้านอาหารพอดิบพอดี “คุณช่วยผมหาห้องรับรองส่วนตัวที่…”
10 นาทีต่อมา ฉีเฟิงก็กลับมายังห้องรับรอง และกระซิบบอกเผยลี่เชินที่ข้างหูว่า “ท่านประธานครับ เมื่อกี้ผมไปตรวจสอบมาแล้วครับ เธออยู่ที่ห้องรับรองขนาดเล็กหมายเลข 12 แต่ว่าตอนที่ผมไปที่ห้องนั้น เธอก็ไม่อยู่ที่นั่นแล้วครับ พนักงานเสิร์ฟบอกว่าเธอมากับผู้ชายอีกคนหนึ่ง”
เมื่อได้ยินดังนั้น เผยลี่เชินก็พยักหน้า และนิ่งเงียบไม่พูดอะไรออกมา
บางทีสวี่เยว่หรูอาจจะได้แฟนที่มีเงินมากพอที่จะสามารถจ่ายค่าอาหารทั้งหมดให้เธอก็เป็นได้ เมื่อคิดได้แบบนี้ นั่นก็อธิบายท่าทีที่ดูประหม่าของเธอได้แล้ว
เมื่อเรื่องราวสามารถอธิบายได้เช่นนี้ เผยลี่เชินก็ทิ้งเรื่องนี้ไว้เบื้องหลัง และไม่คิดมากอีกต่อไป
กว่าหนึ่งชั่วโมงต่อมา สวี่เยว่หรูเดินถือถุงช้อปปิ้งจำนวนหลายใบเข้าไปยังโถงทางเดินของเผยซื่ออย่างอารมณ์ดี เมื่อตอนที่เธอกำลังเดินผ่านบริเวณพักผ่อนของโถงทางเดิน เธอก็ได้ยินเสียงของหลายคนบ่นดังขึ้นมา
“เห็นได้ชัดว่านัดกันเรียบร้อยแล้ว พอตอนนี้กลับมาบอกว่าเจอไม่ได้งั้นเหรอ มาบอกว่าประธานเผยไม่อยู่ได้ยังไง! บ้าชะมัด!”
“ต้องมานั่งรออยู่ตรงนี้ไม่รู้นานแค่ไหนแล้ว แต่ยังไงพวกเราก็เป็นคนที่ทางบริษัทส่งมาให้รับผิดชอบเรื่องนี้ แถมยังต้องมานั่งฟังเลขาเด็กน้อยนั่นพูดอะไรก็ไม่รู้เรื่อง!”
“……”
เสียงบ่นที่แสดงถึงความไม่พอใจจำนวนมากดังเข้าไปในหูของหญิงสาว เธอเงยหน้าขึ้น และมองไปที่บรรดาผู้คนที่กำลังนั่งอยู่บนโซฟา เมื่อเห็นว่าพวกเขาสวมสูทสีน้ำเงินเหมือนกันทั้งหมด เธอก็เข้าใจได้ในทันที
พวกเขาเป็นคนของบริษัทจู้หลันนี่เอง
บริษัทจู้หลันเป็นบริษัทก่อสร้างขนาดเล็ก ตอนที่เริ่มก่อตั้งบริษัทนั้น เป็นเพราะฝ่ายวิศวกรรมของบริษัทแห่งหนึ่งและหุ้นส่วนที่ร่วมลงทุนด้วยเกิดมีปัญหาขัดแย้งกัน ทำให้อสังหาริมทรัพย์ที่สร้างไปแล้วกว่าครึ่งหนึ่งถูกคนเหล่านั้นยึดไป บริษัทของพวกเขาจึงเข้ารับทำในส่วนการก่อสร้างทางวิศวกรรมที่เหลือต่อจนเสร็จเรียบร้อย พวกเขาถือว่าอาคารทั้งหมดนั้นเป็นผลงานที่มาจากน้ำพักน้ำแรงของบริษัทตัวเอง ในช่วงสองปีที่ผ่านมานี้ บริษัทก่อสร้างของพวกเขารับทำโครงการขนาดเล็กหลายแห่ง พนักงานของบริษัทก็ยิ่งหยิ่งยโสและมั่นใจในตัวเองมากเสียเหลือเกิน
ครั้งนี้ ทางเผยซื่อกำลังมองหาหุ้นส่วนที่จะเข้ามาร่วมงานกันในโครงการก่อสร้างทางวิศวกรรมของรัฐบาล ทำให้บริษัทหลายแห่งจำนวนมากในเขตไห่เฉิงต่างพยายามเข้ามาเจรจาทางธุรกิจกับเผยซื่อ และแสดงถึงความตั้งใจที่อยากจะเข้ามาร่วมงานกับบริษัทให้ได้
อย่างไรก็ตาม เผยซื่อเองก็มีข้อกำหนดและมาตรฐานของบริษัทของตนเองอยู่แล้ว ดังนั้น บริษัทจู้หลันไม่ได้อยู่ในขอบเขตที่เผยลี่เชินกำหนดไว้มาตั้งแต่แรกแล้ว ตอนที่มีคนโทรมาขอนัดหมายเวลาทางโทรศัพท์ในตอนแรก สวี่เยว่หรูเป็นคนตกปากรับคำให้อย่างลวกๆ และยังจัดการนัดหมายเวลาให้อีกด้วย…
วันนี้ไป๋เสว่เอ๋อร์เป็นคนรับหน้าที่ตรงนั้นในช่วงเที่ยง บางทีเธออาจจะหาเหตุผลบางอย่างเพื่อปฏิเสธไม่ให้ผู้รับผิดชอบจากฝั่งบริษัทจู้หลันได้พบเจอกับเผยลี่เชินแล้วก็ได้ พนักงานของบริษัทจู้หลันถึงได้โกรธขนาดนี้
เมื่อได้ยินพวกเขายังคงกล่าวโทษโวยวายไม่หยุดนั้น หัวใจของสวี่เยว่หรูก็รู้ตื่นเต้นขึ้นมา เธอยิ้มออกมาที่มุมปาก พร้อมกับเดินเข้าไปหาผู้ชายทั้งสองคนนั้น “พี่ชาย พวกคุณมาที่เผยซื่อเพื่อเจรจาเรื่องการร่วมมือทางธุรกิจหรือเปล่าคะ”
“ใช่ครับ แต่ว่าเลขาคนนั้นที่ทำงานอยู่หน้าห้องท่านประธานพยายามหาเหตุผลสารพัดมาอ้าง บอกว่าประธานเผยไม่อยู่บ้างแหละ ไม่รู้ว่าเรื่องไหนจริงเรื่องไหนมั่วแล้วครับ!”
“ฉันเองก็ไม่รู้ว่าท่านประธานเผยอยู่รึเปล่า แต่ว่าฉันรู้มาว่าในเมื่อมีการนัดหมายเวลากันเรียบร้อยแล้ว พวกคุณก็สามารถขึ้นไปรอที่ห้องของท่านประธานได้ค่ะ แต่ว่า…”
ทันใดนั้น สวี่เยว่หรูก็ลดเสียงลงในทันที เธอกะพริบตาให้พวกเขา พร้อมกับกระซิบบอกพวกเขาว่า “แต่ว่าถ้าเกิดมีการนัดหมายกันล่วงหน้าเรียบร้อยแล้ว แต่ทางเลขาก็ยังคงยืนยันปฏิเสธไม่ให้เข้าพบ นั่นอาจจะมีความหมายอื่นแฝงอยู่ก็ได้นะคะ พวกคุณขึ้นไปถามเลขาที่ชื่อไป๋เสว่เอ๋อร์จะดีกว่านะคะ”
เมื่อเธอพูดจบ สวี่เยว่หรูก็ยิ้มให้กับพวกเขาทั้งสองคน และเดินจากไป
เธอแน่ใจมากว่า เมื่อเธอพูดอย่างนี้แล้ว จะต้องทำให้พนักงานที่รับผิดชอบเรื่องนี้ของบริษัทจู้หลันต้องกล่าวโทษไป๋เสว่เอ๋อร์อย่างแน่นอน คนจากบริษัทจู้หลันนั้นขึ้นชื่อเรื่องรับมือยากมาทีเดียว กลัวว่าไป๋เสว่เอ๋อร์จะได้แต่ทำอะไรไม่ถูกอยู่ที่หน้าห้องประธาน จนสุดท้ายก็ต้องไปรบกวนคนเบื้องบนให้ลงมาจัดการในที่สุด
ภายใน 15 นาทีต่อมา บริเวณด้านหน้าสำนักงานประธานบริษัทก็มีเสียงอึกทึกดังขึ้น ไป๋เสว่เอ๋อร์นั่งอยู่ด้านในสำนักงานและกำลังจัดเอกสารต่างๆ อยู่ เมื่อได้ยินเสียงอึกทึกคึกโครมดังขึ้นมาจากด้านนอก เธอก็อดไม่ได้ที่จะขวมดคิ้วแน่น
เธอลุกขึ้นยืน และก้าวออกไปที่ด้านนอกสำนักงาน ทันใดนั้น เธอก็เห็นเสี่ยวจางและเสี่ยวหลิวที่อยู่ไม่ไกล กำลังยกมือขึ้นมาเพื่อกันผู้ชายสองคนอยู่ “พวกคุณเข้าไปไม่ได้นะคะ!”
“พวกเรามีนัดกับประธานเผยของพวกคุณตอน 14.30 น. ทำไมพวกเราจะเข้าไปไม่ได้!”
“ใช่! แล้วเลขาไป๋ของพวกคุณไปอยู่ไหนล่ะ! เรียกเธอออกมา! พวกเราอยากพบเธอ!”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ขมวดคิ้วแน่นขึ้น ทันใดนั้น เธอก็เดินออกไปยังด้านหน้า และจ้องมองไปที่ผู้ชายทั้งสองคน พร้อมกับเอ่ยปากพูดว่า “ดิฉันคือเลขาไป๋ค่ะ ไม่ทราบว่าพวกคุณมีธุระอะไรหรือเปล่าคะ”