ตอนที่ 266 ไม่เชื่อใจฉันตั้งแต่แรก
ไป๋เสว่เอ๋อร์มือสั่นกำลังจะรับโทรศัพท์ ใครจะไปรู้ว่าจู่ๆ คุณแม่ไป๋เกิดหันหลังกลับมาดึงแขนเธอแล้วลากเธอไปใกล้ๆ ลู่เหยา “เอกแต่เล่นโทรศัพท์อยู่ได้ลูกคนนี้ จะกลับบ้านอยู่แล้ว มัวแต่คุยกับใครก็ไม่รู้”
ไป่เสว่เอ๋อร์จึงได้แต่กำโทรศัพท์ไว้ในมือ เงยหน้ามองลู่เหยาพร้อมกับรอยยิ้ม
เธอยังไม่ทันได้อ้าปากพูดอะไร คุณแม่ไป๋ก็ชิงพูดตัดหน้าไปก่อน “เสว่เอ๋อร์ แม่กับน้าหรงน้าเจินจะไปด้วยกัน เสี่ยวลู่เขาอาสาจะไปส่งลูกที่บ้านเพื่อน ขับรถดีๆ นะ”
ขณะพูดตัวก็เดินไปที่น้าหรง รอยยิ้มในดวงตาปรากฏอย่างชัดเจน
เห็นได้ชัดเจนว่าเป็นการเปิดโอกาสให้เธอได้อยู่กับลู่เหยาตามลำพัง
รอจนคุณแม่ไป๋เดินไปไกล ไป๋เสว่เอ๋อร์จึงเป่าปากเบาๆ อย่างโล่งอก มองไปที่ลู่เหยาเพื่ออธิบาย “รุ่นพี่ลู่ อย่าเข้าใจผิดนะคะ แม่ฉันเป็นเป็นแบบนี้เอง พอเห็นผู้ชายที่มีคุณสมบัติเพียบพร้อมอย่างพี่ ก็คิดจะหาวิธีจับคู่ให้ฉัน เรื่องในวันนี้อย่าเก็บมาใส่ใจเลยนะคะ เอาไว้วันหลังเราค่อยนัดกินข้าวเป็นการส่วนตัวใหม่นะคะ”
“ไม่เป็นไร ฉันคิดว่าพวกคุณน้าก็น่าสนใจดี” ลู่เหยายิ้มไม่มีน้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความไม่พอใจเลยสักนิด
เขานิ่งไปสักพัก ทันใดนั้นก็นึกอะไรออกได้จึงถามต่อ “อ้อ…คุณน้าเขารู้ไหมว่าเธอมีแฟนแล้ว?”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ตะลึง ตอบเบาๆ “รู้……”
สายตาของลู่เหยาเปลี่ยนไป กำลังจะถามต่อ โทรศัพท์มือถือของไป่เสว่เอ๋อร์ดังขึ้นเสียก่อน
ไป๋เสว่เอ๋อร์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูปรากฏว่าเป็นเผยลี่เชินโทรมา เธอจึงหันไปทางลู่เหยาพร้อมรอยยิ้ม “ฉันรับโทรศัพท์ก่อนนะคะ”
จากนั้นเธอก็แนบโทรศัพท์ไว้ที่หู “ฮัลโหล?”
ทันทีหลังจากนั้นเธอก็หันหลังกลับ มองเห็นเงารูปร่างสูงโปร่งอยู่บนถนนไม่ไกลนัก เสียงที่ออกมาจากปากหยุดลงทันที
เผยลี่เชินยืนอยู่ที่นั่นด้วยสีหน้าเรียบๆ สายตาทั้งสองคู่มองเหมือนทำให้เวลาหยุดนิ่งไปชั่วขณะ
“เสว่เอ่อร์…….”
เสียงของลู่เหยาที่อยู่ด้านหลัง ทำให้ไป๋เสว่เอ๋อร์เหมือนตื่นจากฝัน รีบวางโทรศัพท์ไม่สนใจคนข้างหลัง รีบเดินไปหาเผยลี่เชิน
“คุณ….ทำไมถึงกลับมาวันนี้ล่ะ?”
เผยลี่เชินใบหน้าซีดมากๆ ดูเหมือนจะไม่มีอะไรแสดงออกในสายตาของเขา แต่ร่างกายของเขากลับเย็นชา
“คิดถึงเธอ ก็เลยกลับมา”
เผยลี่เชินไม่พูดอะไรมาก หนหลังกลับเปิดประตูขึ้นรถ
ไป่เสว่เอ๋อร์ใจเต้น รู้สึกว่าเขาจะอารมณ์ไม่ค่อยดี รีบหันกลับไปพูดกับลู่เหยา “รุ่นพี่ลู่ ฉันไปก่อนนะคะ”
พูดจบเธอก็รีบขึ้นรถไป
เสียงปิดประตูรถดัง “ปัง” จากนั้นรถก็เคลื่อนตัวกลับไปยังคฤหาสน์
ภายในรถเงียบลงสองสามนาที ไป๋เสว่เอ๋อร์สงบนิ่ง ในความมืดอึมครึม เธอลองทดสอบโดยการยื่นมือไปสัมผัสมือของเผยลี่เชิน เธอพูดเบา “คุณมาจากสนามบินเลยรึเปล่า? กินข้าวมาหรือยัง?”
ไม่มีใครตอบ
ไป๋เสว่เอ๋รอ์รู้สึกตะขิดตะขวงใจบอกไม่ถูก เธอลังเลว่าจะพูดต่อดีไหม ทันใดนั้นเธอก็ถูกกุมมือไว้
ในความมืด ไป๋เสว่เอ๋อร์มองเห็นแสงสว่างในดวงตาของชายหนุ่ม
หลังจากเงียบไป เผยลี่เชินจึงอ้าปากพูด “งานของทีมวางแผน ฉันกะว่าจะให้ฉีเฟิงทำต่อ”
น้ำเสียงของเขาปราศจากอารมณ์ใดๆ พูดแบบง่ายๆ เหมือนเย็นจะกินอะไร ไป๋เสว่เอ๋อร์ตะลึงไปสักครู่ ขมวดคิ้วแล้วถามกลับ “ทำไมคะ?”
ช่วงนี้งานของทีมวางแผนเธอเป็นผู้รับผิดชอบ ตอนนี้เผยลี่เชินจู่ๆ ก็ให้ฉีเฟิงดูแลต่อ แล้วต่อจากนี้จะทำอะไร?
เผยลี่เชินขมวดคิ้วเข้ม ไม่พูดอะไรต่อ ไป๋เสว่เอ๋อร์เริ่มเข้าใจ เธอหายใจและถามต่อ “เพราะเรื่องเมื่อกี้ใช่ไหม? เพราะฉันอยู่กับลู่เหยา ดังนั้นคุณก็เลยคิดว่าพวกเราสองคนมีอะไรกันใช่ไหม?”
เผยลี่เชินเงียบไปจากนั้นพูดเบา “ฉันแค่ไม่อยากเธอทำงานหนักเกินไป”
ในหัวใจของไป๋เสว่เอ๋อร์ด้านชา รู้สึกน่าขัน เธออยู่ข้างกายเผยลี่เชินมาหลายปี เขากลับไม่เชื่อใจเธอเลย
ไป๋เสว่เอ๋อร์ดึงมือออกจากมือของเขา เสียงสูงขึ้นโดยไม่รู้ตัว “ลู่เหยาเป็นรุ่นพี่ของฉัน ฉันกับเขาไม่มีความสัมพันธ์ใดๆ ทั้งสิ้น จู่ๆ คุณก็เอางานของฉันไปให้คนอื่นทำ คงไม่ใช่เพราะไม่เชื่อใจฉันใช่ไหม?”
“ไป๋เสว่เอ๋อร์ ไม่ใช่ฉันไม่เชื่อใจเธอ” เผยลี่เชินขมวดคิ้ว “ฉันเพียงแต่ไม่ชอบให้เธอไปอยู่กับผู้ชายอื่นด้วยกัน”
อีกทั้งยังเป็นผู้ชายที่สนใจเธอ
แม้ว่าลู่เหยาไม่พูด เขาก็ดูออกว่าลู่เหยามีใจให้ไป๋เสว่เอ๋อร์ ยิ่งไปกว่านั้นยังได้แรงสนับสนุนจากคุณแม่ไป๋ พวกเขาจะนำแฟนผู้ชายคนนี้ไปไว้ที่ไหน?
ไป๋เสว่เอ๋อร์หัวเราะเยาะเบาๆ เมื่อได้ยิน ต่อให้พูดแค่ไหนเขาก็ไม่เชื่อเธออยู่ดี
“งานทีมวางแผนเป็นความรับผิดชอบของฉันตั้งแต่แรก ฉันไม่เห็นด้วยที่จะให้คนอื่นดูแล” ท่าทางไป๋เสว่เอ๋อร์แน่วแน่ หันมาที่เจิงหงซึ่งกำลังขับรถอยู่ พูดเสียงเย็นชา “เจิงหง จอดรถฉันจะลง”
ได้ยินที่เธอพูดเผยลี่เชินถึงกลับขมวดคิ้ว “เธอจะทำอะไร?”
ไป๋เสว่เอ๋อร์พูดเสียงดัง “คุณไม่เชื่อใจฉันตั้งแต่แรก ใช่ไหม?”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ได้แต่สะอื้นกลั้นน้ำตาไว้ไม่ให้ไหล ถามกลับด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก “ตั้งแต่เรื่องการประมูลครั้งก่อน จึงถึงความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับลู่เหยาในตอนนี้ คุณไม่เคยเชื่อใจฉันเลย”
บังเอิญรถหยุดข้างถนน ไป๋เสว่เอ๋อร์ลงจากรถโดยไม่ลังเล ก้าวเดินไปข้างหน้า
หัวใจของเผยลี่เชินทรุดลง และตามเธอลงจากรถมองดูเงาของฝ่ายหญิงที่ดูแน่วแน่ แล้วขมวดคิ้ว “ไป๋เสว่เอ๋อร์ เธอทะเลาะกับฉันเพราะลู่เหยาใช่ไหม?”
ได้ยินเขาพูดแบบนี้ไป๋เสว่เอ๋อร์ยิ่งโกรธมากขึ้น เธอรีบเดินไปโดยไม่หันกลับมามองสักนิด
ในใจเธอไม่มีที่ว่างสำหรับชายคนอื่น แต่เขากลับไม่ไว้วางใจในตัวเธอเลย
ไป๋เสว่เอ๋อร์ยิ่งคิดก็ยิ่งน้อยใจ จู่ๆ เธอก็ตาบวมแดง หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู ก็เห็นว่าเป็นสายของเจียงหวั่นหวั่นที่ไม่ได้รับ และยังมีข้อความที่ถูกส่งมาตอนที่เธออยู่บนรถ แล้วไม่ได้เปิดอ่าน
ไป๋เสว่เอ๋อร์รีบโทรศัพท์กลับไปหาเจียงหวั่นหวั่นแต่ไม่มีใครรับสาย
หรือว่าเธอจะกลับบ้านไปแล้ว?
มองดูเวลาก็เห็นว่าเลยเวลานัดมาสิบกว่านาที ในใจไป๋เสว่เอ๋อร์เต็มไปด้วยความลำบากใจ โทรศัพท์กลับไปหลายเที่ยวแต่ก็ไม่มีใครรับ
โทรไปประมาณห้าหกนาที เจียงหวั่นหวั่นก็ยังไม่รับสาย ไป๋เสว่เอ๋อร์รู้สึกกังวลใจ เธอเดินไปตามถนน ทั้งโทรศัพท์ทั้งเรียกรถแท็กซี่
ทันใดนั้นโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น ไป๋เสว่เอ๋อร์รีบรับโทรศัพทื “หวั่นหวั่น เธออยู่ที่ไหน?”
แต่เสียงในโทรศัพท์กลับเป็นเสียงผู้ชาย “ไป๋เสว่เอ๋อร์ ให้เวลาเธอยี่สิบนาที ให้มาอีกฝั่งของสวนเอเดน ไม่เช่นนั้นเธอต้องรับผิดชอบต่อผลที่จะตามมา