ตอนที่ 274 คุณชอบผม
มองเห็นริมฝีปากของชายหนุ่มกำลังจะประทับลงมา ไป๋เสว่เอ๋อร์ลมหายใจติดขัด อยู่ๆก็รู้สึกอุ่นที่มุมปากขึ้นมาอย่างกะทันหัน
นัยน์ตาของเผยลี่เชินแฝงไปด้วยรอยยิ้มที่ดูหยอกล้อเล็กน้อย หยิบกระดาษทิชชู่เช็ดไปบนมุมปากของเธออย่างระมัดระวัง “ทานเลอะเทอะไปหมด ไป๋เสว่เอ๋อร์ คุณยังมีภาพลักษณ์อยู่ไหม?”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ที่ตกตะลึงไปชั่วขณะ ถึงได้อยู่ๆมีการตอบสนองกลับมา ที่แท้เขาจะเช็ดมุมปากให้กับเธอ เธอยังนึกว่า…
ข้างแก้มร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างประหลาด เธอยื่นมือออกไปผลักเขาออกอย่างทั้งโกรธทั้งขำ “ไม่ต้องให้คุณมาเช็ด ฉันเช็ดเองได้!”
เธอเพิ่งจะยกมือขึ้น ข้อมือก็ถูกคนบีบเอาไว้ด้วยมือข้างเดียว จากนั้น เผยลี่เชินก็ทำการเคลื่อนไหวเมื่อสักครู่นี้ต่อไป เช็ดปากของเธอจนสะอาดอย่างระมัดระวังและตั้งใจ
สุดท้าย มือของเขาที่กำลังจะเก็บกลับไป อยู่ๆก็ชะงักลงอย่างกะทันหัน ถือโอกาสเชยคางของเธอขึ้น จูบเบาๆลงไปบนริมฝีปากของเธออย่างรวดเร็ว ยังไม่ลืมที่จะเอ่ยปากขึ้นเบาๆว่า “ไม่ว่าคุณจะเป็นยังไง ผมก็ชอบหมด”
คำพูดที่ตรงไปตรงมาทำให้แก้มทั้งสองข้างของไป๋เสว่เอ๋อร์แดงมากยิ่งขึ้น เธอรีบผลักเขาออก เดินไปยังริมหน้าต่างที่อยู่ด้านข้าง นิ่งเงียบไม่พูดไม่จา
เผยลี่เชินยิ้มพลางเดินตามเข้าไป เอ่ยปากถามขึ้นอย่างลองหยั่งเชิงว่า “เป็นอะไรไป? รู้สึกขาดทุนใช่หรือเปล่า?”
เห็นไป๋เสว่เอ๋อร์ไม่ตอบ เขาจึงจงใจขยับเข้าไปใกล้เล็กน้อย “ไม่งั้นคุณมาจูบผมอีกครั้ง?”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ถูกคำพูดของเขาหยอกจนหัวเราะออกมา อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากด่าขึ้นว่า “คนบ้ากาม!”
พวกเขาทั้งพูดคุยทั้งหัวเราะ ไม่ได้สังเกตเห็นเลยว่าที่หน้าประตูของห้องประชุมมีคนๆหนึ่งยืนอยู่
ตั้งแต่เริ่มแรก ลู่เหยาก็ยืนอยู่ที่หน้าประตูแล้ว มองเห็นเวลาที่ไป๋เสว่เอ๋อร์กับเผยลี่เชินอยู่ด้วยกันมีความสุขขนาดนั้น เขาก็รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาอย่างประหลาด
ฟังเสียงหัวเราะเป็นระลอกที่ดังสะท้อนออกมาจากข้างในห้องประชุม เขาสูดหายใจเข้าเต็มปอด แต่กลับกำหมัดแน่นอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว เขาคิดว่าเขากับไป๋เสว่เอ๋อร์มีโอกาสที่จะได้คบกันมาโดยตลอด แต่คิดไม่ถึงว่า ตอนนี้ข้างกายของเธอได้มีเผยลี่เชินแล้ว แต่เขากลับปล่อยวางไม่ลง
ฝืนทนต่อความขื่นขมข้างในหัวใจ ลู่เหยาหมุนตัวก้าวขาจากไปในทันที
ลู่เหยาเพิ่งจะก้าวขาเดิน สวี่เยว่หรูก็เดินออกมาจากห้องน้ำชาที่อยู่ด้านข้างตามมาติดๆ เธอมองดูเงาร่างที่ค่อยๆไกลออกไปของลู่เหยา แล้วหันกลับไปมองดูคนสองคนที่อยู่ในห้องประชุมอีกครั้ง ก็แจ่มแจ้งขึ้นมาในทันที
เดิมทีเธอวางแผนจะมาดูที่ห้องประชุมสักหน่อย ว่าจะสามารถรับข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับหนังสือแผนการสักนิดได้หรือเปล่า คิดไม่ถึงว่าจะถูกเธอเจอเข้ากับฉากแบบนี้ อาศัยเพียงแค่สัญชาตญาณของผู้หญิง เธอก็รู้สึกได้ว่าลู่เหยานั้นชอบไป๋เสว่เอ๋อร์
สวี่เยว่หรูรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่ง เธอรีบกลับไปยังห้องทำงาน หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดโทรไปหาเสิ่นหรูเฟิงในทันที
เธอเอ่ยปากขึ้นอย่างรู้สึกค่อนข้างที่จะตื่นเต้น “ฮัลโหล? ฉันทางนี้มีการค้นพบใหม่!”
“อ้อ?” เสิ่นหรูเฟิงหัวเราะออกมาเล็กน้อย “คุณพูดมาลองฟังดูหน่อยสิ?”
“วันนี้ฉันค้นพบว่า ลู่เหยาประธานแห่งอสังหาริมทรัพย์หลินวู่ที่ร่วมธุรกิจกับเผยซื่อดูเหมือนจะชอบไป๋เสว่เอ๋อร์”
“งั้นหรอ? ข่าวน่าเชื่อถือได้ไหม?”
สวี่เยว่หรูเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ยืนยันว่า “ความรู้สึกของฉันแม่นยำมากมาโดยตลอด อีกอย่างฉันก็ได้ยินมานานแล้วว่า ลู่เหยาคนนี้กับไป๋เสว่เอ๋อร์มีความสัมพันธ์กันแบบรุ่นพี่รุ่นน้องในมหาลัย อีกทั้งเมื่อครู่นี้ฉันเห็นในตอนที่ลู่เหยาเห็นไป๋เสว่เอ๋อร์กับเผยลี่เชินอยู่ด้วยกันนั้น สีหน้าดูไม่ดีเป็นอย่างมาก การคาดเดาของฉันคงจะประมาณแปดเก้าไม่พ้นสิบไปได้”
เสิ่นหรูเฟิงได้ยินดังนั้น ก็หัวเราะส่งเสียงออกมาเบาๆ “หากเป็นเหมือนที่คุณพูดจริง งั้นก็เป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่งจริงๆ ในเมื่อพวกเขาชอบผู้หญิงคนเดียวกัน ขอเพียงแค่มีคนที่ใจมุ่งมั่นอยู่ในนั้นคอยยุแหย่ให้แตกกัน งั้นความสัมพันธ์การร่วมมือทางธุรกิจระหว่างพวกเขาก็จะต้องอ่อนแอจนไม่อาจจะต้านทานได้อย่างแน่นอน
ได้ยินเสิ่นหรูเฟิงพูดเช่นนี้ สวี่เยว่หรูก็ดีใจตามไปด้วย
สายโทรศัพท์ฝั่งนั้นดังสะท้อนเสียงของชายหนุ่มขึ้นมาอีกครั้ง “เด็กดี คู่ควรที่จะมอบรางวัลให้ วันนี้ตอนเย็นเลิกงาน ผมไปรับคุณ”
สวี่เยว่หรูดีใจขึ้นมาในทันที มุมปากยกสูงขึ้นอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว ตอบรับอย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อยว่า “ค่ะ”
ชั่วพริบตาก็มาถึงเวลาเลิกงาน สวี่เยว่หรูเก็บข้าวของ เร่งรีบออกจากห้องทำงาน ตรงไปยังถนนทางแยกที่ถูกปิดซ่อนเอาไว้ตรงข้ามบริษัท ขึ้นรถของเสิ่นหรูเฟิงไปในทันที
“วันนี้อยากทานอะไร? ตามใจคุณทุกอย่าง” เสิ่นหรูเฟิงมองไปยังหญิงสาวที่อยู่ด้านข้างด้วยสายตาที่แฝงไปด้วยรอยยิ้ม
“สเต็ก เป็นยังไงคะ?”
“ป่ะ” เสิ่นหรูเฟิงออกรถในทันที ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่สดชื่นราวกับลมในฤดูใบไม้ผลิ
เพิ่งมาถึงหน้าประตูใหญ่ของร้านอาหารยุโรป เสิ่นหรูเฟิงยังไม่ทันจะได้เอารถเข้าที่จอด ก็เห็นเผยอี้กำลังลงมาจากรถคันหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลนัก จากนั้นก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินตามลงมาติดๆ
สวี่เยว่หรูมองไปทางนั้นตามสายตาของเสิ่นหรูเฟิง แล้วก็มองออกเช่นเดียวกันว่าคือเผยอี้ เธอตกใจเล็กน้อย รีบเอ่ยปากถามขึ้นมาในทันทีว่า “ทำไมเผยอี้ถึงออกมาทานข้าวกับผู้หญิงคนอื่น?”
เสิ่นหรูเฟิงหัวเราะส่งเสียงออกมาอย่างเยือกเย็น “ช่วงนี้ได้ยินข่าวจากวงในมานิดหน่อย บอกว่าความสัมพันธ์ของเผยอี้กับจินจิงจิงไม่ค่อยจะดีนัก มิน่าล่ะช่วงนี้เขามักจะไปนั่งผับอยู่บ่อยๆ แม้กระทั่งบ้านก็ไม่กลับแล้ว ที่แท้มีคนอยู่ข้างนอกนี่เอง”
ในขณะที่พูด เขาก็กลับรถ ออกจากร้านอาหารไป สวี่เยว่หรูเอ่ยปากถามขึ้นอย่างแปลกใจเล็กน้อยว่า “พวกเราจะไปไหนกันคะ?”
“เปลี่ยนอีกร้านหนึ่ง หลีกเลี่ยงการพบกันเข้า ยังไงซะเผยอี้ก็เป็นคนของบ้านตระกูลเผย ให้เขาเห็นพวกเราก็ไม่ได้มีผลดีอะไรกับพวกเรา”
สวี่เยว่หรูพยักหน้าเล็กน้อย ไม่ได้พูดอะไรออกมา
ทานอาหารมื้อนึงเสร็จ เวลาก็ดึกมากแล้ว สวี่เยว่หรูเดิมทีนึกว่าเสิ่นหรูเฟิงจะส่งเธอกลับบ้าน แต่ใครจะรู้ว่ารถกลับขับไปในทิศทางตรงกันข้าม
สวี่เยว่หรูเอ่ยถามอย่างค่อนข้างที่จะตื่นตระหนกว่า “พวกเรา…นี่กำลังจะไปไหนกันคะ?”
เสิ่นหรูเฟิงยักคิ้วขึ้นเล็กน้อย “ไปคอนโดของผม”
พอสวี่เยว่หรูได้ฟัง แก้มทั้งสองข้างก็แดงขึ้นมาในทันที รีบเอ่ยปากขึ้นว่า “ฉันจะกลับบ้าน”
“พูดจริง?” เสิ่นหรูเฟิงยกมุมริมฝีปากให้สูงขึ้น ค่อยๆเหยียบเบรกลงช้าๆ นำรถจอดสนิทลงที่ข้างทาง
เขาหันหน้ากลับมา มองสวี่เยว่หรูที่โน้มสายตาลงต่ำ อยู่ๆก็ขยับเข้าไปใกล้เธออย่างกะทันหัน “ไม่ยอมที่จะกลับไปกับผม?”
เผชิญหน้ากับการเข้าใกล้อย่างกะทันหันของชายหนุ่ม สวี่เยว่หรูแทบจะสามารถรู้สึกได้ถึงไอความร้อนที่แผ่ขยายออกมาจากร่างกายของเขา หัวใจของเธอเต้นเร็วขึ้น พูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ
ทันใดนั้น จูบเบาๆก็ประทับลงมาที่ข้างแก้มของเธอ สวี่เยว่หรูตัวสั่นเบาๆ เงยหน้าขึ้นไปมองเสิ่นหรูเฟิงอย่างตกตะลึงและตื่นตระหนกในเวลาเดียวกัน ร่างกายกลับเหมือนถูกกำหนดเอาไว้ก็ไม่ปาน ขยับเขยื้อนไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว
มุมปากของเสิ่นหรูเฟิงแฝงไปด้วยรอยยิ้ม เอ่ยปากขึ้นเบาๆด้วยน้ำเสียงที่แน่ใจว่า “ผมรู้ ว่าคุณชอบผม”
ประโยคนี้ ราวกับระเบิดลูกหนึ่ง ระเบิดออกที่ข้างใบหูของสวี่เยว่หรูในทันที ชั่วขณะ สติสัมปชัญญะและความใจเย็นทั้งหมดต่างก็ได้หายไปหมดแล้ว เธอเงยหน้าขึ้นมา รับเข้ากับสายตาของเสิ่นหรูเฟิง
เสิ่นหรูเฟิงสบสายตากับเธอด้วยรอยยิ้มอ่อนๆ เงยหน้าขึ้น ประทับจูบลงไปอย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย
ชั่วพริบตา อุณหภูมิภายในรถ ก็เพิ่มสูงขึ้นอย่างกะทันหัน สวี่เยว่หรูรู้สึกได้ถึงความสุขของการถูกรักเป็นครั้งแรก
ก่อนหน้านี้ เธอนำหัวใจที่ร้อนแรงของตนเอง ไปวางไว้กับเผยลี่เชินทั้งหมด ทว่ากลับไม่เคยได้รับการตอบรับกลับมาก่อนเลยสักครั้งตอนนี้
มีผู้ชายคนหนึ่งเข้าใจเธอ รักเธอ เป็นห่วงเธอ ทะนุถนอมเธอ เธอก็ต้องยินยอมอุทิศทุกสิ่งทุกอย่างของตัวเองให้กับเขาเป็นธรรมดาอยู่แล้ว…
บริษัทเผยซื่อ
ทำงานล่วงเวลาไปหลายชั่วโมง ในที่สุดไป๋เสว่เอ๋อร์ก็ทำงานที่อยู่ในมือของตนเองเสร็จ เธอเพิ่งจะเก็บข้าวของเรียบร้อย เผยลี่เชินก็ปรากฏตัวขึ้นที่หน้าประตูแล้ว
เผยลี่เชินเอ่ยถามพร้อมรอยยิ้มว่า “ไปกันเถอะ?”
ไป๋เสว่เอ๋อร์พยักหน้าเล็กน้อย เดินขึ้นไปข้างหน้าด้วยอารมณ์ที่ดีไม่น้อย คล้องแขนของเผยลี่เชินเอาไว้ด้วยการเคลื่อนไหวที่เป็นธรรมชาติ “ค่ะ กลับบ้านกัน”
ทั้งสองคนทั้งพูดคุยทั้งหัวเราะ ลงลิฟต์มาด้วยกัน เผยลี่เชินเอ่ยปากขึ้นมาว่า “ผมได้ให้ป้าจางเตรียมอาหารมื้อค่ำเอาไว้แล้ว หากหิวพวกเรากลับไปทานกัน”
“จะต้องอ้วนขึ้นอีกแล้วแน่ๆ” ในขณะที่ไป๋เสว่เอ๋อร์พูด ก็เงยหน้าขึ้นอย่างไม่ทันระวัง ในตอนที่เห็นเงาร่างที่คุ้นเคยยืนอยู่บริเวณไม่ไกลนัก ก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงไปชั่วขณะ
คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเหอหย่าหาน เธอยืนอยู่หน้าประตูห้องโถงใหญ่ กำลังมองมาทางพวกเขาด้วยสายตาที่เยือกเย็นพอดี
ถูกเธอจ้องจนเย็นวูบที่ด้านหลัง ไป๋เสว่เอ๋อร์จะดึงมือออกจากมือของเผยลี่เชินโดยจิตใต้สำนึก แต่ใครจะรู้ว่า เผยลี่เชินนำมือของเธอจับเอาไว้อย่างแน่นหนา ไม่มีความคิดที่จะคลายมือออกเลยแม้แต่น้อ