ตอนที่ 335 รับโทษทัณฑ์
หลังจากไป๋เสว่เอ๋อร์พูดจบ ในห้องประชุมเงียบอยู่นาน บรรยากาศเปลี่ยนเป็นแปลกเล็กน้อย คนที่เหลือมองถานปินด้วยสีหน้าแปลกๆ
เพราะหัวข้อสนทนาธรรมดาไปจนถึงหัวข้อที่ละเอียดอ่อน ทำให้สีหน้าของถานปินเปลี่ยนไป ดูเหมือนจะหายใจไม่สะดวก “เธอ….เธอพูดเรื่องไร้สาระอะไร?”
“ทำไมฉันต้องพูดเรื่องไร้สาระด้วย?” ไป๋เสว่เอ๋อร์เดินไปข้างหน้า น้ำเสียงไม่ได้ลดต่ำลงเลย แต่กลับสูงขึ้น “อาศัยจังหวะที่ประธานเผยไม่อยู่ มาตัดสินใจให้เลขาของเขาลาออก ถ้าไม่ใช่ยึดอำนาจแล้วมันคืออะไร?”
“ไร้สาระ!” ถานปินหน้าแดง ดุด่าด้วยความขุ่นเคือง “เธอทำผิดแล้วยังไม่ยอมรับผิด เถียงข้างๆ คูๆ มีใครในบริษัทบ้างที่ไม่รู้ ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะความสัมพันธ์ของเธอกับประธานเผย บริษัทไหนจะกล้าใช้เธอ? ที่บ้านเกิดเรื่อง ไม่มาทำงานตั้งครึ่งเดือน พอกลับมาทำงานก็เหมือนเพิ่งมาเรียนรู้งาน ทำงานพลาดแล้วยังไม่ยอมรับ เธอคิดว่าคนอื่นไม่รู้หรือไง?”
คำพูดนี้ทำให้ไป๋เสว่เอ๋อร์พูดไม่ออก
เธอไม่รู้ว่าถานปินรู้ได้ยังไง แต่สิ่งที่เขาพูดมันคือความจริง
เห็นได้ชัดว่าถานปินโกรธมาก โกรธจนไม่ได้คิดว่าอะไรควรพูดอะไรไม่ควรพูด พูดออกมาด้วยความโกรธต่อ “มีคำพูดหนึ่งซึ่งพูดไว้ไม่ผิด เจ้าวัดไม่ดี หลวงชีสกปรก พ่อแม่เป็นอย่างไร ลูกก็เป็นอย่างนั้น!”
เมื่อได้ยินประโยคนี้หัวใจของไป๋เสว่เอ๋อร์เหมือนหยุดนิ่ง มีความโกรธซึ่งอธิบายไม่ได้เกิดขึ้นในใจเธอ
เธอทนได้ถ้ามีคนอื่นมาต่อว่าเธอ แต่เธอทนไม่ได้ถ้าคนอื่นมาว่าพ่อของเธอ!
เดิมทีนี่คือความเจ็บปวดที่อ่อนแอที่สุดของเธอ วันนี้เขามาพูดแบบนี้ รอยแผลเป็นทั้งหมดถูกเปิดเผยสู่ภายนอก
เธอก้าวไปข้างหน้า กำหมัดแน่นมองถานปินพร้อมพูดว่า “คุณถาน คุณสามารถอธิบายได้ไหมว่าอะไรคือเจ้าวัดไม่ดี หลวงชีสกปรก?”
ถานปินขมวดคิ้วเข้ม มองดูหญิงสาวตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตาเย็นชา ลังเลอยู่สักพัก
โดยไม่รอให้เขาพูด ไป๋เสว่เอ๋อร์คว้ากาแฟบนโต๊ะ สาดกาแฟที่ยังร้อนใส่หน้าถานปิน “ผะ” เสียงแก้วกระทบพื้น!
มือของเธอว่องไวมากหลังจากสาดเสร็จแล้ว คนอื่นในห้องประชุมมองด้วยความงงงวย
“ฉันขอบอกไว้ก่อนว่าฉันไม่ใช่คนประเภทเจ้าวัดไม่ดี หลวงชีสกปรก แต่เป็นประเภทคนรุ่นหลังดีกว่าคนรุ่นก่อน!”
“เธอ….” เห็นได้ชัดว่าถานปินไม่ได้คาดคิดว่าไป๋เสว่เอ๋อร์จะสาดกาแฟใส่เขา เขาจึงใช้มือชี้ไปที่หน้าของไป๋เสว่เอ๋อร์ด้วยมืออันสั่นเทา
ไป๋เสว่เอ๋อร์กวาดตามองเขาด้วยสายตาเย็นชา ไม่นานก็ก้าวเท้าออกจากห้อง ขณะกำลังเดินไปถึงประตู ยังไม่ทันได้ผลักประตู ก็มีคนดึงประตูจากภายนอก
เผยลี่เชินยืนอยู่ที่ประตูห้องประชุม ด้วยสีหน้าเย็นชา ด้วยความกังวลเล็กน้อย ระหว่างคิ้วของเขา มองไป๋เสว่เอ๋อร์อยู่สักพัก อารมณ์ในดวงตาของเขาดูผันผวนมาก
สายตาของไป๋เสว่เอ๋อร์มองร่างของเขา เธอก้าวไปเดินผ่านตัวเขาแต่มือกลับถูกดึงรั้งไว้
เผยลี่เชินก้มหน้าขมวดคิ้วเข้ม “เธอจะไปไหน?”
ไป๋เสว่เอ๋อร์เงียบไปอยากแยกตัวออกมา แต่กลับถูกมือใหญ่ที่ร้อนผ่าวของผู้ชายล็อคแขนเธอไว้
เพราะไม่สามารถต้านทานแรงของเขาได้ ในที่สุดก็ถูกเขาลากกลับไปที่ห้องประชุม
กวาดตามองคราบกาแฟบนพื้นกับที่ตัวของถานปิน เผยลี่เชินกำลังคิด เขามองไปที่คนที่อยู่ในห้องประชุม ถามเสียงเข้ม “เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
ถานปินโกรธเมื่อเห็นเผยลี่เชินเข้ามา พูดเสียงเคร่งขรึม “เธอควรถามคนที่อยู่ข้างๆ เธอนะว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น เธอน่าจะรู้ดีกว่าพวกเรา!”
น้ำเสียงของเขาดูไม่เป็นมิตร มาถึงจุดนี้แล้ว เขาไม่เสแสร้งทั้งคำพูดและท่าทาง
ไป๋เสว่เอ๋อร์หายใจลึก แล้วค่อยๆ อธิบาย “จู่ๆ ฉันก็ถูกคุณถานเรียกมาที่ห้องประชุมนี้ เขาพูดว่าเป็นเพราะฉันทำงานผิดพลาดเลยทำให้บริษัทเสียหาย แล้วจะให้ฉันชดใช้ค่าเสียหาย ลาออกจากบริษัท แล้วยังมาด่าว่าพ่อของฉันอีก ฉันทนไม่ได้จึงเป็นอย่างที่เห็น”
ถานปินถามกลับด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ฉัน….ทำไมฉันถึงไปว่าพ่อเธอด้วย?ไ
ไป๋เสว่เอ๋อร์จ้องมองเขาโดยไม่มีความกลัวพร้อมกับคำถาม “คุณถานพูดจาดูถูกเหยียดหยาม อยากให้ฉันพูดประโยคนั้นต่อหน้าประธานเผยไหมคะ?”
ถานปินโกรธจัด “เธอ!”
“พอแล้ว”
สีหน้าของเผยลี่เชินเคร่งเครียดเป็นที่สุด เขาหยิบเอกสารที่อยู่บนโต๊ะขึ้นมาดู ขมวดคิ้วเล็กน้อย ในใจก็เข้าใจอย่างชัดเจน
เขาหันไปมองไป๋เสว่เอ๋อร์ “เธอมีอะไรจะอธิบายไหม?”
ไป๋เสว่เอ๋อร์หายใจลึกมองดูเอกสาร พูดอะไรไม่ออก
เธอเชื่อมั่นในความสามารถของตัวเอง แต่ใบเสนอราคามันผิด สาเหตุของเรื่องนี้เธอเองก็ไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้
เธอกัดฟันพูด “ฉันตรวจสอบใบเสนอราคาอยู่หลายรอบ ไม่มีผิดพลาดแน่นอน แต่ไม่รู้ทำไมตอนหลังมันถึงผิดพลาด ฉันว่าต้องตรวจสอบเรื่องนี้”
ถานปินอดไม่ได้ที่จะพูดแทรกขึ้นมา “ใบเสนอราคาเธอเป็นคนตรวจสอบ เมล์เธอก็เป็นคนส่ง เธอยังจะมาพูดเล่นลิ้นอะไรอีก!”
เผยลี่เชินขมวดคิ้วเงียบไปสักครู่ ก่อนพูดว่า “เรื่องนี้ผมต้องรับผิดชอบ เธอส่งใบเสนอราคาที่ตรวจแล้วให้ผม ซึ่งผมเองยังไม่ได้ดูเพราะฉะนั้นผมจะรับผิดชอบครึ่งหนึ่ง
ถานปินทั้งโกรธทั้งรำคาญ “ลี่เชิน ทำไมถึงปกป้องเธอ!”
“ผมไม่ได้ปกป้องเธอ ก็แค่พูดไปตามจริง ความผิดพลาดครั้งนี้ผมจะติดต่อกับบริษัทหงซิง ดูว่ามีทางแก้ไขได้ไหม ถ้าไม่ได้ความเสียหายทั้งหมดผมจะชดใช้เอง ไม่ให้กระทบถึงคนอื่น ส่วนไป๋เสว่เอ๋อร์…”
เผยลี่เชินนิ่งไป ขมวดคิ้ว “ให้พักงานรอการสอบสวน จนได้ข้อสรุปที่แน่ชัด แล้วค่อยดำเนินการต่อ”
ถานปินไม่ได้ขัดแย้งคำพูดของเขา
สำหรับพนักงานบริษัทโดยทั่วไปถือว่าการพักงานรอการสอบสวนไม่ต่างอะไรกับการลาออก เพียงแต่เวลาจะช้าหรือเร็วเท่านั้น
ไป๋เสว่เอ๋อร์ที่อยู่ข้างๆ รู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัว เมื่อสักครู่เธอเองก็พูดอย่างชัดเจนว่า เรื่องนี้ต้องมีคนเกี่ยวข้อง ต้องตรวจสอบ แต่คาดไม่ถึงเผยลี่เชินจะไม่ให้โอกาสเธอเลยแม้แต่การตรวจสอบ เท่ากับชี้ชัดว่ามันเป็นความผิดของเธอ
แม้ว่าเขาจะร่วมรับผิดชอบกับเธอ แต่ยังไงมันก็แปลว่าเขาไม่เชื่อใจเธออยู่ดี
เธอกัดริมฝีปากแน่นจนรู้สึกว่าเลือดซึมออกมา ไป๋เสว่เอ๋อร์รู้สึกว่าตัวสั่นจนขาแทบยืนไม่อยู่
เธอหายใจลึกก้าวเท้าออกจากห้องประชุม กลับไปที่สำนักงานประธานบริษัท
เมื่อสักครู่เพิ่งเผชิญหน้ากับแรงกดดันจากถานปิน เธอพยายามถ่วงเวลาไว้ รอเผยลี่เชินกลับมา ก็เพื่อให้เขาเชื่อใจเธอ แล้วตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้
แต่ไม่คิดว่าคำพูดของเขาจะตัดสินว่าเธอผิด
ในใจรู้สึกผิดหวัง เธอเดินกลับไปที่ออฟฟิศ เก็บข้าวของของตนเองแล้วเดินออกไป
เปิดประตูเห็นเผยลี่เชินเดินมาทางเธอพอดี ทั้งสองจ้องตากัน สีหน้าดูแปลกประหลาด
ไป๋เสว่เอ๋อร์ละสายตา ใช้มือปิดประตูออฟฟิศแล้วเดินเบี่ยงไปอีกข้าง
ร่างกายสูงใหญ่ขวางทางเดินเธอไว้ บังคับให้เธอเงยหน้ามอง
ชายหนุ่มขมวดคิ้ว กดน้ำเสียงลงเล็กน้อย “ไปไหน?”
น้ำเสียงของไป๋เสว่เอ๋อร์เยือกเย็น “รับโทษทัณฑ์”
พูดจบเธอก็ก้าวเท้าแล้วเดินจากชายคนนั้น
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกผิดหวังในตัวเผยลี่เชิน
ไป๋เสว่เอ๋อร์เดินไปขึ้นลิฟต์ด้วยสีหน้าแน่วแน่ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความถึงลู่เหยา “รุ่นพี่ ตอนนี้สะดวกมาพบฉันไหมคะ?”