ตอนที่ 338 พวกเธอทะเลาะกันใช่ไหม
ความอึดอัดใจดูเหมือนเป็นเพราะพฤติกรรมของชายหนุ่ม หรือเพราะเรื่องที่ไม่ชัดเจนยังค้างคาใจ ความโกรธของไป๋เสว่เอ๋อร์ยิ่งมีมากขึ้น
หลังจากที่เห็นไป๋เสว่เอ๋อร์ยืนนิ่งอยู่ที่นั่นเป็นเวลานาน ป้าจางจึงเดินไปข้างหน้าอย่างช้าๆ ถามเบาๆ “คุณไป๋ ก่อนที่คุณผู้ชายจะออกไปได้สั่งกำชับให้คุณกินอาหารเช้ามากๆ อากาศเย็นดูแลตัวเองให้อบอุ่นด้วยนะคะ”
ไม่ว่าคำพูดของป้าจางจะจริงหรือเท็จ ความโกรธของไป๋เสว่เอ๋อร์ก็ไม่ได้ลดลงแม้แต่น้อย เธอได้ยินเสียงฝีเท้าก้าวลงบันไดมาจากด้านหลัง จึงมองเห็นคุณแม่ไป๋กำลังเดินลงบันไดมา
ไป๋เสว่เอ๋อร์เอ่ยปากถาม “แม่ กินอาหารเช้าด้วยกันก่อนไหม”
คุณแม่ไป๋สีหน้าไม่ค่อยดี ดูเหมือนไม่อยากพูดอะไรมาก จึงโบกมือไม่เอา พูดด้วยเสียงเข้ม “ไม่กินอะ”
พูดจบไม่ได้มองเธอก็เดินออกไปข้างนอกเลย
การตอบสนองเช่นนี้ แสดงว่ากำลังโกรธอย่างชัดเจน
ไป๋เสว่เอ๋อร์สับสนไม่รู้ว่าแค่ระหว่างเธอกับเผยลี่เชินไม่มีความสุขด้วยกัน ทำไมคุณแม่ไป๋ถึงได้โกรธขนาดนี้ ยิ่งกว่านั้นเมื่อก่อนเธอก็ไม่ยอมมาอยู่ร่วมกันกับพวกเขา
ความสงสัยใคร่รู้มีอยู่เต็มอก มองดูอาหารบนโต๊ะที่มีมากมาย ไป๋เสว่เอ๋อร์อ่อนใจ แต่เธอก็ไม่ยอมเสียอาหารเช้าที่ป้าจางตื่นขึ้นมาแต่เช้าตั้งใจทำให้เธอกิน
เธอมองไปที่ป้าจางแล้วพูดเบาๆ “ป้าจางกินข้าวด้วยกันซิคะ”
ในขณะเดียวกัน คุณแม่ไป๋ที่กำลังเดินออกจากประตูไปขึ้นรถเบนท์ลี่ย์ที่จอดตรงประตู ตรงที่นั่งด้านหลังยังมีอีกคนหนึ่งนั่งอยู่
เฝิงเจิ้งปางพูดขึ้น “เมื่อกี้ฉันเห็นเผยลี่เชินออกไป เขาน่าจะรู้จักรถของฉัน”
“แล้วเขาล่ะ” คุณแม่ไป๋ขมวดคิ้ว สายตาของเธอแสดงความหงุดหงิดชัดเจน
เธอไม่ได้รู้สึกดีกับเผยลี่เชิน แม้ว่าเขาจะมีความสามารถเป็นเลิศขนาดไหน แต่เธอก็ไม่เคยคิดจะมองเขาเป็นลูกเขย
เฝิงเจิ้งปางเลิกคิ้ว “แล้วทางคุณล่ะ เป็นไงบ้าง?”
“อย่าพูดถึงเลย เธอบอกว่าจะคิดทบทวนความสัมพันธ์กับเผยลี่เชินอีกครั้ง ตอนแรกก็ว่าจะใช้โอกาสนี้พูดเรื่องของเราสองคน แต่ดูท่าแล้วไม่เหมาะ”
เฝิงเจิ้งปางขมวดคิ้วเมื่อได้ยิน “ฉันว่า พวกเราเอาหลักฐานให้ดู พอถึงเวลานั้นเธออยากทำอะไรก็ไม่สามารถทำได้แล้ว”
“ค่อยพูดวันหลังเถอะ” คุณแม่ไป๋ถอนหายใจ พูดตัดบท
เธอไม่ใช่คนอบอุ่นอ่อนโยน ในทางกลับกันเธอทำในสิ่งที่เยือกเย็นโหดร้าย แต่อย่างไรก็ตาม ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเธอ
รถค่อยๆ เคลื่อนออกจากคฤหาสน์
ป้าจางมองกลับเข้ามาหลังจากมองออกไปนอกหน้าต่าง เธอหันมามองไป๋เสว่เอ๋อร์ พูดเบาๆ “คุณไป๋ แม้ว่าป้าไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นระหว่างคุณกับคุณผู้ชาย แต่เขาก็จริงใจกับคุณนะ ป้ามองเห็น ป้าอยู่กับเขามานาน ป้าไม่เคยเห็นเขาปฏิบัติกับใครอย่างนี้มาก่อน”
ไป๋เสว่เอ๋อร์จิตใจเริ่มหวั่นไหว เธอก้มหน้าสงบสติอารมณ์ไว้ กินโจ๊กต่อไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่ได้ตอบสนองใดๆ ต่อคำพูดของป้าจาง
เธอรู้ดีว่าเผยลี่เชินดีกับเธอมาก แต่เธอก็มีหลักการของตัวเอง ถ้ามาหลอกลวงหรือปิดบัง เธอไม่สามารถยอมรับได้ ยิ่งไปกว่านั้นมันเกี่ยวกับข้องกับสายเลือดและความรักของเธอ
เธอโกรธแบบนี้ อาจเป็นวิธีบังคับให้เขาสารภาพออกมาก็ได้
กินอาหารเสร็จ ไป๋เสว่เอ๋อร์เดินวนไปวนมาอยู่ในห้องนอน กระวนกระวายใจไม่หยุดหย่อน จากนั้นหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้น เห็นเจียงหวั่นหวั่นส่งข้อความมาหาเธอ เธอจึงตอบกลับไป
เรื่องที่เธอถูกพักงานเป็นการชั่วคราวสร้างความโกลาหล ดูเหมือนทุกคนในบริษัทจะรู้กันหมดแล้ว
“เสว่เอ๋อร์ ฉันเองเพิ่งรู้เรื่องนี้ อยากจะไปดูเธอสักหน่อยแต่เธอก็ไม่อยู่แล้ว ตอนนี้เธอเป็นไงบ้าง รู้สึกดีขึ้นหรือยัง?”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ยิ้มมุมปากเมื่อเห็นคำถามตรงไปตรงมาของหญิงสาว ความเศร้าเสียใจที่มีอยู่ตอนแรกอันตรธานหายไปตอนไหนก็ไม่รู้
เมื่อได้อยู่กับเจียงหวั่นหวั่นก็แบบนี้ คือไม่ต้องคิดมาก แต่ก็มีความสุขแบบเรียบง่าย
ไป๋เสว่เอ๋อร์ตอบกลับข้อความ “ตอนเที่ยงฉันไม่มีธุระอะไร งั้นฉันไปหาเธอ พวกเราไปกินข้าวด้วยกัน?”
ตอนแรกก็ว่าจะไปตามหาเฉิงหอง แต่นึกขึ้นได้ถึงเรื่องที่เมื่อวานโจ๋วฝันพูดไว้ว่าวันนี้พวกเขามีงานที่ต้องทำ ซึ่งเธอก็เดาออก ถ้าหากเธอไปหาเขาวันนี้ ก็คงจะไร้ประโยชน์
งั้นสู้รอก่อนดีกว่า
เสียงข้อความดัง “ติ๊งต่อง” ทำให้ไป๋เสว่เอ๋อร์กลับสู่โลกความเป็นจริง เธอดูข้อความที่เจียงหวั่นหวั่นส่งมา แล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ลุกขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้า เตรียมตัวออกไปข้างนอก
ไป๋เสว่เอ๋อร์มาถึงบริษัทก่อนเวลา จึงเดินเล่นบริเวณรอบๆ ในที่สุดก่อนเวลาเลิกงานครึ่งชั่วโมงก็มาถึงประตูบริษัท
การที่เธอถูกพักงานชั่วคราว ในตอนนี้ก็มาปรากฏตัวที่บริษัทอาจเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของคนอื่น เธอจึงยืนคอยอยู่บริเวณประตูบริษัท ไม่เข้าไปข้างใน
เดือนธันวาคมเป็นช่วงอากาศหนาว หนาวจนไป๋เสว่เอ๋อร์ที่ยืนรออยู่ด้านนอกเพียงไม่กี่นาทีจมูกเอยหูเอยแดงไปหมด ลังเลอยู่ว่าจะเข้าไปนั่งในร้านกาแฟที่อยู่ข้างๆ เพื่อรอดีไหม แต่ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงที่คุ้นมาก “สาวน้อยไป๋!”
ไป๋เสว่เอ๋อร์เงยหน้ามองเห็นคุณท่านเผยก้าวเท้าเข้ามาหาเธอ ข้างกายต่างมีบอดี้การ์ดประกบทั้งซ้ายขวา ดูท่าเพื่อลงจากรถอย่างแน่นอน
ไป๋เสว่เอ๋อร์ตกตะลึง “คุณลุง!”
คุณท่านเผยยิ้ม “ทำไมมายืนอยู่ข้างนอก ไม่เข้าไปข้างใน?”
“หนู…รอเพื่อนคะ”
ดูเหมือนคุณท่านเผยจะกลั่นกรองคำพูดของเธอแล้ว “คิดไม่ถึงว่าจะบังเอิญขนาดนี้ ฉันไม่ได้มาบริษัทซะนานยังได้มาพบเธอที่ประตูบริษัท ฉันมาหาลี่เชิน งั้นเอางี้ ถ้าเธอไม่อยากขึ้นไป งั้นก็รอฉันอยู่ในรถสักครู่ แล้วพวกเราไปกินข้าวกัน”
ขณะพูดเขาก็หันไปมองผู้ชายที่ข้างๆ “เสี่ยวจ้าว พาสาวน้อยไป๋ขึ้นไปรอบนรถก่อน ก่อนจะหนาวตาย!”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ยังไม่ทันได้ตอบรับใดๆ ก็ถูกเชื้อเชิญให้ขึ้นรถ เธอจำใจต้องขึ้นรถอย่างช่วยไม่ได้
ในกรณีนี้ แม้ว่าเธอจะอธิบายเกรงว่าจะสายเกินไป ขึ้นรถมาแล้วเธอไม่สามารถพูดว่าตัวเองต้องการไปกินข้าวกับคนอื่นได้ใช่ไหม?
ด้วยความจำใจ ไป๋เสว่เอ๋อร์จึงได้แต่หยิบโทรศัพท์ส่งข้อความหาเจียงหวั่นหวั่น ยังไม่ทันได้อธิบายรายละเอียด ไม่นานก็เห็นคุณท่านเผยออกมาจากประตูพร้อมกับเผยลี่เชิน
ทั้งคนหนุ่มทั้งคนแก่ หน้าตาท่าทางเหมือนกัน ทำให้ผู้คนอดไม่ได้ที่จะมอง
เมื่อเห็นชายหนุ่มซึ่งออกจากบ้านไปแต่เช้าด้วยความโกรธ ไป๋เสว่เอ๋อร์รู้สึกไม่สบายใจ เดิมทีคิดว่าเผยลี่เชินจะนั่งรถตัวเอง แต่ที่ไหนได้ดันเดินตามคุณท่านเผยมา
เผยลี่เชินเปิดประตูรถเห็นไป๋เสว่เอ๋อร์อยู่ด้านหลัง ไม่ได้รู้สึกแปลกใจแม้แต่น้อย
ทั้งสองสบสายตากัน บรรยากาศนั้นแปลกไปเล็กน้อย
คุณท่านเผยนั่งข้างหน้า ใช้กระจกมองหลังมองไปทางไป๋เสว่เอ๋อร์ “สาวน้อย เรื่องที่เธอถูกพักงานชั่วคราวฉันรู้แล้วนะ เกรงว่าเรื่องนี้ทำให้เธอไม่เข้าใจการกระทำของลี่เชิน แต่เขาบอกกับฉันแล้ว เขาไม่ได้โทษเธอเลยสักนิด แต่ในฐานะประธานบริษัท เขาจำใจต้องทำแบบนี้”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ไม่เคยคิดว่าเผยลี่เชินจะบอกให้คุณท่านเผยมาอธิบายให้เธอฟังเช่นนี้
เห็นไป๋เสว่เอ๋อร์ไม่พูดอะไร คุณท่านเผยจึงพูดต่อ “สาวน้อย เธออย่าโกรธเพราะเรื่องนี้เลย เธอก็พักผ่อนอยู่ที่บ้านสองสามวัน วันจันทร์หน้าก็กลับไปทำงานตามเดิม”
ไป๋เสว่เอ๋อร์หายใจลึกก่อนจะพูดอย่างจริงจัง “คุณลุงคะ หนูไม่ได้โกรธนะคะ”