ตอนที่ 346 แยกกันอยู่ชั่วคราวสองสามวัน
พอไป๋เสว่เอ๋อร์ตื่นขึ้นมา ก็เป็นเวลาบ่ายโมงแล้ว แสงไฟสีเหลืองนวลสาดส่องผ่านผ้าม่านเนื้อผ้าชีฟองเข้ามา ทำให้ห้องทั้งห้องถูกปกคลุมไปด้วยโทนสีที่อบอุ่น
เธอสูดหายใจเข้าเต็มปอด คิดถึงเรื่องเหล่านั้นที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่นี้ คนทั้งคนราวกับได้ผ่านมหันตภัยมาอย่างมากมาย ทั่วทั้งร่างกายไร้เรี่ยวแรงไปหมด แม้แต่ความคิดต่างก็ยังเปลี่ยนเป็นตื้อตึงไปหมด
นี่ก็เป็นครั้งแรกเช่นเดียวกัน ที่เธอได้เห็นเผยลี่เชินที่บ้าคลั่ง ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้นเช่นนี้
ตอนนี้คิดย้อนกลับไปขึ้นมา ในใจยังคงมีความหวาดผวา เกิดความรู้สึกนึกกลัวในภายหลังขึ้นมาจริงๆ
คิดไปคิดมาอย่างละเอียด เธอกับเผยลี่เชินรู้จักกันมานานขนาดนี้ และยังคบกันมานานขนาดนี้แล้ว แต่เธอแทบจะไม่เคยเข้าใจเขาอย่างแท้จริงมาก่อน เขามีกี่ด้าน ที่เธอยังไม่เคยเห็นอีกกันแน่นะ?
ประตูถูกคนดันเปิดออก เสียงฝีเท้าที่คุ้นเคยเดินเข้ามาในห้อง ไป๋เสว่เอ๋อร์แทบจะปิดตาลงโดยจิตใต้สำนึกขึ้นมาในทันที ไม่ขยับเลยแม้แต่นิดเดียว
เสียงฝีก้าวหยุดลงที่ปลายเตียงอยู่ครู่หนึ่ง ไม่ได้เคลื่อนไหวอีก ไป๋เสว่เอ๋อร์สูดหายใจเข้าเต็มปอด แม้กระทั่งดวงตาก็ยังไม่กล้าที่จะลืมขี้น
หลังจากนั้นไม่กี่วินาที เผยลี่เชินเบนสายตาไปทางอื่น เอ่ยปากขึ้นอย่างราบเรียบว่า “ผมให้ป้าจางตุ๋นน้ำแกงไก่ให้กับคุณ”
ร่างกายที่กำลังเกร็งตัวแน่นของหญิงสาวสุดท้ายก็ขายตัวของเธอเอง แม้แต่ลูกไม้เล็กๆแบบนี้เผยลี่เชินจะดูไม่ออกได้อย่างไรกัน
รู้ว่าเสแสร้งต่อไปไม่ได้แล้ว ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย ค่อยๆพยุงตัวเองขึ้น แต่แขนทั้งสองข้างเพิ่งจะเริ่มออกแรงยันร่างกาย อยู่ๆร่างกายก็รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมา ทั้งลำตัวล้มลงไปในฟูกนอนอีกครั้งในทันที
ทั่วทั้งร่างกายของเธอ ราวกับแหลกลาญไปแล้วก็ไม่ปาน
เผยลี่เชินนำน้ำแกงวางไว้บนโต๊ะด้านข้างหัวเตียง หันมามองดูคนที่อยู่บนเตียง มุมริมฝีปากก็ยกขึ้นเบาๆ รู้สึกอย่างจะหัวเราะออกมาเล็กน้อย สุดท้ายนัยน์ตาก็ปรากฏความรักและเอ็นดูขึ้น เขายื่นมือออกไป คิดที่จะอุ้มเธอขึ้นมา
แต่เพิ่งจะสัมผัสไปถูกตัวของหญิงสาว ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็ผลักมือของเขาออกไปอย่างเป็นไปตามเงื่อนไข เย็นชาไร้ความรู้สึก เด็ดเดี่ยวจนถึงที่สุด
สีหน้าของเผยลี่เชินถูกปกคลุมไปด้วยความเย็นยะเยือกขึ้นมาในทันที คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันเล็กน้อย ในที่สุดก็เก็บความไม่สบอารมณ์เมื่อสักครู่นี้นั้นกลับเข้าไป เอ่ยขึ้นอย่างใจเย็นว่า “คุณยังไม่ได้ทานอะไร ผมป้อนคุณ”
“ฉันไม่ดื่ม”
ทิ้งประโยคนี้ออกไปอย่างเยือกเย็น ไป๋เสว่เอ๋อร์หันตัวลงไปจากอีกด้านหนึ่งของเตียง ก้าวขาเดินไปทางห้องอาบน้ำในทันที
ขาทั้งสองข้างที่ถูกกระทำอย่างซ้ำไปซ้ำมาเจ็บปวดจนแทบจะเดินไม่ไหว ไป๋เสว่เอ๋อร์กลับยังคงกัดฟันฝืนเดินไปทางห้องอาบน้ำต่อไป
เผยลี่เชินขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นลุกยืนขึ้น ก้าวขากว้างๆเดินขึ้นไปข้างหน้า มือข้างหนึ่งยื่นออกไปโอบเธอเข้ามาไว้ในอ้อมแขนทันที “ยังโกรธอยู่?”
“ไม่งั้นล่ะคะ?” ไป๋เสว่เอ๋อร์เงยหน้าขึ้น ใบหน้าเล็กๆที่ขาวซีดเล็กน้อยปกคลุมไปด้วยความรู้สึกได้รับความไม่เป็นธรรม นัยน์ตาสว่างสดใสทั้งยังนิ่งสงบและเยือกเย็น “หรือว่านี่คือวิธีการแก้ไขปัญหา? ฉันเคยพูดเอาไว้ตั้งนานแล้วว่า ระหว่างพวกเราไม่ได้มีเพียงแค่ปัญหาเดียว”
นอกจากความไว้เนื้อเชื่อใจซึ่งกันและกัน เธอยังคงกำลังรอคำสารภาพและคำอธิบายจากเขา สำหรับเรื่องการเสียชีวิตของคุณพ่อ เขาจะต้องรับรู้และเข้าใจดีกว่าเธอเป็นอย่างมากอย่างแน่นอน
เห็นเผยลี่เชินยืนอยู่ที่เดิมนิ่งเงียบไม่พูดอะไรออกมา ไป๋เสว่เอ๋อร์จึงได้ดันมือของเขาออก เดินอ้อมตัวเขาเข้าไปในห้องอาบน้ำ แล้วปิดประตูอย่างหนักในทันที
เปิดฝักบัวแรงที่สุด ไป๋เสว่เอ๋อร์ขดตัวเข้าหากัน ร้องไห้สะอึกสะอื้นไปทั้งตัวด้วยเสียงที่แผ่วเบา
เธอดูเหมือน…จะเริ่มเข้าใจแล้วว่า ทำไมในตอนแรกคุณแม่ถึงโน้มน้าวเธอตลอดว่าให้คืนดีกับเผยอี้ใหม่อีกครั้ง แต่ไม่ใช่ให้คบกับเผยลี่เชิน
แล้วก็เหมือนอย่างที่คุณพ่อเขียนเอาไว้ในไดอารี่ว่า สุดท้ายเผยลี่เชินก็ต้องยืนอยู่ในตำแหน่งที่สูงที่สุด แต่เธอเมื่อเทียบกับเขาแล้ว ไร้เดียงสาถึงขั้นยังมีความเป็นเด็กสูง ไม่ว่าเธอจะฝึกฝนอีกอย่างไร แต่สุดท้ายก็ยังหมุนวนอยู่ในฝ่ามือของเขา แสดงความสามารถอะไรออกมาไม่ได้
พูดอย่างเข้าใจง่ายหน่อยก็คือ เธอควบคุมเขาไม่ได้ คบกับเขาแล้ว มีเพียงแต่จะทำให้เธอได้รับบาดเจ็บ
หลังจากที่เทียบดูอย่างจริงจังแล้ว ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็ยิ่งชัดเจนในความพยายามอย่างยากลำบากจากใจของคุณพ่อคุณแม่ หลังออกมาจากในห้องน้ำ บนใบหน้าของเธอก็ถูกปกคลุมไปด้วยความแข็งแกร่งและเด็ดเดี่ยวอย่างยากที่จะได้เห็น
มองไปยังบริเวณรอบๆ ภายในห้องนอนไม่ได้มีเงาร่างของชายหนุ่มแล้ว เหลือเพียงแค่น้ำแกงไก่ชามนั้นที่ยังกระจายไอความร้อนวางอยู่บนโต๊ะ
ไป๋เสว่เอ๋อร์สูดหายใจเข้าเต็มปอด จากนั้นเดินลงไปชั้นล่าง ป้าจางเห็นเธอ นัยน์ตาก็สะท้อนความเซอร์ไพรส์ออกมาเล็กน้อย กลับทั้งยังเอ่ยถามขึ้นอย่างระมัดระวังว่า “คุณหนูไป๋ ได้ดื่มน้ำแกงไก่ที่ตุ๋นเอาไว้หรือยังคะ?”
ไป๋เสว่เอ๋อร์กวาดตามองไปยังรอบๆ ไม่เห็นเงาร่างของเผยลี่เชิน จึงเอ่ยตอบอย่างไม่ตรงคำถามว่า “เขาไปไหนคะ?”
“คุณผู้ชายหรอคะ? เมื่อครู่นี้เขาได้รับสายโทรศัพท์เร่งด่วนจากนั้นก็ออกจากบ้านไปแล้วค่ะ”
ได้ยินดังนั้น คิดไม่ถึงว่าไป๋เสว่เอ๋อร์กลับแอบถอนหายใจอย่างโล่งอก เธอพยักหน้าเล็กน้อย หมุนตัวกลับไปยังห้องนอนบนชั้นสอง
อาศัยจังหวะที่เผยลี่เชินไม่อยู่พอดี เธอจะออกไปจากที่นี่ ไม่ว่าอย่างไร ตอนนี้แยกกันอยู่สักสองสามวันสำหรับพวกเขาแล้วก็ไม่มีข้อเสียอะไร
ถือกระเป๋าเดินทางออกมา นำชุดที่ตัวเองใส่บ่อยๆสองสามชุดจัดใส่เข้าไปด้วยความรวดเร็ว ถือโอกาสเรียกรถแท็กซี่คันหนึ่งผ่านทางโทรศัพท์มือถือ
ในขณะที่ลงมาชั้นล่าง ป้าจางที่กำลังเตรียมอาหารเย็นเห็นไป๋เสว่เอ๋อร์ที่ลากกระเป๋าเดินทาง ก็ตกตะลึงไปชั่วขณะ
ป้าจ้างรีบเข้ามารับหน้าในทันที “คุณหนูไป๋ นี่คุณจะไปไหนคะ?”
สีหน้าของไป๋เสว่เอ๋อร์เคร่งขรึมและจริงจัง เอ่ยปากตอบเบาๆว่า “กลับบ้านค่ะ”
ป้าจางเอ่ยปากถามขึ้นต่อไปด้วยความลังเลเล็กน้อย “คุณผู้ชายรู้หรือเปล่าคะ?”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ได้ยินดังนั้น ก็ไม่ได้ตอบกลับ เพียงแต่ยกกระเป๋าเดินทางขึ้นเดินออกไปทางด้านนอกอย่างเงียบๆ
เห็นท่าทางแบบนี้ ป้าจางดูเหมือนจะเดาออกแล้วว่าไป๋เสว่เอ๋อร์คงจะทะเลาะกันกับเผยลี่เชิน อีกทั้งเธอก็ยังไม่ได้บอกเรื่องนี้กับเผยลี่เชิน
“คุณหนูไป๋…ไม่อย่างงั้นรับประทานอาหารเย็นแล้วค่อยไปไหมคะ? ป้าได้เตรียมเอาไว้เรียบร้อยแล้ว”
“ไม่ล่ะค่ะ รบกวนป้าจางแล้ว หลายวันนี้ฉันอารมณ์ไม่ค่อยดี กลับบ้านไปพักสักสองสามวัน ป้าไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ปฏิเสธอย่างละมุนละไม ก้าวขาเดินออกจากคฤหาสน์ ขึ้นไปบนรถที่จอดรออยู่ด้านนอกแล้วในทันที
ป้าจางไม่มีวิธีใดแล้ว รั้งก็รั้งไม่อยู่ ทำได้เพียงปล่อยให้เธอจากไปเช่นนี้ ไป๋เสว่เอ๋อร์เพิ่งจะผ่านพ้นประตูไป เธอก็รีบโทรศัพท์หาเผยลี่เชิน รายงานสถานการณ์ให้เขาทราบในทันที
เผยลี่เชินกำลังเจรจาเกี่ยวกับรายละเอียดปลีกย่อยล่าสุดกับฝ่ายผู้ร่วมการลงทุน สีหน้าของชายหนุ่มที่ได้รับฟังข่าวนั้นเยือกเย็นขึ้นมาเล็กน้อย แต่ในท้ายที่สุดก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา หลังจากออกคำสั่งง่ายๆกับป้าจางเสร็จแล้ว เขาก็วางโทรศัพท์มือถือลง กลับรู้สึกมีเรื่องหนักอกหนักใจขึ้นมาอีกครั้ง
ช่วงระยะเวลานี้ไป๋เสว่เอ๋อร์ได้ผ่านเรื่องที่ไม่ดีมาอย่างมากมายจริงๆ ตอนนี้พวกเขาอยู่ด้วยกัน ได้แต่ทะเลาะและขัดแย้งกันอย่างไม่จบไม่สิ้น สู้ถือโอกาสนี้ให้ทั้งสองฝ่ายได้ใจเย็นลงหน่อยยังจะดีกว่า
กลับมาถึงคฤหาสน์ ไป๋เสว่เอ๋อร์ผลักประตูบ้านออก เพิ่งจะเดินเข้าไปก็เห็นคุณแม่กำลังเดินลงมาจากชั้นบน
“เสว่เอ๋อร์ ทำไมลูก…” คุณแม่ไป๋มีสีหน้าตกใจ ดูคิดไม่ถึงว่าอยู่ๆเธอจะลากกระเป๋ากลับมาเช่นนี้อย่างเห็นได้ชัด
“แม่คะ หลายวันมานี้หนูอารมณ์ไม่ค่อยจะดี กลับมาพักสักสองสามวัน”
หลังจากที่อธิบายอย่างง่ายๆจบ เธอก็ยกกระเป๋าเดินทางที่อยู่ในมือขึ้นพุ่งตรงไปทางห้องของตนเองที่อยู่ชั้นสองภายในทันที
“เสว่เอ๋อร์!” คุณแม่ไป๋สังเกตเห็นถึงความผิดปกติ รีบเดินเข้าไปเอ่ยถามในทันทีว่า “ลูกกับเผยลี่เชินทะเลาะกันใช่หรือเปล่า? ช่วงนี้พวกลูกดูเหมือน…”
ไป๋เสว่เอ๋อร์อธิบายอย่างกระชับและตรงไปตรงมา “พวกเราสองคนไม่ได้มีเรื่องอะไรค่ะ ก็เพราะเรื่องของบริษัทช่วงนี้ทำให้หนูอารมณ์ไม่ดี อยากกลับมาพักสักสองสามวันก็เท่านั้นเอง แม่อย่าคิดมากเลยค่ะ”
รู้ว่าหนีการซักถามที่เชื่อมโยงติดต่อกันเป็นลูกโซ่ของคุณแม่ไม่ได้ เมื่อครู่นี้ตอนที่อยู่บนรถ เธอก็ได้คิดข้ออ้างนี้เอาไว้ล่วงหน้าแล้ว
คุณแม่ไป๋ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย เห็นการตอบสนองของไป๋เสว่เอ๋อร์ก็รู้ว่าเธอคงไม่พูดอะไรออกมาอีก จึงได้หยุดความคิดที่จะถามต่อไปเลย เธอถอนหายใจออกมาเบาๆพลางเอ่ย “ช่างเถอะๆ แม่ก็ไม่ถามแล้ว แม่ไปเตรียมน้ำให้ลูกอาบ”
“ขอบคุณค่ะแม่” ไป๋เสว่เอ๋อร์เอ่ยขึ้นอย่างไร้เรี่ยวแรง
พูดประโยคนี้จบ เธอก็กลับมาถึงห้องนอน เพิ่งจะเอนตัวลงไปได้ไม่เท่าไร โทรศัพท์มือถือก็สั่นขึ้นมา
เป็นลู่เหยาที่โทรเข้ามา
เธอได้สติขึ้นมาเล็กน้อยภายในทันที ไป๋เสว่เอ๋อร์สูดหายใจเข้าเต็มปอดแล้วรับโทรศัพท์ “ฮัลโหลค่ะ รุ่นพี่”
“เสว่เอ๋อร์ คุณยังสบายดีอยู่ใช่ไหม?” ในน้ำเสียงของลู่เหยาเผยให้เห็นความเป็นกังวลออกมาเล็กน้อย “เขาทำยังไงกับคุณบ้างหรือเปล่า?”
“เปล่าค่ะ” ไป๋เสว่เอ๋อร์ยกมุมริมฝีปากขึ้นเล็กน้อย เอ่ยถามย้อนกลับว่า “คุณล่ะคะ? บาดแผลเป็นยังไงบ้าง?”
“ผมไม่เป็นไร” ในขณะที่ลู่เหยาพูด อยู่ๆก็ชะงักลงอย่างกะทันหัน หลังจากนั้นไม่กี่วินาที ถึงได้เอ่ยปากออกมาเบาๆว่า “เสว่เอ๋อร์ หากคุณอยากออกมาจากเขา ผมยินดีที่จะช่วยคุณ”
ประโยคนี้ เห็นได้ชัดว่าเป็นคำพูดที่ลู่เหยาพูดออกมาอย่างรอบคอบและระมัดระวังหลังจากผ่านการคิดพิจารณาอย่างลึกซึ้งของเขามาแล้ว
ไป๋เสว่เอ๋อร์ได้ยินดังนั้น เสียงหัวใจเต้น “ตุบๆ” ดังออกมา พูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ