ตอนที่ 352 เขาสมควรจะได้รับกรรม
ไป๋เสว่เอ๋อร์ขมวดคิ้วขึ้นมาโดยจิตใต้สำนึกในทันที หันไปทางเผยลี่เชินด้วยความตกตะลึง
สายตาของชายหนุ่มเยือกเย็น ยกมือขึ้นกดวางสายลงไปในทันที เหลือบตามองไปยังถานปินเหมือนกับยิ้มแต่ก็เหมือนไม่ได้ยิ้ม
ถานปินมีการตอบสนองกลับมาจากอาการช็อก แทบอยากจะกระโจนเข้าใส่เผยลี่เชินทั้งตัว “แกมันไอ้เดรัจฉาน!”
เผยลี่เชินเคลื่อนตัวออกเล็กน้อยอย่างสมบูรณ์แบบ ดูเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ได้ยิ้ม “ผมเดรัจฉานหรอ?ที่ช่วยชีวิตหลานสาวของคุณเอาไว้ เป็นเพราะผมเห็นแก่มิตรภาพเก่าของพวกเรา ในเมื่อคุณบอกว่าผมลังเลไม่กล้าตัดสินใจให้ความสนใจกับความรักมากเกินความพอดี งั้นผมก็ทำได้เพียงใจร้ายขึ้นมาหน่อยตามที่คุณว่า”
“เผยลี่เชิน!” ถานปินขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ดูเหมือนใจที่อยากจะฆ่าคนก็มีอยู่ในนั้นแล้ว
ไป๋เสว่เอ๋อร์กำหมัดเข้าหากันแน่น มองไปที่ถานปินแล้วเอ่ยปากขึ้นมาในทันทีว่า “ถานปิน สู้คุณยอมรับเรื่องที่ตนเองทำเหล่านั้นทั้งหมดยังจะดีกว่า!มิเช่นนั้นใครก็ช่วยเฝิงเช่นเอาไว้ไม่ได้!”
ถานปินได้ยินดังนั้น ก็คว้าแก้วน้ำที่อยู่บนโต๊ะขึ้นมาด้วยความโกรธ โยนไปที่พื้นอย่างแรงจนแตกละเอียด “เผยลี่เชิน นี่แกกำลังบีบบังคับฉัน!”
เผยลี่เชินเอ่ยขึ้นที่ละคำทีละประโยคว่า “ใช่ ก็คือกำลังบีบบังคับคุณ!”
ถานปินทั้งโมโหทั้งกลัดกลุ้ม กลับทั้งยังทำอะไรไม่ได้ รอจนกระทั่งหลังจากที่เขานำสิ่งของข้างมือที่สามารถใช้ในการระบายได้ทั้งหมดโยนลงกับพื้นจนแตกละเอียดเสร็จเรียบร้อยแล้ว ในที่สุดเขาถึงได้เอ่ยประโยคนึงขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เล็ดลอดออกมาจากไรฟัน “ฉัน…ฉันยอมพูด!”
“สามเดือนก่อน ผ่านการแนะนำของเพื่อนคนหนึ่ง ฉันได้รู้จักกับประธานหม่าแห่งบริษัทการค้าระหว่างประเทศ…”
หลังจากที่ถานปินเล่าเรื่องที่ว่าใช้ชื่อของเผยซื่อรับโครงการ รับเหมาสัญญาโดยส่วนตัวที่ด้านนอกได้ยังไงจบ ก็ได้ผ่านไปยี่สิบนาทีแล้ว
ไป๋เสว่เอ๋อร์ได้เตรียมการบันทึกเสียงในโทรศัพท์มือถือเอาไว้ตั้งนานแล้ว นำทุกตัวอักษรที่เขาพูดออกมาตั้งแต่เริ่มบันทึกเอาไว้โดยไม่ขาดแม้แต่ตัวอักษรเดียว แต่ถานปินกลับไม่รู้เรื่องอะไรเลยแม้แต่น้อย
“ฉันยินดีที่จะนำเงินเหล่านั้นส่งมอบออกมา และยินดีที่จะได้รับโทษ แต่ฉันมีคำร้องขอเพียงแค่สองข้อ หนึ่ง ปล่อยหลานสาวของฉัน สอง เรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัวระหว่างพวกเรา อย่ารบกวนไปถึงหน่วยงานอื่นๆ รับประกันความปลอดภัยของฉัน”
เผยลี่เชินเลิกคิ้วขึ้น ตอบกลับอย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย “ได้ครับ ไม่มีปัญหา”
พูดประโยคนี้จบ เขาก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วกดโทรออก “ดูเฝิงเช่นไว้ให้ดีๆ รอเธอตื่นขึ้นมาจากอาการเมาแล้วคุ้มกันเธอกลับบ้านอย่างปลอดภัย”
หลังจากที่สั่งการเสร็จแล้ว เขาก็นำโทรศัพท์วางไว้บนโต๊ะประชุม ใช้นิ้วเคาะไปบนพื้นโต๊ะเล็กน้อย จากนั้นก็เอ่ยออกมาเบาๆว่า “ความจริงใจของผม ตอนนี้ก็ส่งมอบสมุดบัญชีส่วนตัวและสัญญาให้กับผมได้แล้วล่ะมั้งครับ?”
“ไม่รีบร้อน” บนหน้าผากของถานปินมีเม็ดเหงื่อเล็กๆผุดออกมาปกคลุมอยู่ชั้นหนึ่ง “อย่างน้อยที่สุดก็ต้องรอให้เช่นเช่นรายงานความปลอดภัยให้กับฉันก่อนถึงจะได้”
ทั้งสองคนต่างก็เป็นจิ้งจอกเฒ่าที่แฝงตัวอยู่ในโลกของธุรกิจและสถานที่ที่ใช้ในการทำงานมานาน ในเวลานี้ คือการเดินหมากที่ไร้เสียง เมื่อไรก็ตามที่ใครคนไหนไม่สามารถระงับอารมณ์เอาไว้ได้ถอยหลังไปแม้เพียงครึ่งก้าว ใครคนนั้นก็จะแพ้ในทันที
เผยลี่เชินยกมุมริมฝีปากขึ้นมาเล็กน้อย ราวกับไม่ได้ใส่ใจแม้แต่นิดเดียว เขาพยักหน้าเบาๆ “ครับ งั้นก็ฟังที่คุณว่า”
พูดจบ เขาก็ปรบมือขึ้น ประตูใหญ่ของห้องประชุมก็ถูกคนผลักให้เปิดออก ฉีเฟิงเดินเข้ามา ด้านหลังตามมาด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สวมชุดเครื่องแบบอีกสองคน
สีหน้าของถานปินซีดเผือดขึ้นมา หันไปหาเผยลี่เชินโดยจิตใต้สำนึกภายในทันที “เผยลี่เชิน แก…”
เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเมื่อครู่นี้เขายังรับปากดีๆอยู่เลย ทำไมเพียงชั่วพริบตา คนที่จะมาจับเขาก็มาถึงแล้ว!
“ในเมื่อคุณไม่ยินดีที่จะส่งมอบออกมา งั้นผมก็ทำได้เพียงให้คนอื่นออกแรงแล้ว” ในขณะที่เผยลี่เชินพูด ก็หันหน้ามองไปทางไป๋เสว่เอ๋อร์ แล้วสั่งขึ้นว่า “นำบันทึกเสียงส่งมอบให้กับพวกเขา”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็ตกตะลึงจนทำอะไรไม่ถูกเช่นเดียวกัน เดิมทีเธอคิดว่าเผยลี่เชินเพียงแค่ต้องการถามเรื่องราวเหล่านั้นออกมาจากปากของถานปิน หลังจากนั้นเก็บเงินเหล่านั้นที่เขายักยอกไปเป็นการส่วนตัวกลับคืนมา เรื่องนี้ก็จะพอสมควรที่จะช่างมันแล้ว และก็คงจะไม่ใช้หน่วยงานราชการ แต่คิดไม่ถึงว่า…
หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็ยังคงนำบันทึกเสียงส่งมอบให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ถานปินที่ถูกคนซ้ายขวาจับบังคับแขนเอาไว้แน่น แล้วใส่ล็อคกุญแจมือทั้งโกรธทั้งโมโห “แกมันสกปรกมาก!เผยลี่เชิน!”
เผยลี่เชินยกมุมริมฝีปากยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบว่า “เหมือนๆกันครับ”
“พวกแก…” ถานปินร้องตะโกนเสียงดัง ไม่กังวลภาพลักษณ์ของตนเองอีกต่อไปแม้แต่นิดเดียว คำหยาบต่างๆที่สมองพอจะคิดได้ต่างก็หลุดออกมาจนหมด
รอจนกระทั่งถูกจับกุมเดินไปไกลแล้ว เสียงนั้นถึงได้ค่อยๆหายไปจากข้างหู
ไป๋เสว่เอ๋อร์สูดหายใจเข้าเต็มปอด สะอึกสะอื้นออกมาอย่างควบคุมตนเองเอาไว้ไม่ได้
มองดูถานปินถูกจับกุมไป เธอก็เหงื่อตกออกมาเต็มร่างกายโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว เพราะว่าเรื่องนี้ เธอนึกโยงไปถึงคุณพ่อ เหมือนกับว่าสามารถรับรู้ความรู้สึกนั้นได้ด้วยตัวเอง สัมผัสได้ถึงความสิ้นหวังและการสำนึกผิดในเวลานั้น…
ทันใดนั้น มือก็ถูกกุมเอาไว้แน่น ไป๋เสว่เอ๋อร์ได้สติกลับคืนมา พอเงยหน้าขึ้นไปก็มองเห็นเผยลี่เชิน
ชายหนุ่มขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย น้ำเสียงอ่อนโยนแต่ก็กลับมีความร้อนรน “ทำไมมือถึงได้เย็นขนาดนี้?”
เผยลี่เชินที่เป็นแบบนี้ กับคนที่เยือกเย็นไร้เมตตาเมื่อสักครู่นี้นั้นราวกับเป็นคนละคนโดยสมบูรณ์แบบ
ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ไป๋เสว่เอ๋อร์ถึงได้เกิดความรู้สึกหนาวเย็นออกมาจากส่วนลึกภายในจิตใจ ร่างกายของเธอสั่นไหวเล็กน้อย ดึงมือออกมาจากมือของชายหนุ่มภายในทันที เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าที่อึมครึมและเยือกเย็นว่า “ไม่เป็นอะไรค่ะ”
ต่อให้ควบคุมตนเองไปมากกว่านี้ เผยลี่เชินก็ยังคงสามารถดูความผิดปกติของเธอออก เขาขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย เอ่ยปากถามด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาว่า “คุณกลัวหรอ?”
“เปล่าค่ะ” ไป๋เสว่เอ๋อร์สูดหายใจเข้าเต็มปอด “เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าคุณจะแจ้งตำรวจเลย”
“ไม่งั้นล่ะ?” สายตาของเผยลี่เชินอึมครึมลงไปเล็กน้อย “ก็เพราะเขายอมคืนเงินเหล่านั้นออกมาผมก็ต้องให้อภัยเขาหรอ? ใช้ชื่อเสียงของเผยซื่อ หากมีความผิดพลาดอะไรขึ้น ถึงเวลาผลลัพธ์ทุกสิ่งทุกอย่างต่างก็ต้องแบกรับโดยเผยซื่อ ผมเดิมพันไม่ไหว ยิ่งไปกว่านั้นคนแบบนี้ สมควรจะได้รับกรรม”
สี่คำสุดท้ายนั้น เผยลี่เชินพูดออกมาอย่างชัดเจนผิดปกติ ฟังจนไป๋เสว่เอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะตัวสั่นขึ้นมาเล็กน้อย
อยู่ๆเธอก็อยากถามประโยคนึงขึ้นมาอย่างกะทันหัน หรือว่าคุณพ่อของเธอก็สมควรที่จะได้รับกรรมอย่างนั้นหรอ? ทั้งๆที่มีเพียงโทษอาชญากรรมติดคุกสามปีเท่านั้น ทำไมกลับถูกคนทำร้ายจนถึงแก่ชีวิตอยู่ภายในเรือนจำอย่างไม่สามารถหาคำตอบที่ชัดเจนได้?
แรงกระตุ้นนี้พรั่งพรูขึ้นมาจนถึงบริเวณหน้าอกของเธอ ทำให้เธออยากจะพูดออกมา แต่กลับมีความหวาดกลัวเป็นอย่างมาก จนเธอนั้นพูดไม่ออก
สุดท้ายก็นำคำพูดที่ทะลักขึ้นมาจนถึงบริเวณรอบริมฝีปากกลืนกลับเข้าไปใหม่อีกครั้ง ไป๋เสว่เอ๋อร์พยักหน้าเล็กน้อย หมุนตัวก้าวขาเดินออกไปทางด้านนอกในทันที
“คุณจะไปไหน?” เผยลี่เชินก้าวขาเดินตามเข้ามาด้วยความรวดเร็ว
ไป๋เสว่เอ๋อร์เอ่ยปากขึ้นอย่างอยู่ในกรอบระเบียบว่า “กลับไปทำงานค่ะ”
มือของเธอเพิ่งจะวางลงไปบนมือจับประตูของห้องประชุม ยังไม่ทันจะดึงประตูให้เปิดออก อยู่ๆก็รู้สึกตึงขึ้นมาตรงบริเวณหัวไหล่ ตามมาด้วยลำตัวที่ถูกคนหมุนให้หันกลับไป
เผยลี่เชินขยับเข้ามาใกล้เธอ ในน้ำเสียงแฝงไปด้วยความรู้สึกจนปัญญาเล็กน้อย นิ้วมือลูบไล้ไปที่คางของไป๋เสว่เอ๋อร์เบาๆ “เมื่อไรถึงจะสามารถหายโกรธได้ หืม?”
หลายวันมานี้เขายุ่งอยู่กับการทำงาน ในขณะเดียวกันก็ต้องฝืนควบคุมอารมณ์หุนหันพลันแล่นภายในจิตใจที่คิดริเริ่มจะไปถามหาเธอก่อน หลังจากทำใจให้เย็นลงมาแล้วหลายวัน ตอนนี้ได้มาพบหน้า ความคิดถึงที่เขามีต่อเธอก็ยิ่งยากที่จะควบคุมเอาไว้ได้
ไป๋เสว่เอ๋อร์ยกมือขึ้น ดันมือของชายหนุ่มออกอย่างช้าๆด้วยสายตาที่อึมครึมและเยือกเย็น เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าท่าทางที่จริงจังว่า “ท่านประธานเผย ฉันจะเริ่มทำงานแล้วค่ะ มีเรื่องที่เกี่ยวข้องกับงานก็เชิญสั่งฉันมาได้เลย”
พูดประโยคนี้จบ เธอก็หมุนตัวเตรียมจะเดินจากไป อยู่ๆช่วงระหว่างเอวก็รู้สึกตึงขึ้นมาอย่างกะทันหัน ทั้งร่างกายถูกโอบเข้าไปไว้ในอ้อมกอด เผยลี่เชินโน้มศีรษะลงมา จูบลงไปบนแก้มของเธอในทันที
วินาทีต่อมา ริมฝีปากของชายหนุ่มก็ลูบไล้ไปที่ข้างใบหูของไป๋เสว่เอ๋อร์อย่างเลือนราง “ผมรอให้คุณหายโกรธ”
ร่างกายของไป๋เสว่เอ๋อร์สั่นไหวเล็กน้อย จากนั้นก็ค่อยๆสงบจิตใจลงมาอย่างช้าๆ ยื่นมือออกไปดันอ้อมกอดของเขาออกเบาๆ ก้าวขาเดินออกข้างนอกไปด้วยท่าทีที่แสร้งทำเป็นสงบเยือกเย็น
หลังจากนั้น ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็ทำงานตามปกติ ท่าทีที่ปฏิบัติต่อเผยลี่เชินก็คือนิ่งเฉย เผยลี่เชินกลับส่งมอบเซอร์ไพรส์มาให้อย่างมีความอดทนไม่ยอมละเลิก บางครั้งก็จะหยอกล้อจนไป๋เสว่เอ๋อร์มีความสุขอย่างคาดไม่ถึง แต่หลังจากที่ใจเย็นลงแล้ว คิดถึงเรื่องของคุณพ่อ เธอก็สวมเสื้อคลุมแห่งความเยือกเย็นกลับเข้าไปใหม่อีกครั้ง สุขุมเยือกเย็นทั้งยังดื้อรั้น
เธอกำลังรอคอยอยู่ตลอดเวลา รอคอยเผยลี่เชินให้คำอธิบายและการสารภาพกับเธอ
แต่รอมาเต็มๆหนึ่งเดือนกว่า ไม่ว่าเธอจะบอกใบ้ยังไง เผยลี่เชินก็ไม่ได้มีสัญญาณว่าจะอธิบายใดๆเกิดขึ้น
ความเข้ากันไม่ได้และความรู้สึกถึงระยะห่างระหว่างทั้งสองคน ก็ยิ่งลึกมากขึ้นเรื่อยๆ ใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆจากในวินาทีนี้เอง
ไป๋เสว่เอ๋อร์คิดว่า สุดท้ายสักวัน เธอจะต้องตั้งกระทู้ถามเผยลี่เชินอย่างห้ามเอาไว้ไม่ได้ แต่หลังจากที่วินาทีนั้นเกิดขึ้น พวกเขาสองคนก็กลับไปเป็นแบบเมื่อก่อนไม่ได้อีกต่อไปจริงๆแล้ว