ตอนที่ 376 บังเอิญเจอกู้หลี่เหลียง
เสียงของแม่ฟังดูผิดปกติ ทั้งยังมีเสียงร้องไห้สะอื้น ไป๋เสว่เอ๋อขมวดคิ้วรีบถามขึ้น “แม่เป็นอะไรคะ?”
“เสว่เอ๋อ เรามาเจอหน้าคุยกันดีๆได้ไหม? แม่….”
แม่ไป๋พูดออกมาได้เพียงครึ่งหนึ่งจากนั้นก็ร้องไห้ขึ้นมา เสียงสะอื้นดังมาจากคู่สาย ไป๋เสว่เอ๋อได้ยินจนรู้สึกปวดใจจนสั่นไปหมด
กัดริมฝีปากแน่น รีบตอบกลับอย่างไม่คิดอะไรทันที “แม่คะ หนูจะไปหาเดี๋ยวนี้เลย!”
ไป๋เสว่เอ๋อรีบวางสายลง เดินออกไปข้างนอก เห็นเจียงหวั่นหวั่นอุ้มห้าวเจ๋อน้อยรอเธออยู่หน้าประตู
“เป็นอะไรรึเปล่า?” สังเกตเห็นสีหน้าของไป๋เสว่เอ๋อผิดปกติไป เจียงหวั่นหวั่นจึงรีบถามขึ้นมาทันที
ไป๋เสว่เอ๋อพูดขึ้นด้วยท่าทีจริงจัง “ฉันมีธุระต้องไปจัดการ คงต้องรบกวนให้เธอช่วยดูแลเจ้าเจ๋อน้อยก่อนนะ”
ห้าวเจ๋อน้อยที่อยู่ในอ้อมกอดของเจียงหวั่นหวั่นยกมือขึ้นจับไปที่หน้าของไป๋เสว่เอ๋อเบาๆ “ถ้าแม่มีธุระด่วน แม่ไปจัดการก่อนเถอะนะ….หนูจะเชื่อฟังคุณน้า และจะดูแลคุณน้าให้ แม่สบายใจได้”
มองดูเจ้าตัวน้อยให้คำมั่นสัญญาแบบนี้ ไป๋เสว่เอ๋อสบายใจขึ้นมาทันที เธอพยักหน้าลง “โอเคจ้ะ ต้องเป็นเด็กดีนะ”
หลังจากที่กำชับเรื่องทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว ไป๋เสว่เอ๋อจึงออกไปเรียกรถแท็กซี่มุ่งหน้าตรงไปยังบ้านของแม่ที่เขตตอนใต้
ขณะกำลังเดินทางไปทางพิพิธภัณฑ์ดาราศาตร์ เมื่อผ่านร้านกาแฟเปิดใหม่ร้านหนึ่ง สายตาของเจียงหวั่นหวั่นมองผ่านกระจกเข้าไปดูโต๊ะเก้าอี้สีเงินและสีทองอย่างเป็นประกาย
เธอทั้งรู้สึกตื่นเต้นทั้งอยากไปลองร้านที่กำลังเป็นที่โด่งดัง เจียงหวั่นหวั่นหยุดเดิน ก้มหน้าลงมามองห้าวเจ๋อน้อย ยิ้มอย่างมีเลศนัยถามขึ้น “เจ๋อน้อยคนเก่ง ก่อนที่เราจะเข้าไปในพิพิธภัณฑ์ดาราศาตร์กัน อยากกินเค้กสักชิ้นไหมจ้ะ?”
เสี่ยวเจ๋อได้ยินเช่นนั้น ดวงตาโตเป็นประกายขึ้นมาทันที แต่ต่อมากลับเอ่ยปากพูดขึ้นด้วยความผิดหวัง “แม่ไม่ให้หนูกินของหวานเยอะ…เดี๋ยวจะทำให้ฟันผุ”
เจียงหวั่นหวั่นชะงักไป หัวเราะขึ้น “งั้น…น้ากินครึ่งชิ้น หนูกินครึ่งชิ้น เราไม่ต้องบอกแม่โอเคไหม?”
ห้าวเจ๋อน้อยฉีกยิ้มกว้าง จนเห็นลักยิ้มบนใบหน้าอย่างชัดเจน เขายื่นมือน้อยๆออกมาแปะกับฝ่ามือของเจียงหวั่นหวั่น “ตกลงครับ!”
ทั้งสองเดินไปถึงร้านกาแฟ เจียงหวั่นหวั่นสั่งกาแฟหนึ่งแก้ว นมหนึ่งแก้ว และขนมหนึ่งอย่าง จากนั้นพาห้าวเจ๋อน้อยไปหาที่นั่ง
เพิ่งนั่งได้ไม่นานห้าวเจ๋อน้อยอดไม่ได้ที่จะถามขึ้น “คุณน้าหวั่นหวั่น…น้ารู้รึเปล่าว่าใกล้จะถึงวันเกิดของคุณแม่แล้วนะ?”
เจียงหวั่นหวั่นถูกถามจนหยุดชะงักไป เงยหน้าครุ่นคิด “เหมือนจะใช่ ถ้าน้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นอาทิตย์หน้ารึเปล่า?”
หกปีที่ผ่านมานี้ ไป๋เสว่เอ๋อเปลี่ยนวันเกิดตามปฏิทินสากล เพื่อที่จะไม่ให้ใกล้กับวันมรณกรรมของพ่อ ไม่เช่นนั้นเมื่อถึงวันเกิดเธอก็จะคิดถึงวันครบรอบมรณกรรมของพ่อ คงอดไม่ได้ที่จะเสียใจและโศกเศร้า ไม่สบายใจขึ้นมา
ห้าวเจ๋อน้อยพยักหน้าอย่างตั้งใจ พูดขึ้นด้วยท่าทีจริงจัง “ผมคิดไว้แล้วว่าจะให้ของขวัญอะไรกับแม่”
เจียงหวั่นยิ้มตาหยี “ของขวัญอะไรจ้ะ? แอบบอกน้ามาเร็ว!”
ห้าวเจ๋อน้อยยิ้มอย่างมีเลศนัย “นี่เป็นความลับ!”
เจียงหวั่นหวั่นไม่ยอมง่ายๆ ใช้กลวิธีหลอกถามมากมาย ก็ไม่สามารถได้รับคำตอบจากเขา
เมื่อขนมหวานและเครื่องเดิมมาเสิร์ฟ ห้าวเจ๋อน้อยยื่นมือไปหยิบช้อน แต่เขาไม่ทันระวัง แขนเสื้อจึงไปโดนเค้กเปื้อนเนยที่อยู่ด้านบน
“เสี่ยวเจ๋อ…” เจียงหวั่นหวั่นทั้งขำทั้งสงสาร กำลังจะลุกขึ้นไปหยิบทิชชูมาเช็ดให้เขา แต่เด็กน้อยกลับกระโดดลงมาจากเก้าอี้เอง
“คุณน้า ไม่ต้องลุก หนูจะไปขอทิชชูจากพี่สาวคนสวยคนนั้นเอง!”
เขาพูดพลาง วิ่งออกไป
เจียงหวั่นหวั่นมองดูเด็กน้อยด้วยความตลก นึกถึงเมื่อครู่ตอนสั่งขนม ห้าวเจ๋อน้อยชมพี่สาวที่อยู่ที่แคชเชียร์อยู่หลายครั้ง ตอนนี้เข้าใจขึ้นมาทันที
เด็กน้อยคนนี้ รู้จักเหล่สาวตั้งแต่เด็ก โตขึ้นมาจะเป็นยังไงกันนะ?
เจียงหวั่นหวั่นไม่สบายใจ จึงลุกขึ้นเดินตามไป ทันใดนั้นเห็นใครบางคนยืนอยู่
เมื่อเห็นใบหน้าของคนนั้นอย่างชัดเจน สีหน้าเจียงหวั่นหวั่นแข็งทื่อขึ้นมาทันที ใจสั่นชะงักไปทั้งตัว “นาย…”
“ไม่เจอกันนานเลยนะเจ้าโง่!” กู้หลี่เหลียงยักคิ้ว สีหน้าหยอกล้อเอาแต่ใจ ยังคงเหมือนกับเมื่อหกปีก่อน
เมื่อตั้งสติได้ เจียงหวั่นหวั่นขมวดคิ้ว “นายเรียกใครเจ้าโง่! นายนั่นแหละโง่ซื่อบื้อ!”
กู้หลี่เหลียงไม่สนใจ สายตามองไปยังเด็กนอยที่อยู่หน้าเคาน์เตอร์ จากนั้นมองไปที่ใบหน้าของเจียงหวั่นหวั่นที่ทำสีหน้าไม่ค่อยดีนัก “คิดไม่ถึงเลยว่าไม่เจอกันห้าหกปี เธอจะมีลูกชายตัวโตขนาดนี้แล้ว!”
น้ำเสียงแฝงไปด้วยความเยาะเย้ย
เจียงหวั่นหวั่นโมโหจนกระทืบเท้า กำลังจะพูดโต้กลับ ทันใดนั้นคิดบางอย่างขึ้นได้ จึงไม่พูดออกมา “นายมายุ่งอะไรกับฉัน? ฉันจะมีลูกชายตัวโตแค่ไหนเกี่ยวอะไรกับนายด้วย! เสียอารมณ์ซะจริง มาจิบกาแฟสักแก้วต้องมาเจอกับคนแบบนาย!”
ถูกเจียงหวั่นหวั่นต่อว่าไป กู้หลี่เหลียงโกรธขึ้นมาทันที “เอ้ย…นี่เธอ! ตอนแรกว่าจะจ่ายเงินให้! ช่างเถอะ!”
เจียงหวั่นหวั่นย้อนถามอย่างไม่คิดอะไรทันที “จ่ายเงินให้? นายคิดว่านายเป็นเจ้าของร้านหรือไง!”
ได้ยินเช่นนั้น กู้หลี่เหลียงยิ้มขึ้น “ฉันเป็นเจ้าของร้านนี้จริงน่ะสิ”
เมื่อพูดจบ เขามองสีหน้าของเจียงหวั่นหวั่น ลูบคางตัวเอง ถามขึ้นด้วยความสงสัย “เธอแต่งงานแล้วเหรอ? แหม! คิดไม่ถึงเลยจริงๆว่าจะมีคนเอเธอด้วย…”
เมื่อพูดออกมาเช่นนี้ สีหน้าของเจียงหวั่นหวั่นแดงก่ำ เธอกำลังจะพูดโต้กลับ แต่เสียงของเด็กน้อยกลับดังขึ้น “คุณน้าหวั่นหวั่น….”
ห้าวเจ๋อน้อยวิ่งเข้ามา ยื่นมือมากอดขาของเธอแน่น
“คุณน้า?” กู้หลี่เหลียงยักคิ้ว กำลังจะพูดหยอกล้อต่อ เมื่อก้มหน้าลงไปมองหน้าห้าวเจ๋อน้อย สายตาของเขาหยุดชะงักทันที
เด็กน้อยคนนี้…หน้าตาแบบนี้ รูปหน้าเช่นนี้ นี่มันเผยลี่เชินโคลนนิ่งชัดๆ!
เมื่อเห็นสีหน้ากู้หลี่เหลียงผิดปกติไป เจียงหวั่นหวั่นตั้งสติขึ้นมาได้ รีบก้มลงไปอุ้มห้าวเจ๋อน้อยขึ้นมา ให้ตัวของห้าวเจ๋อน้อยหันหลังให้กับกู้หลี่เหลียง พูดขึ้นด้วยเสียงเย็นชา “กู้หลี่เหลียง…นายนี่มันช่างน่ารำคาญ!”
เมื่อพูดจบ เธออุ้มห้าวเจ๋อน้อยเดินไปที่ประตูอย่างรวดเร็ว แต่กู้หลี่เหลียงกลับเดินตามมาอย่างฉับไว ขวางทางเธอไว้ “เดี๋ยวก่อน!”
เขาขมวดคิ้ว สีหน้าจริงจังเคร่งขรึม “เด็กคนนี้ เป็น….ของเผยลี่เชินกับไป๋เสว่เอ๋อใช่ไหม”
“ไม่ใช่!” ไม่ทันรอให้เขาพูดจบ เจียงหวั่นหวั่นก็พูดแทรกขึ้นมาทันที จากนนั้นอุ้มห้าวเจ๋อน้อยออกไปจากร้านกาแฟอย่างรวดเร็ว
เมื่อเธอเดินออกไปไกลจนกระหืดกระหอบแทบไม่มีแรงเดินต่อ จึงค่อยๆก้าวเดินช้าลง
“คุณน้าหวั่นหวั่น…” ห้าวเจ๋อน้อยมองเธอด้วยตาแป๋วกลม ถามขึ้นด้วยเสียงแผ่วเบา “เผยลี่เชินคือใครหรอครับ?”
เมื่อได้ยินห้าวเจ๋อน้อยพูดชื่อนี้ขึ้นมา เจียงหวั่นหวั่นอยากจะยกมือขึ้นมาตบหน้าตัวเอง! ถ้าไป๋เสว่เอ๋อรู้เรื่องนี้ขึ้นมา ไม่อยากจะคิดถึงสิ่งที่ตามมา
ถ้ากู้หลี่เหลียงเอาเรื่องนี้ไปบอกเผยลี่เชิน คงแย่แน่ๆ….
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยของห้าวเจ๋อน้อย เจียงหวั่นหวั่นรีบส่ายหน้า “….ไม่มีอะไรหรอกจ้า”
“เผย…ลี่เชินคือข้าวโอ๊ตใช่ไหมครับ?” ห้าวเจ๋อน้อยพูดอธิบาย แต่น้ำเสียงกลับฟังดูเปลี่ยนไป ไม่รู้ว่าทำไมถึงกุเรื่องกลายเป็น “ข้าวโอ๊ต”ไปได้
เมื่อเจียงหวั่นหวั่นได้ยินเช่นนั้น รีบพยักหน้าลงทันที “ใช่! ถูกต้องจ้ะ! คือข้าวโอ๊ต! เผยลี่เชินเป็นข้าวโอ๊ตแบบใหม่!”
เจียงหวั่นหวั่นพูดกลบเกลื่อนจากนั้นถอนหายใจโล่งอก อุ้มห้าวเจ๋อน้อยขึ้นมา พูดกระซิบ “ห้าวเจ๋อน้อย เรื่องที่พาหนูมากินของหวานที่นี่ ห้ามบอกแม่เด็ดขาดนะ เข้าใจไหม?”
ห้าวเจ๋อน้อยพยักหน้าลงพร้อมพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด “เข้าใจครับ!”
ขณะเดียวกันนั้น ที่บ้านตระกูลเฝิงเขตใต้ แม่ไป๋กำลังนั่งร้องไห้อยู่บนโซฟา
ไป๋เสว่เอ๋อถามแม่ด้วยความใจเย็น “แม่ แม่จะพูดหรือไม่พูด ถ้าไม่พูด หนูกลับแล้วนะ”
แม่ไป๋จับมือของเธอไว้ พูดสะอื้น “เสว่เอ๋อ! ลูกเพียงแต่รู้ว่าตอนนี้แม่ใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย แต่ไม่รู้ถึงความทุกข์กับความลำบากของแม่!”