สัญญาร้ายของประธานปีศาจ – ตอนที่ 391

ตอนที่ 391

ตอนที่ 391 จะไปเดทอย่างนั้นหรือ

ตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเผยลี่เชินนั้นเป็นไปตามข้อตกลงที่ได้คุยกันไว้ หนึ่งเดือนหลังจากนี้ เธอถึงจะสามารถพาห้าวเจ๋อน้อยออกไปได้ และความสัมพันธ์ระหว่างเธอและเผยลี่เชิน รวมไปถึงตระกูลเผยทั้งหมดจะสิ้นสุดลงทันที ทำให้ตอนนี้เธอต้องลดการติดต่อกับทางสมาชิกตระกูลเผยให้เหลือน้อยลงด้วย

เผยลี่เชินเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย และเอ่ยปากออกมาด้วยความสับสนว่า “คุณไม่ได้อ่านเงื่อนไขที่อยู่ในข้อตกลงนั้นหรือไงกัน”

ไป๋เสว่เอ๋อร์รีบพลิกเอกสารในทันที และทันทีที่เธอเห็นเงื่อนไขที่เกี่ยวข้องในข้อตกลงนั้น หน้าของเธอก็ซีดขึ้นมาในทันที

“ทั้งสองฝ่ายจะยังคงต้องรักษาสถานะของการเป็นคู่รักดังเช่นเมื่อหกปีก่อนเอาไว้ และห้ามปฏิเสธคำร้องขอที่สมเหตุสมผลของอีกฝ่าย” เผยลี่เชินอ่านเงื่อนไขที่ระบุอยู่ในข้อตกลงอย่างเบาๆ “ดังนั้น การพาคุณกลับบ้านจึงเป็นคำร้องขอที่ถือว่าสมเหตุสมผล”

มือของไป๋เสว่เอ๋อร์ที่ถือเอกสารเอาไว้กำแน่นขึ้นเล็กน้อย เธอนิ่งเงียบไปเป็นเวลานานและไม่ยอมพูดอะไรต่อ ทันทีที่เธอเห็นชื่อของตัวเองปรากฏอยู่บนเอกสารในตอนท้ายสุดเข้า เธอก็อยากตบตัวเองขึ้นมาแทบจะในทันที

นั่นคือลายเซ็นของเธอ และข้อตกลงนี้เธอก็ยอมรับมันเป็นที่เรียบร้อย ถ้าเกิดว่าตอนนี้เธอจะมาเสียใจทีหลัง เกรงว่ามันก็คงจะสายเกินไปเสียแล้ว

เมื่อได้เห็นท่าทีเช่นนั้นของหญิงสาว ดวงตาของเผยลี่เชินก็ปรากฏให้เห็นรอยยิ้มขึ้นมา เขาเจตนานั่งลงข้างๆ เธอ พร้อมกับพูดขึ้นมาอย่างเบาๆ ว่า “ถ้าเกิดคุณอยากปฏิเสธคำร้องขอนั้น คุณก็ทำได้ คุณสามารถปฏิเสธคำร้องขอที่สมเหตุสมผลนั้นโดยการเลื่อนออกไปเป็นเวลา 10 วัน คุณก็ลองเลือกเอาแล้วกัน”

“คุณนี่มัน!” ไป๋เสว่เอ๋อร์โกรธจนพูดไม่ออก

ในตอนนี้เธอถูกมัดมือชกให้ต้องมาทำในสิ่งที่ไม่อยากทำ ถึงแม้เธอจะรู้สึกเสียใจทีหลังอยู่บ้าง แต่มันก็ไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว เธอจึงทำได้เพียงมุ่งมั่นก้าวต่อไปยังข้างหน้าเท่านั้น

ไป๋เสว่เอ๋อร์กำหมัดแน่น และขบริมฝีปากล่างด้วยฟันของเธอ สุดท้ายแล้ว เธอก็ยอมพยักหน้าและตอบตกลง “ตกลงค่ะ ฉันจะกลับไปกับคุณ”

เธอสามารถกลับไปกับเขาได้ แต่ว่าเธอจะให้ความร่วมมือมากน้อยแค่ไหนนั้น เขาเองก็ไม่สามารถที่จะควบคุมผลลัพธ์นั้นได้

เมื่อเห็นว่าหญิงสาวตกปากรับคำกลับมาแล้ว เผยลี่เชินก็ยิ้มขึ้นที่มุมปาก “อือ คุณรีบพักผ่อนเถอะ”

เมื่อเขาพูดจบ เขาก็เดินจากไปในทันที

ไป๋เสว่เอ๋อร์กำหมัดแน่น ทันใดนั้น เธอก็เรียกให้เขาหยุดในทันที “ฉันมีเรื่องอยากขอร้องคุณอีกเรื่องค่ะ เรื่องทั้งหมดนี้เกี่ยวข้องกับห้าวเจ๋อน้อย ฉันจะไม่ยอมให้เขาต้องกลายเป็นเบี้ยต่อรองในข้อตกลงนี้”

เผยลี่เชินหยุดชะงักในทันที จากนั้นเขาก็หันหลังกลับมามองไป๋เสว่เอ๋อร์ พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงที่เด็ดขาดว่า “ไม่ต้องกังวลไปหรอก เขาเป็นลูกของผม ผมไม่มีทางใช้เขาเพื่อหาประโยชน์อย่างแน่นอน”

เมื่อเขาพูดจบ เขาก็เดินออกไปจากห้องทันที

เมื่อร่างเงาของชายหนุ่มหายลับไปจากสายตาของเธอแล้ว ไป๋เสว่เอ๋อร์จึงถอนหายใจด้วยความโล่งใจออกมาเฮือกใหญ่

ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ตาม ในเมื่อเธอถูกบังคับให้ต้องมาอยู่ด้วยสถานะแบบนี้ ไม่ว่าเขาจะมาวิธีไหน เธอก็จะต้องสามารถรับมือให้ได้ เธอไม่มีอะไรให้ต้องกลัวอีกต่อไป

ไป๋เสว่เอ๋อร์เปิดโทรศัพท์มือถือของเธอ เมื่อเธอได้อ่านข้อความที่ยังไม่ได้อ่านและดูสายที่ไม่ได้รับทั้งหมดแล้ว เธอก็เห็นว่าคนที่โทรมาหาเธอมากที่สุดนั้นก็คือลู่เหยานั่นเอง

ไป๋เสว่เอ๋อร์สูดหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นเธอก็โทรศัพท์กลับไปหาเขา ทันทีที่มีเสียงโทรศัพท์ต่อสายดังขึ้น ปลายสายก็รับในทันที “ฮัลโหล เสว่เอ๋อร์! คุณเป็นยังไงบ้าง”

“ลู่เหยา ฉันสบายดีค่ะ คุณวางใจได้” ไป๋เสว่เอ๋อร์รู้สึกกังวลขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เมื่อนึกถึงตอนที่เธอเพิ่งจะเซ็นสัญญาข้อตกลงระหว่างเผยลี่เชินไปเมื่อครู่นี้ เธอรู้สึกผิดและไม่รู้ว่าควรจะเล่าเรื่องนี้ให้ลู่เหยาฟังอย่างไรดี

“คุณอยู่ที่ไหน ผมจะไปรับคุณกับห้าวเจ๋อน้อย เผยลี่เชินไม่ได้ทำร้ายพวกคุณใช่ไหม”

“ลู่เหยา” ไป๋เสว่เอ๋อร์นิ่งไปครู่หนึ่ง “ฉันตัดสินใจทำบางอย่างลงไปแล้วค่ะ ทำให้ 1 เดือนนี้ ฉันจะต้องอยู่กับเผยลี่เชิน”

ปลายสายอึ้งไปครู่หนึ่ง “ทำไมล่ะ เสว่เอ๋อร์ คุณ……”

“ฉันรู้ดีว่าบางทีคุณอาจจะไม่เข้าใจ แต่ตอนนี้เผยลี่เชินรู้แล้วว่าห้าวเจ๋อน้อยคือลูกของเขา เขาบอกให้พวกเราอยู่กับเขาเป็นเวลาหนึ่งเดือน แล้วหลังจากนั้น เขาจะปล่อยพวกเราไป ฉันตกปากรับคำเห็นด้วยในเรื่องนั้นไปแล้วค่ะ”

“คุณตกลงไปได้ยังไงกัน!” ทันใดนั้น เสียงของลู่เหยาก็ดังขึ้นมาทันที “ตอนนี้เขาไม่ยอมให้คุณไปจากเขาแน่ ไม่ต้องพูดถึงอีก 1 เดือนต่อจากนี้เลย! เสว่เอ๋อร์ คุณบอกผมทีว่าตอนนี้พวกคุณอยู่ที่ไหนกัน ผมจะไปคุยกับเขาเอง!”

ไป๋เสว่เอ๋อร์กัดฟัน และยังคงพูดต่อไปว่า “ลู่เหยา เรื่องนี้ฉันตัดสินใจไปแล้วค่ะ ฉันมีเหตุผลของฉันในการทำแบบนี้ คุณอย่าเข้ามายุ่งเรื่องนี้ดีกว่าค่ะ”

ประโยคเหล่านี้ค่อนข้างไร้เยื่อใยและเลือดเย็นมากทีเดียว ลู่เหย่าอึ้งไปครู่หนึ่ง และนิ่งเงียบเป็นเวลานาน สุดท้ายแล้ว เขาก็เอ่ยปากพูดออกมาว่า “ในเมื่อคุณตัดสินใจแล้ว ผมก็คงจะไม่พูดอะไรมากแล้วล่ะ แต่ว่าถ้าเกิดคุณอยากให้ผมช่วยอะไรล่ะก็ คุณต้องบอกผมนะ”

เมื่อได้ยินดังนั้น ภายในใจของไป๋เสว่เอ๋อร์ก็รู้สึกละอายใจขึ้นมาในทันที เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และตกปากรับคำอย่างแผ่วเบา

หลังจากที่วางสายแล้ว เธอก็หวนนึกถึงความห่วงใยที่มากขึ้นทีละเล็กทีละน้อยของลู่เหยาตลอด 6 ปีที่ผ่านมานี้โดยไม่รู้ตัว เธอรู้สึกละอายใจ และเคยคิดที่จะชดเชยให้เขาด้วย แต่ทว่าในท้ายที่สุดแล้ว เขาก็จะปฏิบัติต่อเธอดีขึ้นมากกว่าที่เธอปฏิบัติต่อเขา การปฏิบัติต่อกันกลับไปมาเช่นนี้จะยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าเธอจะไม่สามารถตอบแทนเขากลับไปได้

แต่ทว่าความรักนั้นไม่อาจที่จะเปลี่ยนกันได้ในทันที ถ้าเกิดว่าเธอตอบรับลู่เหยาเพียงเพื่อจะตอบแทนเขาเท่านั้นแล้วล่ะก็ สุดท้ายแล้ว คนที่จะต้องเจ็บปวดที่สุดก็คือพวกเขาทั้งสองคน

เพียงพริบตาเดียว ตอนบ่ายของวันถัดไปก็มาถึง ไป๋เสว่เอ๋อร์กำลังจะเตรียมตัวที่จะเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อออกไปข้างนอกกับเผยลี่เชิน แต่ใครจะไปคาดคิดว่าฉีเฟิงจะเดินเอาเสื้อผ้ามาส่งให้เธอถึงที่โดยเฉพาะ

“คุณหนูไป๋ ไม่เจอกันตั้งนานนะครับ” ฉีเฟิงยิ้มให้กับหญิงสาว จากนั้นก็นำเสื้อผ้าที่ถืออยู่ในมือส่งให้กับเธอทันที “นี่คือเสื้อผ้าที่ประธานเผยเลือกให้คุณเป็นพิเศษครับ เอาไว้สำหรับสวมใส่ในเย็นวันนี้”

ไป๋เสว่เอ๋อร์ยิ้มให้กับเธอ หลังจากที่รับเสื้อผ้าชุดนั้นมาแล้ว เธอก็หันหลังและกลับเข้าห้องไป

มันคือชุดเสื้อผ้าสไตล์เสี่ยวเซียงเฟิง ซึ่งเป็นเสื้อผ้าเข้าชุดกันที่ทั้งทันสมัย สง่างามและแสดงออกถึงความรู้สึกนึกคิดของผู้หญิงเป็นอย่างดี เสื้อผ้าชุดนี้มีสีเบจอ่อน สวยหรูดูสง่างาม และสามรถขับความเป็นตัวตนของเธอได้ดี ถือว่าเป็นเสื้อผ้าที่เหมาะสำหรับการพบกับผู้ใหญ่เป็นที่สุด

แต่วันนี้เธอจะต้องไปพบกับคุณพ่อเผย ทุกครั้งนั้นคุณพ่อเผยก็มักจะคอยถามไถ่สารทุกข์สุกดิบอยู่เสมอ วันนี้ไป๋เสว่เอ๋อร์ไม่อยากที่จะแต่งตัวมากเกินไปเท่าไรนัก แต่เมื่อนึกถึงเงื่อนไขที่ระบุอยู่ในข้อตกลงระยะเวลา 30 วันนั้นได้ขึ้นมา ความกล้าหาญของเธอก็หมดลงไปอย่างสิ้นเชิง

สุดท้ายแล้ว ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็สวมเสื้อผ้าชุดนั้น และแต่งหน้าเบาๆ เล็กน้อย จากนั้นก็เดินออกไปจากห้อง

เมื่อเดินไปถึงยังห้องนั่งเล่น และเห็นเผยลี่เชินกับห้าวเจ๋อน้อยกำลังนั่งอยู่บนโซฟาและอ่านนิตยสารด้วยกันอยู่ ขณะที่เธอกำลังจะเอ่ยปากพูดออกมานั้น พวกเขาทั้งสองคนก็เงยหน้าขึ้นมาและมองเป็นสายตาเดียวกันไปที่เธอที่กำลังเดินเข้าไปหาพอดี

“ว้าว!” ห้าวเจ๋อน้อยลุกขึ้นมาจากโซฟา และรีบวิ่งมาหาเธอในทันที “หม่าม้าสวยจังเลยฮะ!”

เมื่อได้ยินคำชมและได้รับอ้อมกอดที่แสนจริงใจจากห้าวเจ๋อน้อยที่อยู่ตรงหน้า ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็รู้สึกมีความสุขขึ้นมาในทันที เธอโน้มตัวลงไปอุ้มเด็กน้อยขึ้นมา “ตัวแค่นี้ปากหวานจังนะเรา หรือว่ากินน้ำผึ้งเข้าไปกันเอ่ย”

ห้าวเจ๋อน้อยหัวเราะคิกคัก และจับที่คอของไป๋เสว่เอ๋อร์ ทันใดนั้น เขาก็โน้มตัวเข้าไปหาเธอ พร้อมกับกระซิบเบาๆ เอ่ยถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่ดูลึกลับว่า “วันนี้หม่าม้าจะไปเดทกับคุณอาข้าวโอ๊ตเหรอฮะ”

เมื่อได้ยินดังนั้น ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็พูดอะไรไม่ออก เธอไม่รู้ว่าจะเศร้าหรือว่าหัวเราะดี เธอคาดไม่ถึงว่าเด็กน้อยอายุเพียงห้าขวบคนนี้จะเอ่ยปากพูดอะไรแบบนี้ออกมาได้ เธอยกมือขึ้นมาและหยิกแก้มเล็กๆ ของเขาอย่างเบามือ และพยายามปรับความคิดของเขา “ไม่ใช่ไปเดทสักหน่อย อย่าล้อเล่นสิจ๊ะ!”

ทันทีที่หญิงสาวพูดจบ ก็มีเสียงทุ้มต่ำดังขึ้นมาจากข้างกายทันทีว่า “ใครว่าไม่ใช่เดทล่ะ”

เมื่อไป๋เสว่เอ๋อร์เงยหน้าขึ้น เธอจึงเห็นว่าเผยลี่เชินกำลังยืนอยู่ข้างๆ เธอ และก้มมองพวกเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม

แก้มทั้งสองข้างของหญิงสาวเปลี่ยนเป็นสีแดงเรื่อในทันที เธอรีบเอ่ยปากพูดออกไปว่า “คุณอย่าล้อเล่นสิคะ…”

เผยลี่เชินยิ้ม และเลือกที่จะเมินเฉยคำพูดของหญิงสาว พร้อมกับหันไปมองห้าวเจ๋อน้อย “เสี่ยวเจ๋อ พวกเราสองคนต้องไปแล้วล่ะ เมื่อกี้ที่คุณอาพูดกับหนูไว้ หนูยังจำได้ไหมครับ”

ห้าวเจ๋อน้อยรีบพยักหน้าทันที พร้อมกับดิ้นไปมาเพื่อเป็นสัญญาณบอกให้ไป๋เสว่เอ๋อร์วางเขาลง

ไป๋เสว่เอ๋อร์รู้สึกสับสนอย่างมาก เธอมองพวกเขาทั้งสองคนด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย “พวกคุณคุยอะไรกันเหรอคะ”

ห้าวเจ๋อน้อยขยิบตาให้เธออย่างลึกลับ “ความลับฮะ”

เมื่อเด็กน้อยพูดจบ เขาก็รีบวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็วในทันที

ขณะที่ไป๋เสว่เอ๋อร์ยังคงงงงวยกับคำพูดของเด็กน้อย ทันใดนั้น เธอก็รู้สึกได้ว่าไหล่ของเธอนั้นหนักขึ้น จากนั้น ร่างกายของเธอก็ถูกใครบางคนคว้าเข้าไปกอดเอาไว้แน่นอย่างอบอุ่นเสียแล้ว

ด้วยอารามตกใจ ไป๋เสว่เอ๋อร์รีบยกมือขึ้นมาแกะอ้อมกอดของชายหนุ่มทันที แต่ทว่ากลับถูกมืออีกข้างหนึ่งของชายหนุ่มเอื้อมมาจับและห้ามเอาไว้ เผยลี่เชินก้มลงมามองเธอ และกระซิบเบาๆ ว่า “พวกเราควรจะไปได้แล้ว”

ไป๋เสว่เอ๋อร์รู้สึกประหม่าขึ้นโดยไม่รู้ตัว “คุณ…ปล่อยฉันนะ!”

เผยลี่เชินเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย และไม่ยอมปล่อยเธอแต่อย่างใด “หรือว่าพอถึงบ้านของคุณพ่อผมแล้ว เวลาที่อยู่ต่อหน้าคุณพ่อ คุณจะไม่อยากให้ผมกอดคุณเอาไว้แบบนี้ด้วย”

ไป๋เสว่เอ๋อร์โต้กลับไปด้วยความโมโหว่า “พวกเราแค่ทำตามข้อตกลง 1 เดือนนั่นเท่านั้น….จะมาวุ่นวายให้มากทำไมกัน”

เมื่อเห็นท่าทีที่ดูเป็นกังวลของหญิงสาว เผยลี่เชินก็ยิ้มขึ้นมาที่มุมปาก ทันใดนั้น เขาก็โน้มตัวลงและจูบเข้าไปที่แก้มของเธอโดยทันที

เมื่อจูบสั้นๆ อันแสนเบาบางนั้นจบลง ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็นิ่งอึ้ง และไม่ได้โต้ตอบอะไรชายหนุ่มกลับไป “คุณ…..”

เผยลี่เชินโน้มตัวเข้าไปใกล้ๆ ใบหูของหญิงสาว และกระซิบด้วยเสียงที่แสนแผ่วเบาว่า “อย่าพูดว่ามันวุ่นวายเลย ทำแบบนี้มันก็ไม่ผิดอะไรนี่ ในข้อตกลงก็เขียนไว้แล้วว่าต้องปฏิบัติตัวในฐานะคู่รักที่มีความสัมพันธ์กันตามปกติ เรื่องแบบนี้ก็ควรจะต้องทำด้วยใช่ไหมล่ะ”

สัญญาร้ายของประธานปีศาจ

สัญญาร้ายของประธานปีศาจ

Status: Ongoing

บริษัทไป๋ซื่อเกิดเรื่องใหญ่ในด้านการเงิน พ่อของเธอถูกตำรวจพาไป แม่ของเธอก็ป่วย ร่างกายยิ่งอ่อนแอขึ้น เธอต้องการเงิน ต้องการหลักฐาน นอกจากเผยอี้แล้ว เธอนึกไม่ออกว่ายังมีใครที่จะสามารถช่วยเธอได้ แต่สุดท้าย เธอเพียงแค่ได้รับความเยาะเย้ยจากเขา ยังดีที่เผยลี่เชินออกมาช่วยเธอตอนที่เธอสิ้นหวัง ไป๋เสว่เอ๋อร์มอบตัวเองให้กับเขา แต่ความสัมพันธ์ของสองคนกลับยังไม่จบ พวกเขาจะมีเรื่องอะไรกันต่อนะ? คำแนะนำนวนิยาย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท