ตอนที่ 397 กล้าทำร้ายภรรยากับลูกของผมอย่างนั้นเหรอ
“ใครปากดีเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้แกฟังอีกล่ะ” คุณแม่ไป๋พูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจปนรำคาญเล็กน้อย “เสว่เอ๋อร์ ลูกไม่ต้องกังวลไปหรอก แม่ไม่เป็นไร แม่จะไม่ยอมให้ใครมากลั่นแกล้งแม่ได้หรอก”
“แม่คะ คนอื่นมากลั่นแกล้งแม่หรือว่าแม่ไปกลั่นแกล้งคนอื่นกันแน่ แม่ไม่ควรมีความคิดแบบนั้นตั้งแต่แรกเลยนะ ตอนนี้แม่เป็นภรรยาโดยชอบธรรมของเฝิงเจิ้นปาง ถึงแม้ว่าเขาจะมีลูกตามกฎหมาย หรือว่าเป็นลูกนอกสมรสก็ตาม เขาก็ไม่มีทางปฏิบัติกับแม่อย่างไม่ยุติธรรมได้หรอก!”
“เสว่เอ๋อร์ ลูกไม่เข้าใจ ตอนนี้แม่มีธุระ แค่นี้ก่อนนะ……”
ไป๋เสว่เอ๋อร์รีบโต้ตอบกลับไปในทันทีว่า “แม่คะ! แม่ยังไม่เข้าใจอีกเหรอ ตอนนี้เฝิงเจิ้นปางไม่ได้อยู่ที่ไห่เฉิง แม่ไปกลั่นแกล้งคนอื่นเขาแบบนี้ แล้วถ้าพวกเขาตอบโต้กลับมาบ้าง พร้อมกับบอกเฝิงเจิ้นปางว่าทั้งหมดนี้เป็นฝีมือของแม่ล่ะ แม่คิดว่าสุดท้ายแล้วใครกันแน่ที่จะเป็นฝ่ายแพ้น่ะ”
“เรื่องนั้น…” คุณแม่ไป๋อึ้งไปครู่หนึ่ง เมื่อถูกไป๋เสว่เอ๋อร์พูดแบบนี้เข้า เธอก็เข้าใจขึ้นมาในทันที “แม่ไม่ได้คิดอะไรมากมาย…..”
ในตอนนี้ คุณแม่ไป๋แค่คิดว่าคนพวกนั้นขวางหูขวางตาเธอก็เท่านั้น ทำให้เธอลืมนึกถึงเรื่องราวพวกนี้ไปอย่างสิ้นเชิง
“แม่คะ หนูอยากจะขอร้องให้แม่หยุดทำเรื่องนี้สักที ตอนนี้หนูอยู่ที่ไห่เฉิงแล้ว และหนูกำลังจะไปขอโทษพวกเขาเดี๋ยวนี้ แม่ไม่ต้องสร้างเรื่องให้มันวุ่นวายอีกจะได้ไหมคะ”
คุณแม่ไป๋ตกปากรับคำอย่างลังเล “ก็ได้… แม่จะไม่ก่อเรื่องอีกแล้ว”
เมื่อได้ยินคุณแม่ไป๋พูดแบบนั้นแล้ว ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งใจทันที พร้อมกับกำชับคุณแม่ด้วยคำพูดเรียบง่ายอีกเล็กน้อย ก่อนที่จะกดวางสายไป
ห้าวเจ๋อน้อยที่นั่งอยู่ข้างๆ รู้สึกหวาดกลัวจากน้ำเสียงที่ดูดุดันและโกรธเกรี้ยวของไป๋เสว่เอ๋อร์เมื่อครู่อย่างเห็นได้ชัด เขาค่อยๆ โน้มตัวเข้าไปหาหญิงสาวอย่างระมัดระวัง พร้อมกับกระซิบถามออกไปว่า “หม่าม้า ทำไมหม่าม้าต้องโกรธด้วยละฮะ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ยกมื้อขึ้นมาลูบศีรษะน้อยๆ ของห้าวเจ๋อน้อย จากนั้นก็พูดอย่างแผ่วเบาออกไปว่า “ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ หม่าม้าก็แค่ล้อเล่นกับคุณยายของหนูก็เท่านั้นเอง”
เมื่อรถยนต์เคลื่อนที่ไปได้ครึ่งทางแล้ว ทันทีที่เห็นซูเปอร์มาร์เก็ตริมถนนเข้า ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็บอกให้คนขับรถจอดรถสักครู่ จากนั้น เธอก็พาห้าวเจ๋อน้อยเดินไปซื้อกล่องของขวัญจำนวนมากมาย
ในเมื่อเธอกำลังจะแวะไปขอโทษพวกเขา เป็นธรรมดาที่เธอจะต้องหาอะไรติดไม้ติดมือไปด้วยเล็กน้อย แต่ถ้าเกิดว่าอีกฝ่ายไม่ยอมให้อภัยและรับคำขอโทษนี้แล้วล่ะก็ ความสัมพันธ์ระหว่างเฝิงเจิ้นปางกับคุณแม่ไป๋คงจะยิ่งห่างกันไกลมากขึ้น และเกรงว่าเรื่องราวในครั้งนี้จะยิ่งซับซ้อนมากขึ้นกว่าเดิมด้วย
ขณะที่เธอนำของขวัญที่ซื้อไว้เรียบร้อยมาถึงยังเขตชุมชนแล้ว ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็อาศัยหมายเลขอาคารและบ้านเลขที่ที่เจียงหวั่นหวั่นให้มา และพาห้าวเจ๋อน้อยเดินตามหาบ้านของพวกเขาไปทั่วบริเวณเขตชุมชนแห่งนั้น
ในที่สุด พวกเขาก็หาบ้านหลังนั้นพบจนได้ บ้านของพวกเขาตั้งอยู่ที่บริเวณชั้นหนึ่ง ไป๋เสว่เอ๋ฮร์จูงมือห้าวเจ๋อน้อยเดินยังไปบริเวณประตูทางเข้า จากนั้น เธอก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ และยกมือขึ้นมาเคาะประตูทันที
ทันใดนั้น ก็มีเสียงของผู้หญิงดังขึ้นมาจากภายในห้อง “ใครคะ”
“ขอโทษนะคะ ที่นี่ใช่บ้านของคุณเจียงอวี่หรือเปล่าคะ”
ทันทีที่เธอพูดจบ ประตูห้องก็ถูกเปิดออกมา ผู้หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งกำลังยืนอยู่ที่บริเวณหน้าประตูบ้าน หลังจากที่เธอเหลือบมองดูไป๋เสว่เอ๋อร์และห้าวเจ๋อน้อยตั้งแต่หัวจรดเท้า เธอก็เอ่ยปากถามออกมาด้วยสีหน้าที่เย็นชาว่า “คุณเป็นใคร”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ยิ้มให้กับหญิงสาว “คุณคือคุณแม่ของคุณเจียงอวี่ใช่ไหมคะ ดิฉันเป็นลูกสาวของคุณหวีฮุ่ยค่ะ”
หวีฮุ่ย คือชื่อจริงของคุณแม่ไป๋นั่นเอง
เมื่อได้ยินประโยคสุดท้ายเข้า สีหน้าของหญิงสาวคนนั้นก็เปลี่ยนไปในทันที “คุณมาทำอะไรที่นี่!”
“คุณอย่าเข้าใจดิฉันผิดไปค่ะ ฉันมาที่นี่เพื่อมาขอโทษพวกคุณค่ะ” ขณะที่ไป๋เสว่เอ๋อร์พูดอยู่นั้น เธอก็นำของขวัญที่ถืออยู่ในมือส่งให้กับผู้หญิงคนนั้น เพื่อแสดงถึงเจตนารมณ์ของเธอ “ฉันรู้ค่ะว่าเมื่อวานคุณแม่ของฉันได้ล่วงเกินพวกคุณ และทำให้พวกคุณต้องรู้สึกขุ่นเคืองใจ ดังนั้น ฉันก็เลยมาที่นี่…….”
ขณะที่ไป๋เสว่เอ๋อร์ยังไม่ทันพูดจบดีนั้น ผู้หญิงคนนั้นก็เอื้อมมือออกมา และหยิบสิ่งของที่อยู่ในมือของไป๋เสว่เอ๋อร์ พร้อมกับโยนทิ้งออกไปในทันที “ไป! ออกไปเดี๋ยวนี้! ใครอยากจะได้คำขอโทษจากคนอย่างพวกเธอกัน!”
ไป๋เสว่เอ๋อร์รู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก ขณะที่เธอยังไม่ทันได้เอ่ยปากอธิบายอะไรออกไป ใครจะคาดคิดว่าจะมีใครอีกคนปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหลังของประตู ชายหนุ่มในวัย 20 ต้นๆ เอ่ยปากถามออกไปว่า “แม่ครับ พวกเขาเป็นใครเหรอครับ”
“ลูกสาวของนังผู้หญิงปากร้ายเมื่อวานนี้ไง! ปากก็บอกว่ามาเพื่อขอโทษพวกเรา แต่ใครจะไปรู้ว่าจริงๆ แล้วตั้งใจจะมาทำอะไรกันแน่!”
ผู้ชายคนนั้นคือเจียงอวี่ และทันทีที่เขาได้ยินประโยคนี้เข้า สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปโดยฉับพลัน เขารีบพาคุณแม่ให้ยืนอยู่ข้างๆ จากนั้นก็แทรกตัวไปยืนอยู่ที่ด้านหน้า พร้อมกับตะโกนใส่ไป๋เสว่เอ๋อร์ทันทีว่า “ออกไปเดี๋ยวนี้! เจอพวกคุณทีไรก็มีแต่ปัญหาทั้งนั้น! แถมยังจะมีหน้ามาที่นี่อีก! ยังกล้ามาขอโทษอีกเหรอ!”
ขณะที่เจียงอวี่ตะโกนอยู่นั้น ทันทีที่เขาเห็นกล่องของขวัญที่กระจัดกระจายอยู่ที่พื้น เขาก็รีบก้มตัวลงไปเก็บพวกมันขึ้นมา จากนั้นก็ปาใส่ไป๋เสว่เอ๋อร์ในทันที
“พวกคุณใจเย็นก่อนนะคะ……”
ทันใดนั้น ร่างกายของไป๋เสว่เอ๋อร์ก็โดนปาของใส่เข้าอย่างจัง เธอขมวดคิ้วขึ้นด้วยความเจ็บปวด เมื่อเห็นว่าพวกเขาแม่ลูกต่างไร้เหตุผลและไม่อาจควบคุมอารมณ์ได้ เธอก็กลัวว่าห้าวเจ๋อน้อยอาจจะบาดเจ็บขึ้นมา เธอจึงรีบอุ้มเขาและวิ่งหนีไปในทันที
เจียงอวี่ไม่ยอมลดราวาศอก เขารีบวิ่งตามไป๋เสว่เอ๋อร์ไปในทันที “หวีฮุ่ยอยู่ไหน! แน่จริงก็ให้นังนั่นมาเองสิ! ถ้าเมื่อวานผมไม่โดนคนห้ามไว้ก่อนล่ะก็ ผมคงจัดการนังผู้หญิงคนนั้นให้รู้ดำรู้แดงไปแล้ว!”
เมื่อเธอวิ่งหนีออกไปยังบริเวณทางเข้าของอาคารได้แล้ว ไป๋สว่เอ๋อร์ก็ถูกปาข้าวของใส่ที่ด้านหลังหลายต่อหลายครั้ง เธอกัดฟันและรีบวิ่งหนีให้เร็วมากยิ่งขึ้น เมื่อเธอได้ยินเสียงดังขึ้นมาจากด้านหลังของเธอ เธอก็หันกลับไปมองด้วยความสับสน ขณะที่เธอยังไม่ทันได้หันกลับมาข้างหน้าอีกทีนั้น ทันใดนั้น เธอก็สะดุดอะไรบางอย่างเข้า และทำให้ทั้งตัวเธอนั้นหกล้มลงไปกองอยู่กับพื้นในทันที!
เธอยังคงกอดห้าวเจ๋อน้อยเอาไว้ในอ้อมแขน ถ้าเกิดว่าเธอหกล้มลงไปล่ะก็ เด็กชายตัวน้อยคนนี้ก็จะต้องหกล้มลงไปพร้อมกับเธออย่างแน่นอน!
ภายในหัวของเธอรู้สึกหวั่นวิตกอย่างมาก สมองของไป๋เสว่เอ๋อร์ขาวโพลนไปหมด ในตอนนั้นมันคือวินาทีแห่งความเป็นความตาย ทันใดนั้น จู่ๆ บริเวณแขนของเธอก็ถูกแรงอะไรบางอย่างเข้ามาจับไว้แน่นฃ จากนั้น แรงนั้นก็คว้าตัวเธอเข้าไปกอดเอาไว้ในอ้อมแขนทันที
ไป๋เสว่เอ๋อร์เงยหน้าขึ้นมาด้วยความสับสน ทันทีที่เธอเห็นดวงตาของเผยลี่เชินที่เต็มไปด้วยความเด็ดขาดและความแข็งแกร่ง หัวใจของเธอก็รู้สึกหนักอึ้งและทรุดลงในทันที
“ลุกขึ้นยืน” เผยลี่เชินสั่งหญิงสาวด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำ “คุณคอยดูแลเสี่ยวเจ๋อให้ดีนะ”
ทันทีที่เขาพูดจบ เขาก็ก้าวไปยืนข้างหน้า และใช้ร่างกายของเขายืนบังไป๋เสว่เอ๋อร์เอาไว้
เจียงอวี่ที่ไล่ตามเธอมาด้วยความโกรธเกรี้ยว เมื่อเห็นเผยลี่เชินเข้า เขาก็ชะงักและหยุดนิ่งไปครู่หนึ่งโดยไม่รู้ตัว “คุณ…คิดจะทำอะไรน่ะ!”
“ผมต่างหากที่ควรจะเป็นฝ่ายถามคุณ” ขณะที่เผยลี่เชินพูดอยู่นั้น เขาก็ก้มลงไปเก็บกระป๋องเหล็กขนาดเล็กที่อยู่ในกล่องของขวัญพวกนั้นขึ้นมาจากพื้น จากนั้น เขาก็นำมันมาหมุนเล่นอยู่ภายในมือ
เจียงอวี่พูดออกมาด้วยความมั่นใจอย่างตรงไปตรงมาว่า “เมื่อวานแม่ของผู้หญิงคนนั้นมาส่งเสียงดังก่อเรื่องวุ่นวายที่บ้านของผม! แถมยังทำให้ทุกคนที่อยู่ในละแวกนี้รู้กันหมดว่าผมเป็นลูกนอกสมรส แล้ววันนี้ผู้หญิงคนนี้ก็ยังกลับมาที่นี่อีก! ไหนคุณบอกสิว่าทำแบบนี้มันหมายความว่ายังไง!”
ทันใดนั้น สีหน้าของเผยลี่เชินก็ดูอึมครึมขึ้นมาทันที “นี่คือเหตุผลที่คุณทำร้ายภรรยาและลูกของผมอย่างนั้นเหรอครับ”
ชายหนุ่มไม่รอให้เจียงอวี่ตอบคำถามของเขา เขาหยิบกระป๋องเหล็กที่อยู่ในมือของเขา และปาเข้าไปที่หัวของเจียงอวี่อย่างรุนแรงในทันที
เจียงอวี่ตะโกนร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เขาถอยหลังไปสองก้าวและสายตาของเขานั้นก็จ้องเผยลี่เชินด้วยความระมัดระวัง “คุณ…คุณมาทำร้ายผมทำไม!”
เผยลี่เชินเดินก้าวไปข้างหน้า แต่ละก้าวของเขานั้นดูหนักแน่นและน่ากลัวทีเดียว “แล้วคุณไปทำร้ายพวกเขาทำไมล่ะ”
ครู่หนึ่งนั้น เจียงอวี่ไม่อาจพูดอะไรออกมาได้ ประจวบเหมาะกับที่ผู้หญิงอีกคนหนึ่งวิ่งตามมาทันพอดี เมื่อเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว เธอก็ตบหน้าขาและร้องตะโกนเรียกคะแนนความน่าสงสารขึ้นมาในทันที “ดูสิมารังแกกันอีกแล้ว! เมื่อวานเป็นยัยหวี่ฮุ่ย! ส่วนวันนี้ก็ถึงตาลูกสาวของยัยนั่นสินะ! ไม่ยอมให้คนอื่นเขาได้ใช้ชีวิตอยู่อย่างสงบสุขเลยใช่ไหม!”
บรรดาผู้คนที่ยืนมองดูเหตุการณ์อยู่ในบริเวณใกล้เคียงแถวนั้น เมื่อได้ยินผู้หญิงคนนั้นพูดขึ้นมาแบบนี้เข้า ต่างก็พากันเดินมามุงล้อมรอบ พร้อมกับชี้ไปที่พวกเขาทุกคนในทันที
เผยลี่เชินขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย เขาจ้องไปที่ผู้หญิงคนนั้นสักครู่หนึ่ง ทันใดนั้น เขาก็ตะโกนออกมาด้วยเสียงทุ้มต่ำทันทีว่า “หุบปากเดี๋ยวนี้!”
ผู้หญิงคนนั้นจ้องมองไปที่เผยลี่เชิน จากนั้นก็ร้องไห้โวยวายเสียงดังในทันที นอกจากเธอจะไม่ยอมเงียบปากแล้ว เธอยังส่งเสียงให้ดังมากขึ้นไปอีกด้วย
เผยลี่เชินขมวดคิ้ว จากนั้น เขาก็หยิบโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงออกมา และกดต่อสายออกไป “สวัสดีครับ 110 ใช่ไหมครับ คุณช่วยมาที่สวนเอดอนหน่อยได้ไหมครับ ตอนนี้มีคนกำลังทำร้ายกัน และกำลังสร้างความวุ่นวายให้กับผู้พักอาศัยโดยรอบอยู่……”
“หยุดนะ!” ขณะที่เผยลี่เชินยังไม่ทันพูดจบนั้น เจียงอวี่ที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไป เขาหันกลับไปมองผู้หญิงคนนั้นที่ยืนอยู่ด้านหลัง “แม่ครับ เลิกร้องไห้ได้แล้ว!”
ผู้หญิงวัยกลางคนคนนั้นรีบเงียบเสียงลงในทันที และมองเผยลี่เชินกับไป๋เสว่เอ๋อร์อย่างระมัดระวังตัว
ไป๋เสว่เอ๋อร์วางห้าวเจ๋อน้อยลง จากนั้นก็เอื้อมมือไปจับมือของเผยลี่เชิน พร้อมกับกระซิบบอกเขาว่า “ช่างเขาเถอะค่ะ”
เธอเองก็คิดมาก่อนบ้างแล้วว่าบางทีอีกฝ่ายอาจจะไม่ยอมรับในคำขอโทษของพวกเธอ แต่เธอกลับนึกไม่ถึงเลยว่าเรื่องราวจะวุ่นวายและสร้างความอับอายได้มากถึงเพียงนี้
สีหน้าของเผยลี่เชินดูอึมครึม เขาเก็บโทรศัพท์มือถือไป แต่กลับไม่ยอมลดราวาศอกแม้แต่นิดเดียว “ในเมื่อเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาแล้ว จะให้ผมปล่อยไปได้ยังไงกัน”