ตอนที่ 433 จุดอ่อนเพียงหนึ่งเดียว
ได้ยินน้ำเสียงที่คุ้นเคย ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็หันหน้ากลับไปในทันที พอเห็นชายหนุ่มที่อยู่ด้านหลัง ปลายจมูกก็รู้สึกแสบร้อนขึ้นมา ความรู้สึกละอายใจเกิดขึ้นมาโดยอัตโนมัติ
“ฉัน…ฉันทำห้าวเจ๋อน้อยหายไปแล้ว โทษฉันคนเดียว…”
เห็นท่าทางที่ลนลานของหญิงสาว เผยลี่เชินก็ปวดใจไม่หยุด เขาจะไม่เข้าใจได้ยังไงกัน ผู้หญิงอย่างเธอเช่นนี้ เห็นลมเห็นคลื่นพายุมามาก ตอนนี้อะไรต่างก็ไม่กลัวทั้งสิ้น จุดอ่อนเพียงหนึ่งเดียวก็คือลูก
“ไม่ต้องร้อง” เผยลี่เชินยื่นมือออกไป นำตัวหญิงสาวกอดเข้ามาไว้ข้างในอ้อมแขน “พวกเราไปสืบหาด้วยกัน ตามหาห้าวเจ๋อน้อยกลับคืนมา!”
พูดจบ เขาก็หันหน้ามองไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ยืนอยู่ข้างๆ สายตาเยือกเย็นลงหลายระดับอย่างกะทันหัน
ถูกสายตาที่เยือกเย็นจนทำให้คนหวาดกลัวของเขาจ้องจนหวาดกลัวไปทั่วทั้งร่างกาย เจ้าหน้าที่ตำรวจคนนั้นก็ถอยหลังออกไปเล็กน้อยโดยจิตใต้สำนึก “ตอน…ตอนนี้ยังไม่มีข่าวคราว”
เผยลี่เชินได้ยินดังนั้น ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาแม้แต่น้อย เพียงแต่ล้วงเอาโทรศัพท์มือถือออกมา กดโทรไปที่หมายเลขนึงในทันที หลังจากนั้นครู่หนึ่ง สายโทรศัพท์ต่อติด เขาก็เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าที่มืดมนว่า “ผู้กองไต้ ผมคือเผยลี่เชิน มีเรื่องนึงอยากจะขอรบกวนคุณสักหน่อย…”
เจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ด้านข้างได้ยิน “ผู้กองไต้” สามคำนี้ สีหน้าก็เปลี่ยนไปในทันที สายตาที่มองไปยังไป๋เสว่เอ๋อร์อีกครั้งก็เปลี่ยนไปอย่างระมัดระวังผิดปกติ
หลังจากการสนทนาไม่กี่ประโยคเสร็จสิ้น เผยลี่เชินก็วางสายโทรศัพท์ลง มองไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยสีหน้าที่ไร้ความรู้สึก “แจ้งให้กับหมู่หลิวของพวกคุณให้รับทราบ เตรียมทุกอย่างให้พร้อม รอการจัดการจากผู้กองไต้”
ทิ้งประโยคนี้เอาไว้ และไม่รอคำตอบจากเขา เผยลี่เชินโอบไหล่ของไป๋เสว่เอ๋อร์ ก้าวขาเดินออกข้างนอกไปในทันที
ไป๋เสว่เอ๋อร์รู้สึกร้อนอกร้อนใจ ใจทั้งดวงต่างก็ถูกดึงจนมาถึงคอหอย เธอมองไปที่เผยลี่เชินอย่างตื่นตระหนกพร้อมกับเอ่ยถามว่า “ตอนนี้พวกเราจะทำยังไงกันดีคะ คุณว่าห้าวเจ๋อน้อยจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่า”
เผยลี่เชินเอ่ยวิเคราะห์ออกมาอย่างใจเย็น “คุณบอกว่าคุณได้รับสายโทรศัพท์ที่ประหลาดสายหนึ่ง พอหันกลับมาห้าวเจ๋อน้อยก็หายไปแล้ว น่าจะถูกรถตู้พาตัวไป หากผมเดาไม่ผิดแล้วล่ะก็ นี่เป็นการลักพาตัวโดยเจตนาฉากหนึ่ง”
พอได้ยินเขาพูดเช่นนี้ ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็มีการตอบสนองกลับคืนมาอย่างกะทันหัน
เรื่องนี้เกิดขึ้นเร็วมากจนเกินไป อีกทั้งทุกอย่างก็ไวจนทำให้คนไม่กล้าที่จะจินตนาการออกมาได้ มีความเป็นไปได้มากว่ามีคนวางแผนเอาไว้อย่างดีตั้งแต่ทีแรก จงใจโทรศัพท์หาเธอ อีกทั้งอาศัยโอกาสที่เธอไม่ทันได้ระวังลักพาตัวห้าวเจ๋อน้อยไป!
ไป๋เสว่เอ๋อร์รีบหันหน้ากลับไปในทันที “งั้นโทรศัพท์มือถือนี้…พวกเราก็สามารถติดตามตำแหน่งที่ตั้งของเขาผ่านโทรศัพท์มือถือนี้ได้!”
เผยลี่เชินพยักหน้า “ถูกต้อง”
ในขณะที่พูด เขาก็จูงไป๋เสว่เอ๋อร์เอาไว้ เดินลงบันไดขึ้นรถไปด้วยความรวดเร็ว
พอขึ้นมาบนรถ เผยลี่เชินก็ออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็นว่า “ฉีเฟิง รีบแจ้งชวนจื่อกำหนดตำแหน่งของเบอร์โทรศัพท์ ในขณะเดียวกันต้องโยกย้ายภาพกล้องวงจรปิดของถนนเส้นนั้นออกมา ส่งให้กับโจ๋วฝันไปทำ!”
“ครับ”
สั่งการภารกิจลงไป แต่การรอคอยก็ยังคงต้องการเวลา ไป๋เสว่เอ๋อร์นั่งอยู่บนรถอย่างร้อนรน ทุกวินาทีต่างก็ผ่านไปอย่างยากลำบาก
เธอไม่กล้าที่จะจินตนาการเลยว่า ภายในเวลาเกือบจะสองชั่วโมงที่ห้าวเจ๋อน้อยหายตัวไปนี้ เขาจะพบเจอกับอะไรบ้าง?
หาก…
ความคิดต่างๆนาๆผ่านเข้ามาในหัวสมองของเธอ เธอกัดริมฝีปากล่างแน่น เสียใจในภายหลังอย่างหาใดเปรียบกับทุกการกระทำในเวลานั้นของตนเอง หากเธอจูงมือของห้าวเจ๋อน้อยเอาไว้ หรือว่าไม่ได้รับสายโทรศัพท์นั่น บางทีเรื่องราวก็อาจจะไม่ดำเนินมาถึงจุดนี้
รู้สึกได้ถึงความไม่สบายใจของหญิงสาวที่อยู่ด้านข้าง คิ้วของเผยลี่เชินก็ขมวดเข้าหากันแน่น ยื่นมือออกไปกุมมือเล็กๆที่เย็นเฉียบของเธอเอาไว้ เอ่ยปากปลอบโยนขึ้นเบาๆว่า “ไม่ต้องกังวล ทุกอย่างมีผมอยู่ด้วย”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ลังเลอยู่ชั่วขณะ เงยหน้าประสานเข้ากับดวงตาทั้งสองข้างที่ดำขลับของเขา ในที่สุดก็พยักหน้าออกมาเล็กน้อย
เคลื่อนไหวมาถึงครึ่งทาง ผลลัพธ์ของการกำหนดตำแหน่งที่ตั้งโทรศัพท์มือถือยังไม่ออกมา เสียงเรียกเข้าที่เด่นชัดของโทรศัพท์มือถืออยู่ๆก็ดังขึ้นมาภายในรถอย่างกะทันหัน
ไป๋เสว่เอ๋อร์หยุดชะงักไปชั่วขณะ ร่างกายสั่นขึ้นมาเล็กน้อยโดยที่ไม่รู้ตัว เธอสูดหายใจเข้าเต็มปอด หยิบโทรศัพท์มือถือที่กำลังดังขึ้นมาอย่างค่อนข้างหวาดกลัว พอมองเห็นเบอร์แปลกหน้าที่แสดงผลบนหน้าจอโทรศัพท์ เธอก็แทบจะไม่มีเรี่ยวแรงกดปุ่มรับสาย
เผยลี่เชินที่อยู่ด้านข้างเห็นท่า ก็ยื่นมือออกไปรับเอาโทรศัพท์มือถือมาจากมือของเธอ เอ่ยปากสั่งขึ้นเบาๆว่า “รับสายก่อน คุณเป็นคนพูด”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็พยักหน้าออกมา
เผยลี่เชินกดปุ่มรับสาย ในขณะเดียวกันก็กดปุ่มเปิดลำโพง
ไป๋เสว่เอ๋อร์สูดหายใจเข้าเต็มปอด เอ่ยปากขึ้นเบาๆว่า “ฮัลโหล?”
สายโทรศัพท์ฝั่งนั้นดังสะท้อนเสียงหัวเราะเบาๆของผู้หญิงเข้ามา “ไป๋เสว่เอ๋อร์ ไม่ได้เจอกันตั้งนาน คิดถึงฉันหรือยังจ๊ะ?”
ในวินาทีนั้น ไป๋เสว่เอ๋อร์รู้สึกเพียงแค่ตนเองราวกับถูกฟ้าผ่า หัวใจบีบรัดเข้าหากันแน่น เอ่ยย้อนถามกลับโดยจิตใต้สำนึกในทันทีว่า “จินจิงจิง?”
หญิงสาวหัวเราะคิกคักออกมา “ฟังออกแล้วหรอ? ฉันยังคิดว่าเธอจะเดาไม่ออกซะอีก!”
ไป๋เสว่เอ๋อร์เบิกตาทั้งสองข้างอย่างตกตะลึง “คือเธอ!ห้าวเจ๋อน้อยคือ…”
“ถูกแล้ว!ตอนนี้ลูกชายของเธออยู่ในมือของฉัน!”
รอบดวงตาของไป๋เสว่เอ๋อร์แดงก่ำ ทั้งโกรธทั้งร้อนรน “เธอ…เธอคิดจะทำอะไร!”
จินจิงจิงหัวเราะออกมาอย่างเยือกเย็น “ไม่ทำอะไร เพียงแค่ต้องการให้เธอรับปากฉันเรื่องหนึ่ง ฉันก็สามารถรับประกันความปลอดภัยของเขาได้!”
ไป๋เสว่เอ๋อร์โกรธจนพูดอะไรไม่ออก ยังไม่ทันจะได้เอ่ยถามออกมา จินจิงจิงก็พูดต่อขึ้นอีกว่า “ขอเพียงแค่เธอยอมรับต่อหน้าสื่อว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในงานเลี้ยงล้วนเป็นฝีมือของเธอ ฉันก็จะปล่อยเขาไป!ฉันให้เวลาเธอสองชั่วโมง เธอติดต่อสื่อ ไม่เช่นนั้น…”
เสียงของหญิงสาวเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน “ไม่เช่นนั้นเธอก็อย่าได้คิดที่จะเจอลูกชายของเธออีก!”
เสียง “ติ๊ด” ดังขึ้น ไป๋เสว่เอ๋อร์ยังไม่ทันจะได้เอ่ยปาก ฝั่งนั้นก็วางสายโทรศัพท์ลงไปในทันที
ไป๋เสว่เอ๋อร์นิ่งอึ้งไปชั่วขณะ คว้าโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโทรกลับไป แต่โทรศัพท์ที่อยู่ทางนั้นก็ติดต่อไม่ได้อีกต่อไปแล้ว
“ทำยังไงดีคะ?”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ร้อนรนไปโดยสมบูรณ์แบบ น้ำตาทะลักออกมาอย่างควบคุมเอาไว้ไม่อยู่
เผยลี่เชินกุมมือของเธอเอาไว้แน่น “ไป๋เสว่เอ๋อร์ อย่าตื่นตระหนก!ตอนนี้อย่างน้อยที่สุดพวกเราก็สามารถแน่ใจได้ว่าห้าวเจ๋อน้อยจะไม่เป็นอะไรไปชั่วคราว!ขอเพียงแค่พวกเราสามารถหาว่าจินจิงจิงอยู่ที่ไหนพบ ทุกอย่างต่างก็มีโอกาสที่จะพลิกกลับได้!”
ไป๋เสว่เอ๋อร์เอ่ยถามย้อนกลับไปในทันทีว่า “งั้นหากพวกเราหาเธอไม่พบล่ะคะ? หากเกินเวลาสองชั่วโมงล่ะ!จินจิงจิงเธอก็คือคนบ้า!หากเธอทำอะไรขึ้นมาจริงๆจะทำยังไงคะ!”
เรื่องมาถึงตอนนี้ ภายใต้สถานการณ์ที่เรื่องทุกอย่างต่างก็มีโอกาสที่จะเกิดขึ้นได้ ไป๋เสว่เอ๋อร์ไม่กล้าเดิมพัน ยิ่งไม่กล้าใช้ลูกชายแท้ๆของตัวเองมาเดิมพัน
ภายในรถเงียบลงอย่างกะทันหัน ไป๋เสว่เอ๋อร์กับเผยลี่เชินประสานสายตาเข้าหากัน ร้อนรน เป็นกังวล หวาดกลัว ผสมเข้าไว้ด้วยกัน
หลังจากนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง เผยลี่เชินจ้องไป๋เสว่เอ๋อร์พร้อมกับเอ่ยขึ้นอย่างจริงจังว่า “ให้เวลาผมหนึ่งชั่วโมง ผมจะพยายามอย่างเต็มที่หาว่าเธออยู่ที่ไหนให้พบ ผมคิดหาวิธีแก้ไขปัญหา”
ไป๋เสว่เอ๋อร์กัดริมฝีปากเล็กน้อย รู้สึกกระวนกระวายใจ แต่ตอนนี้ นอกจากที่จะเลือกเชื่อใจเผยลี่เชินแล้ว เธอก็ไม่มีวิธีอื่นอีก
เธอสูดหายใจเข้าเต็มปอด เอ่ยขึ้นอย่างช้าๆว่า “หากถึงสุดท้ายไม่มีวิธีไหนจริงๆ ฉันก็เหลือเพียงแค่ตัวเลือกสุดท้ายเพียงตัวเลือกเดียว”
นั่นก็คือทำแบบนั้นตามที่จินจิงจิงบอก นำความผิดเหล่านั้นที่เกิดขึ้นภายในงานเลี้ยงเอามาไว้ที่ตัวของเธอเอง แลกกับความปลอดภัยของห้าวเจ๋อน้อย
ผ่านไปครึ่งชั่วโมงกว่า เสียงโทรศัพท์ของฉีเฟิงดังขึ้น เขารีบรับสายในทันที “ฮัลโหล?”
ฝั่งนั้นไม่รู้ว่าพูดอะไร อยู่ๆเขาก็เอ่ยถามออกมาว่า “อยู่ที่ไหน?”
หลังจากนั้นไม่กี่วินาที เขาก็หันหน้ามาทางเผยลี่เชิน “ประธานเผย โจ๋วฝันบอกว่าหาตำแหน่งที่ตั้งเจอแล้วครับ!อยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมรกร้างในเขตตงครับ!”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ได้ยินดังนั้น เส้นประสาทก็รัดตัวเข้าหากันแน่นโดยที่ไม่รู้ตัว
เผยลี่เชินรีบสั่งออกมาในทันทีว่า “กลับรถทันที ไปที่นิคมอุสาหกรรม!”
มาถึงยังนิคมอุตสาหกรรมรกร้างที่เขตตงด้วยความรวดเร็วราวกับสายฟ้าแลบ ตลอดทางไม่เห็นเงาของคนสักคนเดียว ทันใดนั้นไป๋เสว่เอ๋อร์ก็มองเห็นเงารถสีขาวคันหนึ่งอยู่ไกลๆ
พอเธอเพ่งสายตามอง ก็รีบเอ่ยปากขึ้นในทันทีว่า “ก็คือรถคันนั้น!”
รถยนต์มาถึงยังด้านข้างของรถตู้ด้วยความรวดเร็ว ไป๋เสว่เอ๋อร์ผลักประตูลงจากรถไปอย่างร้อนรน วิ่งมาจนถึงด้านข้างของรถ มองลอดผ่านกระจกรถเข้าไปที่ด้านใน
ภายในรถว่างเปล่าไร้คนอยู่!ไม่ต้องพูดถึงห้าวเจ๋อน้อย แม้แต่จินจิงจิงก็ยังไม่อยู่!