ตอนที่ 441 ทำให้สวยงามยิ่งขึ้น
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความเย็นหรือเพราะความกลัว มือของเธอจึงสั่นไหว ลังเลไปชั่วขณะจนในที่สุดก็เปิดดูเอกสารที่ฉีเฟิงส่งมาให้
เธอหายใจลึก พลิกเอกสารไปมา ทุกครั้งที่ดูหัวใจก็ยิ่งดำดิ่งลึกลงไปทุกที
หลักฐานทั้งหมดชี้อย่างชัดเจนไปที่คนคนเดียว คือแม่ของเธอ—-หวีฮุ่ย
ไป๋เสว่เอ๋อร์กำหมัดแน่นจนเล็บฝังเข้าไปในฝ่ามือ ความเจ็บปวดจากความแหลมคม จ้องมองไปที่หน้าจอโทรศัพท์ด้วยน้ำตาที่ไหลออกมาไม่สามารถควบคุมไว้ได้
“ฉันไม่เชื่อ…” ไป๋เสว่เอ๋อร์ส่ายหน้าพึมพำ แต่ร่างกายของเธอกลับสั่นสะท้าน
เผยลี่เชินเดินก้าวไปข้างหน้ายื่นมือมาพยุงตัวเธอไว้ พูดอย่างช้าๆ “เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว ฉันไม่ได้ปิดบังเรื่องที่เธอต้องการอยากรู้ เรื่องนี้ผ่านมาหกปีแล้ว ไม่ว่าเธอจะเลือกอย่างไร ฉันจะอยู่ข้างๆ เธอเสมอ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ได้ยินจึงสะบัดมือออกจากเขาทันที พูดเสียงเย็นชา “ฉันไม่เชื่อ!”
ขณะพูดเธอหันตัวกลับจะเปิดประตูวิ่งออกจากห้องไป แต่ขณะกำลังเปิดประตูก้าวเท้าออกไป สองขาของเธอกลับรู้สึกอ่อนแรงจนทรุดลงไปกองกับพื้น
เผยลี่เชินขมวดคิ้ว รีบวิ่งไปอุ้มเธอขึ้นมา ไป๋เสว่เอ๋อร์สั่นไปทั้งตัว ยื่นมือผลักตัวเขาออกไป “คุณ…อย่ามาแตะต้องตัวฉัน!”
สมองของเธอสับสนยุ่งเหยิงไปหมด ความมีเหตุผลความสุขุมที่มีบัดนี้ได้หายไปหมด เธอหายใจลึก พยายามลุกขึ้นจากพื้นด้วยตัวเอง
สำหรับเธอแล้วผลที่ได้คือมันคือสิ่งที่ถาโถมเข้าใส่ตัวเธออย่างหนักหน่วงโดยไม่ต้องสงสัย เธอกัดริมฝีปาก ในสมองปรากฏภาพชีวิตในอดีตที่ครอบครัวมีกันอยู่สามคน
ตอนที่ไป๋ซื่อยังไม่เกิดเรื่อง พวกเราสามคนอยู่กันอย่างมีความสุข พ่อให้ความรักกับเธอและคุณแม่ไป๋อย่างไม่จำกัด แต่หลังจากที่พ่อโดนใส่ร้ายป้ายสี ตระกูลไป๋ค่อยๆ ตกต่ำลงอย่างช้าๆ เรื่องเลวร้ายต่างๆ ค่อยทยอยผ่านเข้ามา
ก้าวไปไม่เพียงกี่ก้าว ไป๋เสว่เอ๋อร์เป็นลมล้มพับไปในทันทีทันใด
เผยลี่เชินซึ่งเดินตามหลังเห็นเธอล้มลงไปจึงรีบเข้าไปพยุงเธอจากด้านหลัง
“ไป๋เสว่เอ๋อร์!”
เผยลี่เชินกระวนกระวายใจ สายตาของเขามองไปรอบๆ ร้องเรียกด้วยความร้อนใจ “หมอ! เร็วเข้า!”
ครึ่งชั่วโมงผ่านไปไฟแดงนอกห้องฉุกเฉินเปลี่ยนเป็นสีเขียว หมอเดินออกมาจากห้อง เผยลี่เชินรีบเดินเข้าไปถาม “หมอ เธอเป็นอย่างไรบ้าง?”
สีหน้าของหมอเคร่งขรึม ลดเสียงลง “คุณเผย ตามผมมาทางนี้สักครู่”
หัวใจของเผยลี่เชินเต้น “ตึกตัก” เมื่อได้ยิน เกิดลางสังหรณ์ที่ไม่สบายใจอย่างลึกลับ
เมื่อเดินตามหมอเข้าไปในห้องตรวจ เผยลี่เชินถามด้วยสีหน้าหม่นหมอง “เกิดอะไรขึ้นครับ?”
“ตอบยาก” หมอส่ายหน้า “พวกเราได้ทำการตรวจร่างกายรอบหนึ่งแล้ว แต่ไม่พบว่าเป็นโรคอะไร ถ้าตามที่คุณบอก ช่วงนี้ที่เธอเป็นลมบ่อยหรือสูญเสียการควบคุม ก็คงเป็นเพราะปัญหานี้”
เห็นหมอกุมขมับ สีหน้าของเผยลี่เชินเศร้าหมองมากขึ้น “เป็นไปไม่ได้!”
หมอลังเลก่อนจะพูด “คุณเผย ผมแนะนำให้คุณพาเธอไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลอีกสักสองสามแห่ง”
เผยลี่เชินขมวดคิ้ว ความเย็นเกิดขึ้นทั่วร่างกายของเขา ไม่ว่าอย่างไรก็ตามเขาก็ไม่เชื่อว่าปัญหานี้จะเกิดขึ้นกับไป๋เสว่เอ๋อร์จริงๆ เพียงแต่เธอเป็นลมเป็นครั้งคราว เพราะเสี่ยวเจ๋อถูกจับตัวไป ต่อมาได้รู้ความจริงเกี่ยวกับการตายของพ่อ พวกนี้ล้วนแต่เป็นเรื่องหนักหน่วงที่ถาโถมเข้าใส่ตัวเธอ
ออกจากห้องตรวจ เผยลี่เชินตรงไปที่ห้องฉุกเฉิน พอดีที่พยาบาลพาไป๋เสว่เอ๋อร์ที่ยังสลบอยู่ออกมาแล้วพาเธอไปที่ห้องวอร์ด
เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยพยาบาลจึงออกไป เผยลี่เชินยืนอยู่ข้างเตียง มองใบหน้าขาวซีดของหญิงสาว รู้สึกเจ็บปวดใจ
หกปีที่ผ่านมาเขาไม่รู้ว่าเธอใช้ชีวิตอย่างไร ลำบากแค่ไหน แต่เขารู้ว่าตัวเองดูเหมือนไม่เคยทำให้เธอได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขเลย
เผยลี่เชินกำมือแน่รู้สึกผิดขึ้นในใจ หลังจากนั้นไม่นานก็หันตัวออกจากห้องหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเบอร์ “ฮัลโหล ช่วยติดต่อหมอที่ดีที่สุดให้ฉันหน่อย ฉันจะพาคนไปตรวจสุขภาพ”
หลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ฉีเฟิงก็โทรศัพท์มา ไม่นานก็มาถึงห้องวอร์ดพร้อมกับถามสถานการณ์ “ประธานเผย ที่นี่เป็นอย่างไรบ้าง?”
เผยลี่เชินออกไปนอกห้อง ปิดประตู พูดเสียงเย็นชา “ไม่เป็นไร เรื่องที่เธออยู่โรงพยาบาลห้ามบอกให้คุณท่านรู้เด็ดขาด ไม่เช่นนั้นฉันจะถือว่าเป็นความผิดของนาย”
ฉีเฟิงได้ยินสีหน้าถึงกับเคร่งเครียด พยักหน้ารับทราบ “ครับ”
เผยลี่เชินหรี่ตาพร้อมกับคำถาม “มีอะไรเกิดขึ้นใหม่ๆ ในบริษัทบ้างไหม!”
ฉีเฟิงรายงานไปตามความจริง “วันนี้รองประธานเผยติดต่อผู้ถือหุ้นและผู้บริหารระดับสูง นัดกินข้าวด้วยกันเย็นนี้ นัดทุกคนรวมกัน เขาน่าจะมีวัตถุประสงค์อื่น”
เผยลี่เชินขมวดคิ้วเมื่อได้ยิน แต่ใจเขารู้อย่างชัดเจน
ตอนนี้เผยอี้รวมพลผู้บริหารระดับสูงของบริษัท เพราะอะไร คนอื่นอาจไม่เข้าใจ แต่เขาเข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง
ตอนนี้หุ้นที่อยู่ในมือของเผยอี้กับของเขามีพอๆ กัน อีกทั้งช่วงนี้เขางานยุ่งมาก เผยอี้ไม่ปล่อยโอกาสดีๆ แบบนี้ไปแน่น
เกรงว่าเผยอี้คิดมาหลายครั้งแล้วว่าจะล้มเขาได้อย่างไร ตอนนี้แน่นอนว่าเขาคงเริ่มลงมือแล้ว
เผยลี่เชินพูดอย่างสบายๆ “ฉันรู้แล้ว”
ฉีเฟิงถามต่อ “ถ้างั้นพวกเราควรทำอย่างไรดี ต้องใช้มาตรการอะไร?”
เผยลี่เชินสายตาหม่นหมอง พูดอย่างสบายๆ “ไม่ต้อง ฉันเองก็อยากเห็น เขาจะใช้วิธีไหนมาล้มฉัน”
ถ้าหากเผยอี้อยากเล่นสนุกกับเขา ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลา เพราะเขาไม่เคยคิดว่าเผยอี้จะเป็นคู่ปรับที่แท้จริงของเขา และตอนนี้เขาเองมีเรื่องสำคัญกว่า คือเฝ้าไป๋เสว่เอ๋อร์อยู่ข้างๆ รอจนกว่าที่เธอจะฟื้นขึ้นมา
“ที่ฉันพูดเมื่อกี้ นายฟังเข้าใจแล้วใช่ไหม?”
เวินซิวหวีกำลังนั่งดื่มเหล้าบนรถหรูสีดำสำหรับนักธุรกิจ ขณะเดียวกันมองเผยอี้
เผยอี้เงยคางขึ้นเมื่อได้ยิน สายตาเคร่งขรึม “ฉันจะรู้ได้อย่างไรว่าสิ่งที่คุณพูดมานั้นเป็นจริงหรือเท็จ?”
เวินซิวหวียิ้มมุมปากเมื่อได้ยิน “สุดท้ายถ้าคุณล้มเหลว คุณก็ไม่ได้เสียสักอย่าง ถ้าคุณไม่ลอง ก็ไม่เท่ากับยกเผยซื่อให้กับคนอื่นหรือไง?”
สีหน้าเผยอี้คร่ำเคร่ง ไม่พูดอะไร
เวินซิวหวีพูดไว้ไม่ผิด ถ้าเขาไม่แย่งมันมา สุดท้ายเผยซื่อก็จะตกเป็นของเผยลี่เชิน และครั้งนี้ไม่ว่าอย่างไรเขาต้องชนะ ทำให้เผยลี่เชินอยู่แทบเท้า
เขาพูดเสียงเย็นชา “ฉันรู้แล้ว แต่คุณแน่ใจนะสัญญาที่ฉันทำไว้กับพวกสุนัขจิ้งจอกทั้งหลายมันมีประโยชน์? พวกเขาล้วนเป็นตาแก่หนังเหนียวตายยาก”
เวินซิวหวีค่อยๆ พูดอย่างช้าๆ “ดังนั้น ถึงต้องให้ฉันออกโรง ถ้าอาศัยเธอเพียงลำพังคนเดียว คงไม่มีใครเชื่อเธอ แต่ถ้าฉันยืนอยู่ข้างเธอ ทุกอย่างก็จะกลับตาลปัตร”
เผยอี้หันไปมองร่างผู้ชายเมื่อได้ยิน รู้สึกเขาเป็นคนลึกซึ้งจนยากแท้หยั่งถึง
เขาบรรลุข้อตกลงร่วมกับเวินซิวหวี ขอเพียงเวินซิวหวีช่วยเขาให้ได้เผยซื่อมา เขาจะช่วยเวินซิวหวีเรื่องหนึ่ง เรื่องมาถึงตอนนี้ เขายังไม่บอกอย่างชัดเจนว่าเป็นเรื่องอะไร
เพียงแต่คนที่อยู่รอบข้างชายผู้นี้มีความซับซ้อน ทำให้เขารู้สึกกลัวขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
ทันใดนั้นเวินซิวหวีหันมามองเขา “อันที่จริง ถ้าคุณอยากได้ความเชื่อมั่นจากผู้ถือหุ้น ยังมีอีกวิธีหนึ่งที่ดีกว่า จากที่มีอยู่แล้วให้มีมากยิ่งขึ้น”
เผยอี้รีบถาม “วิธีอะไร?”
เวินซิวหวียกมุมปาก พูดเบาๆ “หย่าขาดกับจินจิงจิงซะ”