บทที่ 1 เจ้าบ่าว เจ้าสาวหนีงานแต่ง
เสียงดังเอะอะอึกทึกของผู้คน ในห้องโถงใหญ่ชั้นหนึ่งของโรงแรมห้าดาวที่หรูหราที่สุดในเมืองA บรรยากาศครึกครื้นเป็นอย่างมาก หลายคนนั่งเว้นกันพูดคุยกันไปมา หัวข้อการสนทนาคือการแต่งงานของบริษัทซูซื่อกับบริษัทโล่ซื่อในวันนี้
“คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่า หัวมังกรอย่างบริษัทซูซื่อ จะแต่งานเพื่อธุรกิจกับบริษัทโล่ซื่อ”
“บริษัทโล่ซื่อช่างโชคดีจริง ๆ เพียงแต่ไม่รู้ว่าคนของบริษัทโล่ซื่อกับบริษัทซูซื่อจะเป็นใครที่ได้แต่งงาน”
“เหมือนว่าจะเป็น โล่หยิวชิว ลูกสาวบุญธรรมคนสวยของประธานบริษัทโล่ซื่อ…”
ด้านนอกคึกคักอย่างมาก ในห้องแต่งตัวเจ้าสาวยิ่งเสียงดังอึกทึกขึ้นกว่าเดิม
สาเหตุคือเดิมทีผู้หญิงที่ต้องแต่งงานคือโล่หยิวชิว กลับหนีออกนอกประเทศไปตั้งแต่เมื่อคืน แต่ โล่ชิงไป๋เพื่อที่จะให้การแต่งงานนี้ดำเนินต่อไป ต้องให้ลูกสาวแท้ๆ ของเขา โล่เฟยเอ๋อแต่งงานแทน โล่หยิวชิว
“พ่อ ฉันไม่แต่งงานแทนพี่”
มีผู้หญิงคนไหนเต็มใจแต่งงานกับผู้ชายแปลกหน้าที่แม้แต่หน้าก็ไม่เคยเจอ อีกอย่าง เดิมทีคนนี้ยังเคยเป็นเจ้าบ่าวของพี่สาวบุญธรรม
“งานแต่งครั้งนี้ เธอต้องแต่ง ไม่มีการเจรจา” โล่ชิงไป๋ตอบอย่างสีหน้าเย็นชา
โล่เฟยเอ๋อโกรธ พูดอย่างไม่คิด “ฉันไม่แต่ง อยากแต่งคุณไปแต่งกับเขาเอง”
ได้ยินที่โล่เฟยเอ๋อพูด โล่ชิงไป๋โกรธจนหน้าดำคร่ำเครียด เขายกฝ่ามือขึ้นเตรียมจะตบลงไปที่หน้าของโล่เฟยเอ๋อ
“ชิงไป๋ คุณห้ามตีเฟยเอ๋อ” ผู้หญิงที่สวยแต่งหน้าสวยเรียบ ๆ ยืนอยู่ข้างโล่ชิงไป๋ กอดแขนของโล่ชิงไป๋ไว้จากนั้นมองโล่เฟยเอ๋ออ่อนโยนแล้วพูด “เฟยเอ๋อ เธออย่าทำให้พ่อเธอโกรธ รีบขอโทษพ่อเธอเร็ว”
ได้ยินคำพูดของผู้หญิงคนนั้น โล่เฟยเอ๋อกลัดกลุ้มจนขอบตาแดงกร่ำ “คุณป้าเหยา ฉันไม่มีทางขอโทษเขา อีกอย่างฉันก็ไม่มีทางแต่งงานแทนพี่”
“นี่ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเธอ” โล่ชิงไป๋เบิกตาโตจ้องไปที่โล่เฟยเอ๋ออย่างโมโห
ในตาของผู้หญิงฉายแววตาแผนการอันชั่วร้ายสำเร็จแล้ว แต่ไม่นานเธอก็หลบซ่อนสายตานั้น ดวงตาของเธอมีแสงจากน้ำในตาของเธอ อยากจะพูดแต่ก็ไม่พูด แต่แล้วก็พูดกับโล่ชิงไป๋ “ชิงไป๋ หรือว่าจะล้มเลิกงานหมั้น…”
เขาพูดยังไม่ทันจบ ก็ถูกโล่ชิงไป๋ด่า “งานแต่งนี้ เขาอยากแต่งก็แต่ง ไม่อยากแต่งก็ต้องแต่ง” พูดจบเขาก็ชี้ไปที่ชุดเจ้าสาวที่แขวนอยู่ “รีบเปลี่ยนเสื้อผ้า เมื่อถึงเวลาก็ออกไปดำเนินพิธี”
พูดจบไม่รอให้โล่เฟยเอ๋อตอบกลับ โล่ชิงไป๋ก็ลากผู้หญิงคนนั้นออกไป
หลังจากที่พวกเขาออกไป ในห้องแต่งตัวก็เงียบลง โล่เฟยเอ๋อมองไปยังชุดเจ้าสาวอันสวยงามที่แขวนอยู่ ขอบตาก็ค่อยค่อยแดงขึ้นมาทีละน้อย ก้นบึ้งของหัวใจยิ่งกลัดกลุ้มมากขึ้น…
ทำไมพี่หนีออกนอกประเทศแล้ว ก็ต้องให้เธอแต่งงานแทนด้วย
เธอเพิ่งจะเรียนจบมหาลัย เพิ่งจะได้เข้าทำงานที่บริษัทที่ใฝ่ฝัน ชีวิตของเธอเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น เธอยังไม่ได้สารภาพรักกับคนในใจ ตอนนี้กลับให้เธอแต่งงานกับผู้ชายแปลกหน้าเหรอ
“ไม่ ฉันไม่ยอม” โล่เฟยเอ๋อกัดริมฝีปากแรงๆ จากนั้นหมุนตัว เดินไปที่ประตูใหญ่ทีละก้าว
เปิดประตูให้เป็นช่องเล็ก ๆ อย่างระมัดระวัง มองเห็นด้านนอก โล่เฟยเอ๋อกลัวว่าเธอจะหนี เลยจัดเตรียมคนให้มาเฝ้าไว้แล้ว
มือเธอกำลูกบิดประตูไว้แน่น จากนั้นค่อยค่อยปิดประตูลงเบาๆ
โล่เฟยเอ๋อใช้แรงเม้มปาก จากนั้นยกเก้าอี้บนโต๊ะแต่งหน้า ทุบไปที่ผนังกระจกอย่างแรง
เสียงดัง ‘ปัง’ แม้ถือว่าไม่ดังมาก แต่ในคืนนี้กลับเสียงใสชัดเจนมาก
ผนังกระจกไม่ได้แตกละเอียดในทันที แต่กลับปรากฏรอยร้าวเหมือนใยแมงมุม
มีผลักประตูดังมาจากด้านนอก “คุณโล่ คุณกำลังทำอะไร…”
โล่เฟยเอ๋อไม่ตอบ ยกเก้าอี้ในมือขึ้น ทุบแรงๆไปที่ผนังกระจกที่มีรอยร้าวหลายที
ตามด้วยเสียงกระจกแตก ผนังกระจกแตกออกเป็นช่องใหญ่ ในเวลาเดียวกันกระจกที่สาดกระเซ็นก็กระเด็นถูกตัวโล่เฟยเอ๋อเล็กน้อย
เศษกระจกบาดกระโปรงที่เธอใส่อยู่ขาด และบาดตามแขนและขาที่โผล่ออกมานอกเสื้อผ้า บางบาดแผลบาดลึกมาก แต่โล่เฟยเอ๋อกลับไม่สนใจบาดแผลพวกนี้ เพราะว่ามีเสียงถีบประตูมาจากด้านหลังเธอ
เธอยกกระโปรงขึ้น เหยียบเศษกระจกที่แตกบนพื้น ออกจากช่องผนังกระจกที่แตกอย่างเร่งรีบ…
และในเวลาเดียวกัน อีกด้าน ที่หน้าผนังกระจกห้องพักผ่อนของเจ้าบ่าว ซูซีมู่ จ้องมองไปที่แสงนีออนที่สว่างไสวอยู่นอกหน้าต่าง
ร่างกายแสดงความเย็นชาห่างออกไปหลายพันลี้
ผู้ช่วยโจวเฉิงยืนโค้งตัวอยู่ไม่ไกลจากด้านหลังของเขา ไม่กล้าแม่แต่หายใจ
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ ในที่สุดซูซีมู่ก็เอ่ยปากพูด “งานแต่งทำไมต้องมาจัดในวันนี้”
เห็นได้ชัดว่าเสียงของไพเราะน่าฟังจนเกือบจะทำให้หูตั้งท้องได้ ชัดเจนว่าเขาพูดอย่างอ่อนโยน แต่น้ำเสียงแบบนี้กลับทำให้โจวเฉิงที่ยืนอยู่ด้านหลังเขาตัวสั่น
“โล่หยิวชิวถูกเห้อจิ้นเหยาจัดเตรียมการให้ออกนอกประเทศไปตั้งแต่เมื่อคืน แต่โล่ชิงไป๋ให้โล่เฟยเอ๋อแต่งงานแทน
“โล่เฟยเอ๋อ?”น้ำเสียงของเขาเรียบเฉย เหมือนกับบ่นกับตัวเองว่าพรุ่งนี้เช้าจะกินอะไร แต่ตัวหนังสือในระหว่างบรรทัดกลับมีพลังแห่งการบีบบังคับ
โจวเฉิงเข้าใจว่า ซูซีมู่อยากรู้ว่าโล่เฟยเอ๋อเป็นใคร ก็รีบอธิบายทันที “โล่เฟยเอ๋อเป็นลูกของเมียเก่าโล่ชิงไป๋ อายุน้อยกว่าโล่หยิวชิวสองเดือน ภายนอกโล่หยิวชิวคือลูกบุญธรรม แต่ในความเป็นจริงโล่หยิวชิวเป็นลูกสาวแท้ๆของโล่ชิงไป๋กับเห้อจิ้นเหยา เพียงแต่โล่ชิงไป๋กลัวอิทธิพลบ้านแม่เมียเก่ามาตลอด ดังนั้นเขาจึงประกาศกับภายนอกว่าโล่หยิวชิวคือลูกบุญธรรมขอเขา…”
โจวเฉิงยังไม่ทันได้พูดจบ ซูซีมู่ก็โบกมือขัดจังหวะเขา “ตาแก่นั้นจัดคนมาเฝ้าไว้ด้านนอกกี่คน”
โจวเฉิงใช้เวลาสองวิ ถึงตามความคิดอันรวดเร็วของท่านประธานได้ทัน “ยี่สิบกว่าคน”
ซูซีมู่ถอนหายใจ ฮึ ทีหนึ่ง “ยอมลงทุนมากจริง ๆ”
โจวเฉิงอ้าปากค้าง ในที่สุดก็ไม่พูดอะไร
ตาแก่นั้นกว่าว่าท่านประธานจะหนีงานแต่งงาน ดังนั้นก็เลยใช้บอร์ดี้การ์ดยี่สิบกว่าคนมาเฝ้าท่านประธานไว้
อีกทั้งเฝ้าอย่างแน่นสนิท แม้แต่ผู้ช่วยเล็ก ๆ ของเขามาส่งเอกสาร ก็ต้องผ่านด่านตรวจเป็นชั้น ๆ
เคร่งขรึมอยู่หลายวิ ซูซีมู่ถึงถามขึ้น “ก่อนหน้านี้ฉันให้นายเตรียมคนเข้ามา จัดการเรียบร้อยดีหรือยัง”
“เรียบร้อยดีครับ” พูดถึงเรื่องนี้ โจวเฉิง แอบละอายใจจนเหงื่อตก พวกประธานซูเพื่อที่จะหนีจากการแต่งงานครั้งนี้ แต่เตรียมความพร้อมเพียงพอ
ใช้แผนการให้ฝ่ายหญิงเป็นคนหนีงานแต่งก่อน เพราะว่าเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด ดังนั้นจึงใช้คนที่เตรียมไว้ก่อนหน้า หนีงานแต่งงาน
ซูซีมู่ถามด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ไปแจ้งพวกเขาไป”
“ครับ” โจวเฉิงพยักหน้า จากนั้นรีบเดินออกไปจากห้องพักผ่อนอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่ออกไปจากห้องพักผ่อนได้ห้านาที ด้านนอกก็เริ่มมีเสีนงอึกทึกและเสียทะเลาะวิวาทดังเข้ามา
ตามด้วยประตูห้องพักผ่อนถูกผลักออกจากด้านนอก โจวเฉิงเข้ามาจากด้านนอกอย่างรีบร้อน “ประธานซู ไปกันได้แล้ว”
ซูซีมู่พูด ‘อึม’ อย่างเรียบเฉยคำหนึ่ง จากนั้นก็ตามโจวเฉิงออกไปจากห้องผักผ่อน บนทางเดินยุ่งวุ่นวาย คนอัดแน่นอยู่ด้วยกันอย่างระเกะระกะ
ซูซีมู่หน้านิ่ง ถูกโจวเฉิงอารักขาผ่านฝูงชนออกไป
หลังจากที่ซูซีมู่จากไปไม่กี่นาที มีเสียงร้องอย่างตกใจดังมากฝั่งตรงข้าม “แย่แล้ว เจ้าสาวหนีไปแล้ว”
ตามด้วยเสียงตะโกนเสียงหนึ่ง ด้านนั้นก็มีเสียงดังมา “แย่แล้ว เจ้าบ่าวหนีไปแล้ว”
แขกที่อยู่ในห้องโถงใหญ่ได้ยินสองข่าวนี้ก็ต่างพากันตกตะลึง เกิดอะไรขึ้น เจ้าบ่าวและจ้าสาวหนีไปในเวลาเดียวกันเหรอ พวกเขานัดกันไว้เหรอ