งานแต่งพี่สาว แต่…ฉันกลับเป็นเจ้าสาว! – ตอนที่ 32

ตอนที่ 32

บทที่ 31 โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ

ซูซีมู่สำรวจตั้งแต่หัวจรดเท้าของโล่เฟยเอ๋อจึงเห็นว่าเธอไม่ได้สวมรองเท้า เขานิ่งไปพักหนึ่งถึงวางเอกสารลงบนโซฟาแล้วลุกขึ้นเดินไปที่ทางเข้า

เขาจะออกไปแล้วเหรอ? โล่เฟยเอ๋อขมวดคิ้วในขณะที่มองตามหลังซูซีมู่ไป

ซูซีมู่ไม่ได้ออกไปอย่างที่โล่เฟยเอ๋อคิด ที่เขาเดินไปที่ทางเข้านั้นเพื่อไปหยิบสลิปเปอร์ที่ตู้รองเท้ามาให้โล่เฟยเอ๋อ “ใส่ซะ พื้นมันเย็น”

โล่เฟยเอ๋อตอบรับอย่างเชื่อฟัง หยิบเอาสลิปปเปอร์ในมือของซูซีมู่มาสวม

หลังจากที่โล่เฟยเอ๋อสวมสลิปเปอร์แล้วซูซีมู่ก็มองจนทั่วเรือนร่างของโล่เฟยเอ๋อแล้วถามขึ้นมา “หิวไหม?”

โล่เฟยเอ๋อมองเขาด้วยความงุนงงโดยไม่พูดอะไร

ซูซีมู่พูดอีกครั้ง “ผมจะไปทำอาหารถ้าคุณหิวก็ทานเค้กรองท้องไปก่อน”

โล่เฟยเอ๋อส่ายหัวปฏิเสธ “ฉันไม่หิว”

ซูซีมู่ตอบรับแล้วเดินไปทางห้องครัว

โล่เฟยเอ๋ออยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดออกมา

หลังจากที่ซูซีมู่เข้าครัวไปแล้ว โล่เฟยเอ๋อก็เห็นกระเป๋าของตัวเองวางอยู่บนโซฟา เธอลังเลอยู่ครู่หนึ่งก็เดินไปหยิบกระเป๋ามาเปิดออกเพื่อหยิบโทรศัพท์มาดูเวลาแต่แบตเตอรี่กลับหมด

“แบตหมด…” โล่เฟยเอ๋อบ่นพึมพำ หยิบเอาที่ชาร์จแบตออกจากกระเป๋ามาชาร์จโทรศัพท์

ทันทีที่เปิดโทรศัพท์ก็มีแจ้งเตือนเข้ามาไม่หยุด

จนผ่านไปเกือบหนึ่งนาทีเสียงก็เงียบไป

ทั้งหมดนั้นเป็นข้อความจากการที่ไม่ได้รับสายของซูซีมู่ทั้งก่อนและหลังจากที่เธอบอกเขาว่าอยู่ที่ไหน

มองดูการโทรเข้าหลายสิบสายนั้นดวงตาของโล่เฟยเอ๋อก็แดงขึ้น ก่อนที่น้ำตาจะไหลออกมาซูซีมู่ก็ส่งเสียงเรียกเธอไปทานข้าว

โล่เฟยเอ๋อหายใจเข้าลึก ๆ ปัดน้ำตาออก วางโทรศัพท์ลงแล้วเดินไปทางห้องครัว

ตอนที่โล่เฟยเอ๋อเข้าไปถึงซูซีมู่ก็ได้เตรียมทุกอย่างไว้พร้อมหมดแล้ว

น้ำตาที่โล่เฟยเอ๋ออดกลั้นเอาไหวไหลออกมาอีกครั้งอย่างกลั้นไม่อยู่ กลัวว่าซูซีมู่ก็เห็นเข้าเธอจึงก้มหน้าลงต่ำ

ซูซีมู่มองไปที่เธอที่ไม่ยอมขยับตัว “เป็นอะไร? ไม่ชอบอาหารพวกนี้เหรอ?”

โล่เฟยเอ๋อส่ายหัวปฏิเสธแล้วลงมือทานข้าว

ซูซีมู่คิดว่าเธอยังคงคิดถึงเรื่องที่ถูกไล่ออกจากบริษัทดี้ก้วนเขาก็ไม่พูดอะไรต่อนอกจากตักอาหารให้โล่เฟยเอ๋อเป็นครั้งคราว

ระหว่างทานข้าวจู่ ๆ เสียงโทรศัพท์ของซูซีมู่ก็ดังขึ้นมา

เขาวางมือจากการทานข้าว หยิบโทรศัพท์จากกระเป๋าเสื้อออกมาดูแล้วพูดกับโล่เฟยเอ๋อ “ผมขึ้นข้างบนก่อน คุณทานให้เสร็จแล้วทิ้งไว้นี่แหละ ผมจะมาทำความสะอาดทีหลัง”

ซูซีมู่พูดจบก็ลุกขึ้นไปรับโทรศัพท์ที่ชั้นสองโดยไม่รอคำตอบจากโล่เฟยเอ๋อ

โล่เฟยเอ๋อมองด้านหลังของซูซีมู่ที่ค่อย ๆ หายไปทางบันไดจนลับตาก็กลับมาสนใจอาหารตรงหน้าต่อ

เมื่อซูซีมู่เข้ามาในห้องทำงานบนชั้นสองแล้วก็พูดกับคนปลายสาย “พูดมา”

คนปลายสายโจวเฉิงพูดด้วยอาการสั่นเทา “คุณ… โล่ถูกใส่ร้าย”

ซูซีมู่ตอบรับ ให้โจวเฉิงพูดต่อ

“งานลอกเลียนแบบนั่นนักออกแบบของคุณโล่เป็นคนทำ เพราะเธอไม่ต้องการทำลายอนาคตของตัวเอง…” โจวเฉิงยังพูดไม่ทันจบซูซีมู่ก็ตัดบทด้วยคำพูดที่เต็มไปด้วยความกรุ่นโกรธ “ก็เลยทำลายอนาคตของคนอื่นแทน?”

คนปลายสายโจวเฉิงได้ยินคำพูดของซูซีมู่ก็เกิดตัวสั่นด้วยความกลัวขึ้นมา

และดูเหมือนว่าความโกรธของซูซีมู่จะไม่จบเพียงแค่นั้น ถามกลับต่ออีกครั้ง “มีใครที่เกี่ยวข้องกับเรื่องอีก?”

“ผมสงสัยว่าหัวหน้าแผนกออกแบบปกปิดเรื่องนี้ไว้ ส่วนเรื่องอื่นไม่มีแล้วครับ” โจวเฉิงกลืนน้ำลายแล้วตอบกลับ

ซูซีมู่ตอบรับ “หัวหน้าทำงานบนความประมาท ถอดเขาออกซะ ส่วนนักออกแบบที่วาดภาพนั่นฉันไม่ต้องการเห็นเธอยู่ในวงการเครื่องประดับนี้อีก”

คนหนึ่งถูกไล่ออก! อีกคนหายไปจากวงการเครื่องประดับ!

ประธาณซูโกรธเป็นฟืนเป็นไฟแล้ว!

น่าสงสารสองคนนั้นจริง ๆ!

แน่นอนว่าโจวเฉิงแค่คิดว่าพวกเขาน่าสงสารก็แค่นั้น ไม่ได้มีความเห็นอกเห็นใจอะไรพวกเขาเลยเพราะคนที่น่าสงสารพวกนี้ทำสิ่งน่ารังเกียจลงไป

ถ้าคนที่ถูกใส่ร้ายไม่ใช่คุณโล่แต่เป็นคนอื่น อนาคตของคนพวกนั้นในวงการเครื่องประดับคงไม่มีอีกแล้ว

“งั้น…ทางคุณโล่พรุ่งนี้ค่อยให้คนที่บริษัทดี้ก้วนแจ้งให้เธอรู้ไหมครับ?” โจวเฉิงถามอย่างระมัดระวัง

ซูซีมู่ขมวดคิ้ว “พรุ่งนี้ช้าไป โทรหาเธอวันนี้เลย”

วันนี้? คนปลายสายโจวเฉิงมองไปที่ท้องฟ้าอันมืดสนิท โทรหาตอนกลางคืน?

“ครับ”

ซูซีมู่ตอบรับ กำลังจะวางสายแต่ก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้จึงพูดเสริม “ให้เธอพักหนึ่งวัน วันต่อไปค่อยให้ไปทำงาน”

ให้หยุดหนึ่งวัน? โจวเฉิงอยากจะพูดออกไปมากกว่า ประธาณซูโปรดให้วันหยุดกับผมด้วย!

เห็นว่าโจวเฉิงไม่ได้ตอบกลับมาซูซีมู่จึงถามกลับด้วยเสียงที่ดังขึ้น “ไม่ได้ยินที่พูดเหรอ?”

โจวเฉิงรับรู้ได้ถึงอารมณ์ที่เริ่มไม่คงที่ของซูซีมู่ก็รีบตอบกลับ “ได้ยินครับ”

ซูซีมู่ตอบรับด้วยความพึงพอใจแล้วถึงกดวางสาย

หลังจากวางสาย ซูซีมู่ก็มองป้ายไฟที่อยู่ด้านนอกผ่านทางหน้าต่างทรงสูงสักพักก็หันกลับแล้วเดินออกไปจากห้องทำงาน

เขาเข้าไปในห้องของตัวเองซึ่งอยู่ประตูถัดไปแทนที่จะลงไปข้างล่าง

เมื่อเขาออกมาก็มีถุงใบหนึ่งติดมือมาด้วย

เขาเอาถุงใบนั้นลงไปข้างล่างด้วย

ขณะที่กำลังจะก้าวลงบันไดลงไปชั้นล่างก็หยุดลงเมื่อเขาก็ได้ยินเสียงโล่เฟยเอ๋อกำลังคุยโทรศัพท์

ซูซีมู่ได้ยินโล่เฟยเอ๋อพูดเบา ๆ ว่าเธอถูกบริษัทใส่ร้ายเรื่องการลอกเลียนแบบงาน

ฟังโล่เฟยเอ๋อบ่นและพูดถึงความอึดอัดใจของเธอให้คนปลายสายฟัง

ซูซีมู่เม้มริมฝีปากแน่น เกิดความรู้สึกไม่พอใจขึ้นภายในใจ

ทำไมเธอยอมบอกเรื่องพวกนี้กับคนอื่นแต่ไม่ยอมบอกเขา?”

หรือในใจของเธอ เขาด้อยกว่าคนคนนั้น?

ซูซีมู่กำเสื้อและผ้าเช็ดตัวแน่นอย่างไม่รู้ตัว ใบหน้าค่อย ๆ ดำทะมึนขึ้นทีละนิด

ซูซีมู่ยืนอยู่ตรงบันไดจนกระทั่งโล่เฟยเอ๋อจบการสนทนากับคนปลายสาย ใบหน้าของเขากลับมาเป็นปกติอีกครั้งก็เดินลงไปชั้นล่าง

โล่เฟยเอ๋อพึ่งคุยโทรศัพท์กับหซิวหชูเฉียวจบ ได้ยินเสียงสลิปเปอร์ลงมาจากชั้นบน เธอหันกลับไปมองก็เห็นซูซีมู่ที่ใบหน้าเย็นชาถือถุงติดมือลงมาด้วย

โล่เฟยเอ๋อรู้สึกว่าสีหน้าของซูซีมู่แปลกไป เกิดอะไรขึ้นกับเขา? เมื่อกี้ยังดี ๆ อยู่เลย

แม้ซูซีมู่จะไม่พอใจ แต่เขาก็ไม่ได้ลงกับโล่เฟยเอ๋อ

เขายื่นถุงให้โล่เฟยเอ๋อแล้วเดินออกไป

โล่เฟยเอ๋อมองไปที่ซูซีมู่สลับกับถุงในมืออย่างไม่เข้าใจ “นี่คือ?”

ซูซีมู่หยุดเท้าลง ก็พูดออกมาสามคำโดยที่ไม่ได้หันกลับไปมอง ‘เสื้อผ้าของคุณ’ แล้วเดินไปยังห้องครัวเพื่อทำความสะอาด

งานแต่งพี่สาว แต่…ฉันกลับเป็นเจ้าสาว!

งานแต่งพี่สาว แต่…ฉันกลับเป็นเจ้าสาว!

Status: Ongoing

โล่เฟยเอ๋อคิดไม่ถึง เธอมาเข้าร่วมงานแต่งงานของพี่สาว แต่สุดท้าย เธอกลายเป็นเจ้าสาวซะเอง หนี ต้องหนีไป ซูซีมู่เป็นคนที่ชอบควบคุมทุกสิ่งทุกอย่าง อยากสั่งให้เขาแต่งงานอย่างเชื่อฟัง ไม่มีทาง เมื่อโล่เฟยเอ๋อที่กำลังหนีงานแต่งงานมาพบกับซูซีมู่ที่กำลังหนีงานแต่งงานเหมือนกัน จะเกิดอะไรขึ้น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท