บทที่ 44 ราตรีสวัสดิ์ของเธอคือฉันรักคุณ
โล่เฟยเอ๋อวิ่งไปที่ประตูวิลล่าของซูซีมู่ด้วยอึดใจครั้งเดียว เธออดใจรอไม่ไหว รีบกดกริ่งที่หน้าวิลล่าของซูซีมู่
หลังจากกดกริ่งประตูเธอยืนเงียบๆ และรออยู่นอกประตู
โล่เฟยเอ๋อรอสองสามนาที แต่ก็ไม่มีใครมาเปิดประตู เธอคิดว่าซูซีมู่ไม่ได้ยินเสียงกริ่ง ก็ก้าวไปกดกริ่ง อีกครั้ง คราวนี้ก็ไม่มีใครเปิดประตูอีกเหมือนเดิม
“เขาออกไปหรือเปล่า?”โล่เฟยเอ๋อพึมพำกับตัวเองแล้วก้มหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาซูซีมู่ แต่โทรศัพท์ของซูซีมู่ก็ยิงปิดอยู่เหมือนเดิม
โล่เฟยเอ๋อจ้องที่ประตูของวิลล่าอย่างเลื่อนลอย จากนั้นก็หันหลังกลับ
เธอไม่ได้กลับไป แต่นั่งยองๆลง
ซูซีมู่ได้ยินเสียงกริ่งดังขึ้น และเปิดประตูดูเห็นเป็นโล่เฟยเอ๋ออยู่ข้างนอก แต่ก็ไม่ได้เปิดประตูให้
แต่เดิมเขาคิดว่าเขาไม่เปิดประตู โล่เฟยเอ๋อจะกลับไปทันที
ฉันไม่ได้คิดว่า โล่เฟยเอ๋อ กำลังนั่งยองๆอยู่ด้านนอกประตูรอเขา
เมื่อมองออกมาจากตาแมว เห็นแผ่นหลังที่น่ารักน่าทะนุถนอมของเธอ ซูซีมู่เกือบจะเปิดประตูโดยไม่รู้ตัว
แต่ตราบใดที่เขาคิดว่าเธอมาที่นี่เพื่อพี่สาวของเธอ เขาก็ไม่ต้องการเห็นเธอ
ซูซีมู่จึงยืนอยู่ข้างหลังประตูอย่างเงียบๆ รอให้โล่เฟยเอ๋อกลับไป
เมื่อพระอาทิตย์ตกดิน ความมืดก็ค่อยๆเข้ามา และแสงนีออนข้างนอกก็สว่างขึ้นทีละดวง
ไม่มีใครอยู่ในวิลล่าของซูซีมู่ ดังนั้นจึงไม่มีแสงสว่างในลานบ้าน ไฟถนนก็อยู่ไกลแสงส่องมาไม่ถึงลานบ้าน
โล่เฟยเอ๋อมองไปที่ลานมืดๆ รู้สึกตกใจเล็กน้อยเธอจึงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋าและใช้เป็นไฟฉาย
แล้วยังพูดกับตัวเองเบาๆ ทำใจให้กล้าหน่อย
“โล่เฟยเอ๋อไม่กลัวไม่กลัว รออีกสักครู่เขาก็มาแล้ว……”
เมื่อได้ยินเสียงพึมพำของ โล่เฟยเอ๋อ ซูซีมู่ก็ทนไม่ได้อีกต่อไป รีบเปิดประตูวิลล่าแล้วดึงเธอลุกขึ้นมา
“อ๊ะ……”โล่เฟยเอ๋ออยู่ๆก็โดนเงาดำฉุดขึ้นมา ตอนแรกก็ตื่นตระหนก แต่ต่อมาก็แรงดิ้นรนขัดขืน
“ผมเอง”เสียงเย็นๆดังก้องอยู่ในหู โล่เฟยเอ๋อก็หยุดดิ้นทันที
โล่เฟยเอ๋อลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดว่า “ซู……คุณซู?”จริง ๆ แล้วโล่เฟยเอ๋อไม่ต้องการเรียกเขาห่างเหินแบบนี้,แต่นอกจากแซ่ของเขาแล้ว เธอก็ไม่รู้ว่าเขาชื่ออะไร
เมื่อได้ยินคำว่า‘มิสเตอร์ซู’ได้ยินสามคำนี้ ซูซีมู่ก็โกรธจนตัวสั่น
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งซูซีมู่ ก็พูดออกมาสามคำว่า “ซูซีมู่”
หลังจากบอกชื่อของตัวเองแล้ว ซูซีมู่ปล่อยมือโล่เฟยเอ๋อ แล้วเดินกลับเข้าไปในวิลล่า เปิดไฟที่ทางเข้าและเดินตรงไปที่ห้องนั่งเล่น
โล่เฟยเอ๋อมองตามหลังซูซีมู่ แล้วนิ่งไปสองสามวินาทีก่อนที่จะนึกขึ้นมาได้ว่าเมื่อกี้เขาพูดว่าอะไร
เขาพูดว่าซูซีมู่
เขาบอกเธอว่าเขาชื่อซูซีมู่เหรอ?
ดวงตาของโล่เฟยเอ๋อส่องประกายด้วยความตื่นเต้นและรีบไปที่บ้าน “เมื่อกี้คุณ……”
เมื่อเธอเดินเข้ามาเธอก็ตระหนักได้ว่าดูเหมือนเธอจะมาไกลเกินไปแล้ว
เธอรีบปิดปากของเธออย่างรวดเร็ว แต่ไม่สามารถปิดมุมปากที่เผยอของเธอได้ เธอเปลี่ยนรองเท้าและเดินเบา ๆ เข้าไปในบ้าน
มือของซ้ายซูซีมู่ล้วงกระเป๋ากระเป๋า ส่วนมือขวาก็หยิบโทรศัพท์ออกมาเลื่อนดู
ใบหน้าที่หล่อเหลาเลิศล้ำ ที่ออกจะเย็นชา ละเอียดละอ่อน ริมฝีปากที่ปิดอยู่อันไร้ที่ติ มองดูแล้วแสนจะเย็นชา
เมื่อเห็นเธอเข้ามา เขาเงยหน้าขึ้นมองเธอเพียงเล็กน้อย เขาหยุดมองหน้าเธอครู่หนึ่งแล้วชี้ไปที่โซฟาอีกฝั่ง จากนั้นจึงดูโทรศัพท์ต่อ
โล่เฟยเอ๋อนิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วเดินไปนั่ง
หลังจากนั้นประมาณสองสามนาที ซูซีมู่วางโทรศัพท์แล้วยกมือขึ้นลูบต้นคอ
กระดูกต้นคอยังไม่หายดีเมื่อกี้เขาวางมาดนานไปหน่อยทำให้ตรงต้นคอรู้สึกไม่ค่อยสบาย
โล่เฟยเอ๋อมองการเคลื่อนไหวของซูซีมู่ แล้วรู้สึกแปลกเล็กน้อย แต่ไม่รู้ว่าแปลกตรงไหน
หลังจากนั้นครู่หนึ่งเธอพูดว่า:“คุณกลับมาเมื่อเชเหรอ?”
ซูซีมู่ลืมตาแล้วมองไปที่โล่เฟยเอ๋อ
โล่เฟยเอ๋ออธิบายว่า:“ตอนที่ฉันมาที่นี่ คุณ รปภ.บอกกับฉัน”
ซูซีมู่ตอบกลับไปแค่‘อือ’แล้วไม่ได้พูดอะไรอีก
“คุณเป็นอย่างไร ……เมื่อกี้พักผ่อนอยู่เหรอ?”ที่จริงโล่เฟยเอ๋ออยากจะถามเขาว่า‘คุณรู้ได้ยังไงว่าฉันอยู่ข้างนอก?’แต่พอจะพูดแล้วก็เปลี่ยนเป็น‘เมื่อกี้คุณพักผ่อนอยู่เหรอ?’
ซูซีมู่นิ่งไปสักครู่ แล้วพยักหน้าลงเล็กน้อย
หลายวันมานี้ฉันไม่เจอคุณ ฉันยังนึกว่า……”เกิดเรื่องอะไรกับคุณ ประโยคหลังโล่เฟยเอ๋อไม่ได้พูดออกมา
ซูซีมู่จ้องหน้าเธอสองสามวินาทีแล้วตอบว่า “มีธุระให้ต้องจัดการ”
ที่แท้เขามีเรื่องต้องไปจัดการ……แต่เธอตามหาเขาทั้งวันเหมือนกับคนโง่ โล่เฟยเอ๋อก้มหน้าแล้วมาหนึ่งคำ‘อ่อ’
ซูซีมู่มองโล่เฟยเอ๋อที่อยู่ตรงข้ามกับเขา ไม่รู้ว่าเขาคิดไปเองหรือเปล่าเขารู้สึกว่าเธอเหมือนลูกแมวที่ถูกทิ้ง
ทั้งผิดหวังและเศร้าซึม
เขาอ้าปากกำลังจะพูดอะไร แต่โล่เฟยเอ๋อจู่ๆก็ลุกขึ้นแล้วพูดว่า“ค่ำแล้ว ฉันควรกลับได้แล้ว”
“เดี๋ยวก่อน”ซูซีมู่พูดห้ามเธอไว้
“หือ?”โล่เฟยเอ๋อมองเขาอย่างประหลาดใจ
ซูซีมู่เงยหน้ามองเธอแล้วพูดออกมาเบาๆ“กินข้าวก่อนแล้วค่อยกลับเถอะ”
“ฉันกลับไป……”โล่เฟยเอ๋อยังพูดไม่จบ ซูซีมู่ก็ขัดจังหวะเธอ “ผมสั่งอาหารแล้ว
ที่แท้เมื่อครู่ที่เขากดโทรศัพท์ก็เพื่อสั่งอาหาร!โล่เฟยเอ๋อตอบ‘อืม’ไปหนึ่งคำแล้วไม่ได้พูดอะไรอีก
ประมาณสิบกว่านาที อาหารก็มาส่ง
ซูซีมู่และโล่เฟยเอ๋อไม่ได้พูดอะไรกัน เพียงกินอาหารเย็นกันอย่างเงียบๆ
หลังอาหารเย็นโล่เฟยเอ๋อช่วยให้ซูซีมู่เก็บกวาดแล้วบอกลาซูซีมู่
“ฉันกลับก่อนนะ”
ซูซีมู่ยืนขึ้นแล้วพูดว่า:“ผมจะโทรเรียกคนขับรถไปส่งคุณ”
“ไม่ต้องยุ่งยากหรอก”โล่เฟยเอ๋อส่ายหัวแล้วพูดว่า:“อีกอย่างรอคนขับรถของคุณมา ถึงเวลานั้นก็ดึกแล้ว”
ได้ยิน โล่เฟยเอ๋อพูดแบบนี้ก็ซูซีมู่ไม่ได้พูดอะไรอีก แล้วส่งเธอออกจากหมู่บ้านเพื่อขึ้นรถแท็กซี่
เมื่อมองไปที่ซูซีมู่ข้างนอกรถหัวใจของโล่เฟยเอ๋อที่นั่งอยู่ในแท็กซี่ก็รู้สึกหวานละมุนและอบอุ่น
ที่แท้ความรู้สึกคับข้องใจอยู่ในก้นบึ้งของหัวใจกลายเป็นโล่งใจก็มีความสุขอย่างนี้เอง
เมื่อโล่เฟยเอ๋อกำลังเปิดประตูบ้านของหซิวหชูเฉียว โทรศัพท์ในกระเป๋าก็ดังขึ้น
โล่เฟยเอ๋อเข้าไปที่ในบ้านแล้วหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋าออกมารับสาย โดยไม่ได้มองหน้าจอ
“สวัสดีค่ะ”
เสียงเย็นชาของซูซีมู่ดังออกมาจากโทรศัพท์ “ถึงบ้านรึยัง?”
เมื่อได้ยินเสียงของซูซีมู่ โล่เฟยเอ๋อก็ตอบกลับไป “เพิ่งจะเข้าบ้าน ทำไมคุณยังไม่ยินอีก?”
ซูซีมู่ตอบหลังจากเงียบไปสองสามวินาที“จะนอนแล้ว”
จะนอนแล้ว?เขารอเธอถึงบ้านก่อนเหรอ?
โล่เฟยเอ๋อตื่นเต้นเล็กน้อยแล้วตะโกนกลับไป:“ฉันรัก……”
พูดได้แค่ครึ่งคำ โล่เฟยเอ๋อถึงได้รู้ว่าตัวเองพูดอะไรออกมา เธอรีบปิดปากทันที
อีกนิดเดียวเธอก็เกือบจะพูดออกไปแล้วเนี่ย?พูดไม่ได้ ยังไงก็พูดไม่ได้เด็ดขาด
“อะไรเหรอ?”น้ำเสียงของซูซีมู่งุนงงเล็กน้อย
โล่เฟยเอ๋อกัดมุมปากเอาไว้แน่นคิดว่าก่อนหน้านี้เห็นประโยคบนอินเทอร์เน็ตที่ไว้ใช้แทนคำว่าฉันรักคุณ
ราตรีสวัสดิ์ ฉันรักคุณ รักคุณ
ในที่สุดโล่เฟยเอ๋อก็พูดโทรศัพท์:“ซูซีมู่ ราตรีสวัสดิ์”