บทที่56 แผนร้ายของโล่หยิวชิวไม่เป็นผล
เมื่อซูซีมู่ ขับรถไปถึงปากทางตึกอวิ๋นเหซียง โล่หยิวชิว แต่งตัวสวยเพื่อรอเขาอยู่ที่ปากทางเข้า
ซูซีมู่ขมวดคิ้ว จากนั้นจึงค่อย ๆ จอดรถตรงหน้าโล่หยิวชิว
เดิมทีโล่หยิวชิวยังแปลกใจทำไมจึงมีรถ Mercedes-Benz GLS-Class จอดอยู่หน้าเธอ
แต่เมื่อเห็นซูซีมู่ที่เลื่อนกระจกรถลงมา ตาเธอก็เป็นประกาย
เธอหันไปมองซูซีมู่และส่งยิ้มที่เธอคิดว่าสวยสมบูรณ์แบบที่สุดให้เขา จากนั้นจึงเดินไปที่รถซูซีมู่อย่างเชื่องช้า
เธอมั่นใจในตัวเองมาก ขอเพียงให้เธอได้เข้าใกล้ผู้ชายคนนี้ ผู้ชายคนนี้ก็ไม่มีวันหนีพ้นเงื้อมมือเธอไปได้
แต่ทว่าซูซีมู่ไม่ได้คิดจะให้เธอขึ้นรถ
เมื่อพบว่าประตูรถของซูซีมู่ เปิดไม่ออกนั้นโล่หยิวชิวยังคิดว่าซูซีมู่ลืมปลดล็อก จึงได้เตือน: “คุณซู คุณไม่ได้ปลดล็อกค่ะ”
ซูซีมู่ไม่ได้ตอบโล่หยิวชิว เขาเพียงแค่ถาม “โล่เฟยเอ๋ออาศัยอยู่ไหน?”
ซูซีมู่แสดงออกชัดเจนขนาดนี้ หากโล่หยิวชิวยังไม่เข้าใจก็โง่เต็มทน
สีหน้าเธอทั้งซีดทั้งเขียว อีกนิดหนึ่งคงจะทนฝืนยิ้มไว้ไม่ไหว “คุณซู คุณคงจะรู้นะคะ ว่ามีแต่ฉันที่รู้ที่อยู่ของโล่เฟยเอ๋อ”
“แล้วไง?” ซูซีมู่หรี่ตาลงเล็กน้อย มีความอันตรายจากความหยิ่งผยอง
แม้น้ำเสียงของซูซีมู่จะมีเสน่ห์ชัดเจน ถึงแม้ว่าเขาจะพูดด้วยความอ่อนโยนชัดเจน ถึงแม้ว่าเขาจะกำลังยิ้ม แต่น้ำเสียงแบบนี้กลับทำให้โล่หยิวชิวรู้สึกว่าน่ากลัวไม่น้อย แต่ตอนนี้เธอพูดออกไปแล้ว ขี่หลังเสือแล้วยากที่จะลง เธอยังดึงดันพูด: “ถ้าฉันไม่บอกคุณ คุณไม่มีวันจะหาเธอเจอ”
เพราะก่อนหน้านี้ที่ควรบอกโล่เฟยเอ๋อ แต่ไม่ได้บอกแม้แต่ชื่อของซูซีมู่ โล่หยิวชิวจึงคิดว่าโล่เฟยเอ๋อและซูซีมู่รู้จักกันเพียงผิวเผิน วันนี้เธอจึงหลอกซูซีมู่อย่างไม่มีความกลัว เพื่อให้ซูซีมู่ประนีประนอมกับเธอ
แต่โล่หยิวชิวกลับไม่รู้ว่าการที่เธอคิดจะเล่นตุกติกกับซูซีมู่นั้นเป็นการเลือกที่ผิดเสียจริง
ถ้าไม่ใช่เพราะซูซีมู่รีบร้อนที่จะหาโล่เฟยเอ๋อให้เจอแล้ว เขาคงไม่มาพบโล่หยิวชิว ไม่เช่นนั้นเขารอพรุ่งนี้ไปหาโล่เฟยเอ๋อ ที่บริษัทดี้ก้วนก็ได้
“เหรอ?” ซูซีมู่ยิ้มให้โล่หยิวชิวอย่างเย็นชา
เมื่อเห็นรอยยิ้มของซูซีมู่ โล่หยิวชิวเริ่มไม่แน่ใจกับข้อสันนิษฐานในใจแล้ว “คุณ…”
ซูซีมู่ไม่แม้แต่จะมองโล่หยิวชิว จากนั้นก็ออกรถไป
มองดูรถของซูซีมู่ที่ขับออกไปโล่หยิวชิวโกรธจนกระทืบเท้า
“สมควรตาย โล่เฟยเอ๋อฉันจะไม่ยอมให้เธอได้อยู่กับเขา เขาจะต้องเป็นของฉันโล่หยิวชิว”
หลังจากที่ออกมาจาก ตึกอวิ๋นเหซียงแล้ว ซูซีมู่ขับรถกลับไปที่ชุมชนปี้ไห
เวลานี้เป็นเวลาเย็นเกือบจะค่ำแล้ว ประตูชุมชนปี้ไหเริ่มมีคนเยอะขึ้นเรื่อย ๆ
ซูซีมู่จ้องมองที่ประตูซูซีมู่ไม่วางตากลัวจะคลาดกับโล่เฟยเอ๋อ
อันที่จริงเขาไม่แน่ใจว่าโล่เฟยเอ๋อจะปรากฏตัวที่ประตูคอนโดรึเปล่า เขามีเพียงความคิดว่าโล่เฟยเอ๋อ อาจจะโผล่มา
และในความเป็นจริง ‘ความเป็นไปได้’ ของซูซีมู่ก็ถูกแล้ว
รออยู่ประมาณครึ่งชั่วโมง ซูซีมู่ก็เห็นโล่เฟยเอ๋อลงมาจากรถโดยสาร เดินเข้าคอนโดมา เขารีบเปิดประตูลงจากรถ
หลังจากที่โล่เฟยเอ๋อไปทำแผลที่โรงพยาบาลช่วงบ่ายแล้ว คิดขึ้นได้ว่าอัลบั้มภาพของเธอใกล้จะหมดแล้ว จึงได้แวะไปห้าง เพราะกระเป๋าเธอโดนขโมยไป ทั้งการ์ดและเงินสดจึงโดนขโมยไปด้วย ต้องใช้เงินที่หซิวหชูเฉียวช่วยออกให้ เพื่อความประหยัดโล่เฟยเอ๋อจึงต้องโดยสารรถเมล์
รอเธอนั่งรถเมล์วนไปวนมากว่าจะกลับมา ก็มืดค่ำแล้ว
เธอเดินถือถุงไปถอนหายใจไป คิดว่ากว่าเงินเดือนจะออกก็อีกครึ่งเดือน เธอจะใช้ชีวิตอย่างไรดี
เมื่อเดินใกล้จะถึงทางเข้าคอนโด ทันใดนั้นเธอก็เห็นซูซีมู่ยืนอยู่ไม่ไกล
โล่เฟยเอ๋อคิดไม่ถึงว่าเธอจะได้เจอซูซีมู่ที่หน้าทางเข้าคอนโด
เดิมทีเธอคิดว่าเขาออกไปอย่างนั้นแล้ว พวกเขาคงไม่ได้เจอกันอีก
โล่เฟยเอ๋อ บีบถุงในมือแน่นโดยไม่รู้ตัว จากนั้นเดินไปทางซูซีมู่ หยุดอยู่ตรงหน้าซูซีมู่ประมาณหนึ่งเมตร จากนั้นจึงกล่าวทักทายซูซีมู่อย่างเรียบเฉย “บังเอิญจัง คุณมีธุระแถวนี้เหรอคะ?”
“เปล่า” ซูซีมู่ส่ายหน้า “ผมมาหาคุณ”
เมื่อได้ยินซูซีมู่บอกว่าเขามาหาเธอ มือของ โล่เฟยเอ๋อก็สั่นเล็ก ๆ เธอแอบสอดสายตามองไปที่ซูซีมู่
ใบหน้าของซูซีมู่ยังคงเย็นชาเหมือนเคย ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
มองดูเขาที่เป็นอย่างนั้น คงจะไม่รู้ความลับของเธอ?
ถึงแม้จะหดหู่ แต่เธอก็โล่งอก
โล่เฟยเอ๋อเก็บสายตาและมีรอยยิ้มจาง ๆ บนใบหน้า “ทำไมคุณมาที่นี่ตอนนี้คะ?”
ซูซีมู่เห็นรอยยิ้มของโล่เฟยเอ๋อ การแสดงสีหน้าก็อ่อนลงเล็กน้อย “โทรศัพท์คุณโทรไม่ติด”
โล่เฟยเอ๋อรู้ว่าคำพูดนี้หมายความว่า โทรหาเธอไม่ติดก็เลยมาหาเธอ
เธอสูดหายใจลึกแล้วตอบ “อ๋อ กระเป๋าฉันโดนขโมยค่ะ โทรศัพท์โดนขโมยไปแล้ว”
โล่เฟยเอ๋อเป็นกังวลว่าซูซีมู่จะคิดมากจึงตั้งใจไม่พูดเรื่องวิ่งราวเมื่อคืน
แต่เธอกลับไม่รู้ว่าเมื่อวานซูซีมู่โทรหาเธอ ดังนั้นซูซีมู่จึงสามารถปะติดปะต่อและรู้ได้ว่าเมื่อวานโล่เฟยเอ๋อโดนวิ่งราว
“เมื่อวานตอนกลับบ้านเหรอ?” ซูซีมู่ไม่ได้ตั้งคำถาม แต่เป็นคำพูดเพื่อยืนยัน
โล่เฟยเอ๋อรู้ว่าคงปิดไม่มิดจึงพูด: “คือว่า…เมื่อวานระหว่างทางกลับมา มีมอเตอร์ไซค์วิ่งราว”
โล่เฟยเอ๋อพูดเบา ๆ ทำให้ซูซีมู่เข้าใจผิดว่าเรื่องน่าจะเบาเหมือนกับที่เธอพูด แต่ทันใดนั้นที่เขาเห็นมือเธอที่พันแผล ใบหน้าเขาก็แข็งทื่อไป
มือเธอบาดเจ็บได้อย่างไร? เป็นบาดแผลจากโดนวิ่งราวใช่ไหม?
“มือเจ็บได้ยังไง?”
ไม่รอคำตอบของโล่เฟยเอ๋อ ซูซีมู่ถามเพิ่ม “ตอนวิ่งราวเหรอ?”
โล่เฟยเอ๋อตอบ‘อือ’เบา ๆ จากนั้นจึงพูด: “เป็นแผลนิดเดียวเอง แต่คุณหมอพันแผลซะเว่อร์เลย”
ซูซีมู่ไม่เชื่อคำพูดของโล่เฟยเอ๋อ และไม่ได้เปิดโปงโล่เฟยเอ๋อ แต่เอาแต่จ้องมือที่มีผ้าพันแผลของโล่เฟยเอ๋อ
โล่เฟยเอ๋อเงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูด “ดึกมากแล้ว คุณรีบกลับเถอะค่ะ”
ซูซีมู่อ้าปากเตรียมจะพูดแต่สุดท้ายก็ไม่พูดอะไร เพียงแต่ยื่นมือไปรับถุงจากมือของโล่เฟยเอ๋อ เดินนำเข้าไปที่คอนโด
โล่เฟยเอ๋อตะลึงไปครู่หนึ่งจึงรู้ตัวว่าซูซีมู่ต้องการจะไปส่งเธอที่คอนโด ไม่สามารถจะปฏิเสธได้จึงเดินตามไป
โล่เฟยเอ๋อเดินพาซูซีมู่มาจนถึงห้องพักของหซิวหชูเฉียวจึงได้หยุดเดิน
“ตอนนี้ฉันอยู่บ้านเพื่อนที่นี่ค่ะ”
ซูซีมู่รู้ว่าเพื่อนที่โล่เฟยเอ๋อพูดถึงเป็นรูมเมทเธอ ถึงแม้ว่าเขามีความตั้งใจอยากทำความรู้จักกับรูมเมทเธออยู่แล้ว แต่เขารู้ดีว่าตอนนี้คงไม่เหมาะ อย่างน้อยคืนนี้ก็ไม่เหมาะ
ในเมื่อเขารู้ว่าโล่เฟยเอ๋ออยู่ที่ไหนแล้ว อยากจะพบรูมเมทก็เป็นเรื่องง่ายนิดเดียว ไม่จำเป็นต้องรีบ ซูซีมู่บอกตัวเองในใจเช่นนี้ จากนั้นจึงส่งถุงในมือให้โล่เฟยเอ๋อ “งั้นผมไปก่อน”
“คุณ…” โล่เฟยเอ๋อที่เดิมทีคิดจะชวนซูซีมู่เข้าไปนั่งพักสักครู่ แต่เมื่อคิดว่าที่นี่คือห้องของหซิวหชูเฉียว เธอเป็นเพียงคนที่มาขออาศัย จึงได้แต่กลืนคำพูดที่ติดอยู่มุมปาก “คุณขับรถดี ๆ นะคะ”
“อือ เจอกันพรุ่งนี้นะ” เมื่อพูดจบ ซูซีมู่ก็จากไป