บทที่ 83 ทางเดียวกันช่วยรับเธอด้วย
ตอนที่โจวเฉิงเดินเอาเอกสารเข้าไปในสำนักงานของซูซีมู่ก็เห็นว่าซูซีมู่กำลังอนุมัติเอกสารที่อยู่บนโต๊ะทำงานอยู่
” ประธานซู อันนี้เป็นเอกสารด่วนที่จะให้เซ็นครับ ” โจวเฉิงเอาเอกสารในมทอส่งให้ซูซีมู่
ซูซีมู่ดูเอกสารในมือจนเสร็จแล้วหลังเซ็นชื่อเสร็จแล้วถึงค่อยรับเอกสารจากมือของโจวเฉิงมา
กำลังจะเปิดดู โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น
ซูซีมู่ใช้มือข้างหนึ่งเปิดดูเอกสารแล้วอีกข้างก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับสาย
เสียงของลู่ยู่ก็ดังขึ้นมาจากอีกฝั่ง
” ซูซีมู่ออกมากินข้าวกัน ”
” ยุ่งอยู่ ” ซูซีมู่พูดอย่างเรียบเฉย
” ซูซีมู่นายยุ่งทั้งวันเลยมันหมายความว่าอะไร ? ฉันจะบอกให้ว่าขนาดเฟยเอ๋อยังตกลงมาด้วยเลย นายไม่มามันถูกไหม ? ” ลู่ยู่บ่น
ซูซีมู่ที่ตอนแรกจะตอบกลับว่าไม่ว่าง พอได้ยินว่าเฟยเอ๋อก็ตกลงไปด้วยคำนี้ เขาก็เงียบ
ในเวลาเดียวมือที่กำลังพลิกเอกสารในมือก็หยุดลง
หลังจากไม่กี่วิต่อมา เขาก็ถามไปอย่างไม่แยแส
” ที่ไหน ? กี่โมง ? ”
” หนึ่งทุ่มที่หยู้ผินเซียง….” ชะงักไปครู่หนึ่งเหมือนจะคิดอะไรลางอย่างแล้วค่อยพูด
” ใช่แล้ว ซูซีมู่นายไปสั่งอาหารก่อนละกัน เหซิงโม่จะไปรับน้องสาว แล้วฉันจะไปแวะรับเฟยเอ๋อด้วย พวกเราไปถึงหยู้ผินเซียงน่าจะค่อนข้างดึก….”
คำพูดของลู่ยู่ยังพูดไม่ทันจบ ซูซีมู่ก็รีบตัดบทเขาทันที
” ฉันอยู่แถวๆบริษัทดี้ก้วน ”
โจวเฉิงที่ยืนอยู่หน้าโต๊ะทำงานพอได้ยินประธานของตัวเองพูดก็รู้สึกถึงประโยคนับพันแล่นเข้ามาในหัว
ท่านประธาน ก็เห็นอยู่ว่าคุณอยู่ในบริษัท ทำไมถึงได้หนีไปอยู่แถวๆบริษัทดี้ก้วนได้นะ ?
ราวกับว่าได้รับรู้ถึงความคิดในใจของโจวเฉิง ซูซีมู่ก็เหลือบไปจ้องโจวเฉิงด้วยสายตาที่เยือกเย็น
โจวเฉิงรีบหลบตาทันทีด้วยความรู้สึกอายจึงแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินสิ่งที่ประธานของตัวเองพูดออกมา
เมื่อได้ยินซูซีมู่พูดว่าอยู่แถวๆบริษัทดี้ก้วน ลู่ยู่ก็รีบบอก
” ซูซีมู่นายอยู่ดี้ก้วนหรอ ? งั้นนายก็แวะไปรับเฟยเอ๋อด้วยเลย ”
ซูซีมู่พูด”อืม”คำเดียวอย่างเรียบๆ จากนั้นก็วางสายไป เขาเขยิบเก้าอี้ไปด้านหลังแล้วลุกขึ้นเดินจากโต๊ะทำงานไปยังที่แขวนเสื้อผ้าหยิบเอาเสื้อคลุมแล้วเดินออกจากห้องไป
เมื่อได้รับคำตกลงของซูซีมู่ตัวโจวเฉิงก็ไม่กล้าที่จะพูดสักคำได้เพียงส่งสายตามองประธานของตัวเองจากไป
รอจนซูซีมู่จากไป เขาก็เตรียมเอาเอกสารด่วนที่จะให้ซูซีมู่เซ็นออกไปก็ปรากฏว่าพอหยิบเอหสารขึ้นมาถึงได้รู้ว่าประธานของพวกเขานั้นไม่ได้เซ็น
โจวเฉิงจ้องมองเอกสารในมือจนเกือบจะร้องไห้
ไหนบอกว่าจะทำโอที ? ไหนบอกว่าจะเซ็น ?
ท่านประธานคุณทำแบบนี้มันดีจริงๆหรอ ?
ระยะทางจากบริษัทซูซื่อไปบริษัทดี้ก้วนต้องไข้เวลาในการขับรถถึงครึ่งชั่วโมง ซูซีมู่เพื่อที่จะรีบไปรับโล่เฟยเอ๋อให้ทันตอนเธอเลิกงานเขาจึงรีบขับรถด้วยความเร็วสุดขีด
ออกจากบริษัทตอนห้าโมงสิบนาที แต่เขาใช้เวลาเพียงสิบห้านาทีก็มาถึงบริษัทดี้ก้วนแล้ว
ซึ่งยังเหลืออีกสองนาทีกว่าโล่เฟยเอ๋อจะเลิกงาน ซูซีมู่ก็เลยจอดรถยังที่ที่เขาเคยมารับโล่เฟยเอ๋อครั้งก่อนและเฝ้ารออย่างอดทน
เป็นเพราะได้นัดไว้กับลู่ยู่ว่าจะออกไปเที่ยวด้วยกัน ดังนั้นพอถึงเวลาเลิกงาน โล่เฟยเอ๋อก็รีบเก็บกระเป๋าออกจากบริษัท
โล่เฟยเอ๋อยืนอยู่ข้างถนนมองไปที่ทั้งสองข้างทางรอรถของลู่ยู่ ทันใดนั้นเธอก็เห็นรถของ ซูซีมู่จอดอยู่ตรงข้ามถนน
ทำไมรถของเขามาอยู่ที่นี่ ? โล่เฟยเอ๋อที่กำลังคิดอยู่ก็เห็นประตูฝั่งคนขับถูกผลักออกมาแล้วซูซีมู่ก็ลงมาจากรถ
เขามาทำไม? โล่เฟยเอ๋ออึ้ง
ตอนที่เธอกำลังยืนตะลึงอยู่นั้นซูซีมู่ก็ข้ามถนนเดินเข้ามาหาเธอ
” ผมมารับคุณ ”
โล่เฟยเอ๋อตอบกลับอย่างไร้สติ
” อะไรนะ ? ”
ซูซีมู่ก็ตอบกลับอย่างเฉยเมย
” ผมก็จะไปหาลู่ยู่เหมือนกันพอดีอยู่แถวนี้เลยรวดแวะมารับคุณด้วย ”
โล่เฟยเอ๋อที่เพิ่งเข้าใจก็พยักหน้ารับ
” อ๋อ ”
ซูซีมู่จ้องโล่เฟยเอ๋ออยู่หลายวิจากนั้นก็กล่าวว่า
” ขึ้นรถเถอะ สายแล้ว ”
โล่เฟยเอ๋อตอบ ” อืม ” คำเดียวเบาๆแล้วก็เดินตามซูซีมู่ไป
เวลานี้เป็นเวลาที่การจราจรหนาแน่น รถจำนวนมากก็ไหลเข้ามาบนถนน
เดิมทีซูซีมู่เดินด้วยความเร็ว แต่เดินไปได้ไม่นานก็เริ่มสาวเท้าช้าลง ในท้ายที่สุดเขาก็เดินเคียงข้างโล่เฟยเอ๋อ หลังจากข้ามถนนแล้วเขาก็รีบเดินข้ามไปเปิดประตูผู้โดยสารให้เธอ
หลังจากรอจนเธอขึ้นรถ เขาก็เดินอ้อมไปด้านหน้าแล้วเปิดประตูขึ้นรถไป
แล้วรถก็เคลื่อนไปยังคลับดี้เหา
ขับรถมาได้ประมานสองร้อยเมตร โล่เฟยเอ๋อก็ได้รับสายมาจากลู่ยู่โทรมาบอกว่าซูซีมู่จะแวะมารับเธอด้วย
” อืม ฉันอยู่บนรถซูซีมู่แล้ว ” โล่เฟยเอ๋อตอบพลันหันหน้าไปมองด้านข้างของซูซีมู่ที่กำลังตั้งใจขับรถ
ซูซีมู่ที่กำลังขับรถอยู่พอได้ยินโล่เฟยเอ๋อพูดชื่อของตัวเอง ก็หันหน้าไปมองโล่เฟยเอ๋อ
ซูซีมู่ที่กำลังขับรถพอได้ยินโล่เฟยเอ๋อเรียกชื่อตัวเองก็หันหน้าไปมองโล่เฟยเอ๋อด้วยความสงสัย
โล่เฟยเอ๋อที่กำลังคุยโทรศัพท์กับลู่ยู่ ก็ไม่สะดวกที่จะบอกซูซีมู่ไปตรงๆ
จึงทำได้เพียงเอนหน้าเข้าไปข้างหูของซูซีมู่พร้อมกับบอกด้วยเสียงเบาๆว่าลู่ยู่โทรมาหาเธอ
เสียงอันอ่อนนุ่มข้างหูพร้อมกับกลิ่นหอมที่ลอยเข้ามาแตะจมูกถึงกับทำให้ซูซีมู่ติดขัดด้วยความรู้สึกบางอย่างที่บอกไม่ได้
ถึงแม้โล่เฟยเอ๋อจะพูดจบแล้วออกห่างไปแล้ว แต่ความรู้สึกร้อนตัวกลับยังเหลืออยู่บนตัวของซูซีมู่
เขายกมือขวาขึ้นมาปลดเนคไทออกแล้วก็โยนไปยังที่วางด้านหน้ารถ
“เป็นอะไร?” โล่เฟยเอ๋อที่เพิ่งวางสายหันมาเจอการกระทำของเขาพอดี
ซูซีมู่จ้องมองไปยังถนนด้านหน้า
“ไม่มีอะไร”
โล่เฟยเอ๋อเลยตอบ ‘อ๋อ’กลับแล้วก็พูดต่อ
“ใช่แล้ว โทรศัพท์ของคุณดีหรือยัง? ฉันโทรไปหาคุณที่เบอร์โทรสำนักงาน แต่ดูเหมือนจะโทรผิด”
“โทรผิดได้ยังไง?” ซูซืมู่หันมาจ้องโล่เฟยเอ๋อ
“ฉันก็ไม่รู้ ตอนบ่ายฉันโทรไปหาคุณแต่ดันมีผู้หญิงรับสายแทน…….คงน่าจะโทรผิดนั่นแหละ”
โล่เฟยเอ๋อตอยอย่างลังเล
ได้ยินโล่เฟยเอ๋อบอกว่าเป็นผู้หญิงรับสาย ซูซีมู่ก็เข้าใจได้ทันทีว่าต้องเป็นเลขาของโจวเฉิงคนนั้นแน่
แต่ทำไมเลขาคนนั้นถึงไม่รายงานให้กับเขา? ถ้าเกิดเธอไม่บอก เขาก็คงคิดว่าเขาไม่ได้รับสายจากสายเธอแล้ว
ดูแล้วเลขาของโจวเฉิงควรต้องเปลี่ยนแล้ว!
” คงจะเป็นเลขา ” ซูซีมู่ชะงักแล้วก็พูดเพิ่มมาอีกประโยค
” วันนี้ผมประชุมทั้งวัน ”
โล่เฟยเอ๋อพยักหน้า ” แบบนี้นี่เอง ”
ซูซีมู่ตอบ ‘อืม’ก่อนจะถาม
“คุณโทรมาหาผมมีเรื่องอะไรหรือเปล่า?”
“อืม มีเรื่องที่อยากถามความเห็นจากคุณหน่อย”โล่เฟยเอ๋อตอบ
ซูซีมู่ไม่ได้ทำเรื่องอะไรมากมายก็พยักหน้า
“อืม ได้สิ”
แต่บนรถไม่ใช่ที่สำหรับจะพูดคุยเรื่องงาน ยิ่งกว่านั้นซูซีมู้ก็กำลังขับรถอยู่ ดังนั้นโล่เฟยเอ๋อเลยไม่ได้พูดเรื่องนี้ต่อ เพียงแต่นั่งเงียบตลอดทาง
รถถูกขับออกมาเกือบจะชั่วโมง ถึงค่อยขับมาถึงหยู้ผินเซียง ซูซีมู่ก็ขับรถเข้าไปจอดในลานจอดรถ จากนั้นก็ดับรถแล้วเดินลงมาจากรถก่อน
เขาเดินไปยังฝั่งคนนั่งแล้วก็เปิดประตูให้กับโล่เฟยเอ๋อ รอจนโล่เฟยเอ๋อลงมาจากรถเขาก็ล็อกประตู และทั้งสองก็พากันเดินเข้าไปในหยู้ผินเซียง