บทที่152 ความสัมพันธ์อบอุ่นขึ้นอีกนิด
ซูซีมู่สังเกตว่าโล่เฟยเอ๋อมีบางอย่างไม่ถูกต้องจึงเดินเข้ามา แต่กลับไม่เข้าใกล้เธอเกินไป เพียงหยุดห่างจากเธอหนึ่งร้อยเมตร“เป็นอะไรไป?”
“ไม่มีอะไร” โล่เฟยเอ๋อมองแวบหนึ่งแล้วพยายามพูดด้วยน้ำเสียงที่สงบนิ่ง
ซูซีมู่ตอบเบาๆหนึ่งเสียง‘อ่อ’ หลังจากนั้นเอ่ย: “ไปเถอะ”
ไม่รอโล่เฟยเอ๋อตอบเขาก็พูดเพิ่มอีกห้าคำ “ฉันจะไปส่งเธอ”
เหมือนจะกลัวโล่เฟยเอ๋อปฏิเสธ ซูซีมู่พูดประโยคนี้เสร็จก็เดินตรงไปที่รถซึ่งโจวเฉิงขับมาก่อนหน้าคันนั้น
โล่เฟยเอ๋อเงยหน้ามองข้างด้านหลังของซูซีมู่อย่างมึนงงเล็กน้อยหลังจากนั้นก้าวเท้าตามเข้าไป
อันที่จริงซูซีมู่วางแผนที่จะไปส่งโล่เฟยเอ๋อที่บ้านแล้วค่อยกลับแต่ระหว่างทาง เขาได้ยินโล่เฟยเอ๋อโทรศัพท์กลับไปที่วิลล่าให้คนรับใช้เตรียมอาหารสองสามอย่าง
แม้ว่าโล่เฟยเอ๋อจะไม่ได้พูดชัดเจนแต่อาหารพวกนั้นกลับเป็นของที่ซูซีมู่ชอบ
ที่จริงแล้วเฟยเอ๋อเธอคงใส่ใจเขาสินะอย่างน้อยเธอก็ห่วงใยเขาเหมือนเพื่อนก็เหมือนเมื่อก่อน
สองสามวันมานี้เขาล้วนอยู่ที่บริษัทมีบางครั้งต้องทำงานล่วงเวลายุ่งจนถึงตอนดึกเขายืนอยู่ตรงที่หน้าต่างแล้วก็มักจะคิดถึงเธอมากๆ
เขาคิดว่าถึงแม้เธอไม่คุยกับเขาขอแค่เขาได้เห็นหน้าเธอทุกวันก็ยังดี
หรือได้ยินเธอบ่นเรื่องที่เขาให้เธอแต่งงานกับเขาแค่นี้เขาก็เต็มใจแบกความยากลำบากไว้เอง
แต่ในความเป็นจริงแล้วเธอหลบเขาไม่อยากเจอเขา
แต่เขาอยากเข้าใกล้เธออีกนิดแค่นิดเดียว
ซูซีมู่สูดหายใจเบาๆหลังจากนั้นเดินตามหลังโล่เฟยเอ๋อเข้าไปในวิลล่า
แต่เขาไม่รู้ว่าโล่เฟยเอ๋อที่เดินอยู่ข้างหน้าเห็นเขาเดินตามเข้ามาก็แอบถอนหายใจเบาๆ
“คุณชาย คุณนายน้อย อาหารเย็นเตรียมเสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ” คนรับใช้รับกระเป๋าจากซูซีมู่และโล่เฟยเอ๋อด้วยความเคารพ
โล่เฟยเอ๋อหันกลับไปมองซูซีมู่แวบหนึ่งไม่ทันได้สังเกตว่าบนหน้าเขามีอะไรไม่ถูกต้องก็พยักหน้า “อืมเข้าใจแล้ว”
ทั้งสองคนคนหนึ่งนำหน้าอีกคนตามหลังเดินเข้าไปล้างมือในห้องน้ำ หลังจากคนก็คนหนึ่งนำหน้าอีกคนตามหลังเข้าห้องอาหาร
ยังคงนั่งแบบเมื่อวานตอนเย็น แต่เห็นได้ว่าบรรยากาศเทียบกับเมื่อวานแล้วดีกว่ามาก
ระหว่างนั้นโล่เฟยเอ๋อยังช่วยซูซีมู่ตักซุป ถึงแม้ซูซีมู่จะไม่มีแสดงท่าทีอะไรแต่กลับดื่มน้ำซุปชามนั้นจนเกลี้ยง
สุดท้ายซูซีมู่ก็ขอตัวลุกจากโต๊ะอาหารก่อนแล้วไปรับโทรศัพท์
โทรศัพท์สายนี้ของซูซีมู่ยาวนานมากพอลู่เฟยเอ๋อกินข้าวเสร็จแล้วเขาก็ยังไม่วางสาย
“รออีกสักพักค่อยเก็บ” โล่เฟยเอ๋อสั่งคนรับใช้ที่เตรียมจะเก็บโต๊ะอาหารก่อนจะลุกขึ้นจากโต๊ะ
เธอไม่ได้เหมือนเมื่อวานที่ตรงขึ้นชั้นบนไปแต่กลับเปิดโทรทัศน์ในห้องรับแขกดู
ในโทรทัศน์กำลังฉายอะไร โล่เฟยเอ๋อก็ไม่สนใจเลยสักนิด ความสนใจทั้งหมดของเธออยู่ที่ร่างของซูซีมู่ที่กำลังคุยโทรศัพท์
พอจ้องเขาได้สักพัก สายตาของเธอก็ย้ายไปมองที่นาฬิกาบนผนัง
สี่ทุ่มสามสิบแล้ว ดึกขนาดนี้ เขาคงไม่กลับไปบริษัทอีกแล้วมั้ง…
หลังจากซูซีมู่คุยจบ ก็หันมาพอกับสายตาของโล่เฟยเอ๋อที่มองเขาพอดี สายตาของเขาหยุดลงชั่วคราว
โล่เฟยเอ๋อที่ถูกสายตาของซูซีมู่จับได้พอดีก็รีบแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้แล้วเบนสายตาไปอีกทาง
ซูซีมู่เม้มมุมปาก หมุนกายเตรียมที่จะขึ้นชั้นบน ในเวลานี้คนรับใช้ก็ออกมาจากห้องอาหาร “คุณชายคะ ท่านจะให้อุ่นอาหารเย็นสักหน่อยไหมคะ?”
“ไม่ต้อง” ซูซีมู่ส่ายหัวเบา ๆ หางตาพยายามมองไปทางโล่เฟยเอ๋อ หลังจากนั้นเอ่ยอีกว่า: “หั่นผลไม่สักจาน”
“ค่ะ คุณชาย”
ซูซีมู่ไม่พูดอะไรแล้วเก็บโทรศัพท์มือถือเดินขึ้นชั้นบนไป
เมื่อร่างของเขาหายลับไปที่มุมบันไดสายตาของโล่เฟยเอ๋อก็หมุนกลับมา
พอดีกับตอนที่คนรับใช้นำจานผลไม้มาวางบนโต๊ะน้ำชาตรงหน้าเธอ เธอถึงได้สติกลับคืน
“ให้ฉัน?” เพิ่งจะได้ยินซูซีมู่กำชับคนรับใช้ให้หั่นผลไม้ใส่จาน ก็ควรจะเป็นของเขาไม่ใช่หรอ?
“ใช่ค่ะ” คนรับใช้พยักหน้า
โล่เฟยเอ๋อไม่คิดอะไรมาก พยักหน้าแล้วบอก ‘อืม’
หลังจากกินผลไม้เสร็จ โล่เฟยเอ๋อก็เพิ่งกลับมาชั้นบน
ไฟที่ห้องหนังสือยังสว่างอยู่ ด้านในมีเสียงพูดเบา ๆ ของซูซีมู่สะท้อนออกมา ไม่รู้ว่าเขากำลังคุยโทรศัพท์หรือทำอะไร
โล่เฟยเอ๋อยืนอยู่ที่หน้าห้องหนังสือของซูซีมู่สักพักก่อนจะกลับมาที่ห้องตัวเอง
หลังอาบน้ำเสร็จ เธอก็ไม่ได้วาดรูปออกแบบ แต่เปิดมือถือเช็ค Weibo พอเล่นได้สักพักเธอก็สะลึมสะลือง่วงแล้ว
วันที่สองตอนที่โล่เฟยเอ๋อเดินลงมาชั้นล่าง ซูซีมู่กำลังกินอาหารเช้า
พอเห็นเธอเดินมา ซูซีมู่ก็ส่งเสียงพูดคำหนึ่ง “อรุณสวิสดิ์”
โล่เฟยเอ๋อตะลึงอย่างคาดไม่ถึงนิดหน่อย “อรุณสวิสดิ์”
ซูซีมู่ตอบ ‘อืม’ หนึ่งคำ แล้วก็ทานอาหารด้วยกิริยาที่สง่างามต่อ
เขาลงมาเช้ากว่าโล่เฟยเอ๋อมาก แต่หลังจากที่ทานอาหารเช้าเสร็จ ก็นั่งที่หน้าโต๊ะอาหารแล้วดูมือถืออย่างไม่ใส่ใจ
เขาไม่ไปทำงาน? โล่เฟยเอ๋อกินข้าวไปด้วยมองซูซีมู่ไปด้วย
หลังจากที่เธอวางตะเกียบบนชาม ซูซีมู่ก็หมุนตัวกลับไปแล้ว
โล่เฟยเอ๋อมองแผ่นหลังที่จากไปของเขาอย่างไม่เข้าใจเล็กน้อย หลังจากนั้นก็รีบวิ่งขึ้นไปหยิบกระเป๋าของตนเอง แล้วรีบออกประตูเรียกรถแท็กซี่ไปทำงาน
เมื่อวานรถถูกชนท้ายจนพัง คนขับรถหลี่จะต้องส่งเธอไปทำงานไม่ได้แน่นอน เธอจึงต้องออกบ้านให้เช้าอีกนิด
ผลคือเมื่อเธอเพิ่งออกมาจากประตูใหญ่ก็เห็นซูซีมู่อยู่ตรงลานบ้าน
มือทั้งสองของเขาซุกอยู่ในกระเป๋ากางเกงอย่างตามสบาย ด้วยท่าทีที่เอ้อระเหยอยู่ข้างรถ เขาจับจ้องไปที่ต้นไม้สูงใหญ่ตรงลานบ้านไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่
คงเพราะได้ยินเสียงเธอเปิดประตู เขาจึงหันกลับมามองที่เธอ
โล่เฟยเอ๋อลังเลอยู่สักพัก หลังจากนั้นก้าวไปอย่างเชื่องช้า “คือว่า ฉันจะไปทำงาน…”
โล่เฟยเอ๋อยังพูดไม่จบ ซูซีมู่ก็ตัดบทเธอ: “ฉันจะไปส่งเธอ”
“เอ๋?” โล่เฟยเอ๋อไม่ตอบสนองไปสักพัก
ซูซีมู่มองเธอแวบหนึ่ง แล้วอธิบายเรียบ ๆ ว่า: “ยังไม่ได้เอารถคันใหม่มา ในเวลานี้คนขับรถหลี่ไม่สามารถไปรับไปส่งเธอได้”
ท่านประธานที่สง่างามน่าเกรงขามของบริษัทซูซื่อ คุณชายของบ้านซูขาดรถ? พูดอะไรไม่ได้นำรถคันใหม่มา เห็นได้ชัดว่าโกหก ตนเองอยากไปส่งโล่เฟยเอ๋อชัด ๆ อยากเข้าใกล้เธออีกนิด…
หลังจากที่โล่เฟยเอ๋อขึ้นรถก็นึกถึงพฤติกรรมในตอนเช้าของซูซีมู่
เลยเพิ่งจะรู้ตัว อันที่จริงแล้วซูซีมู่รอส่งเธอไปทำงาน…
โล่เฟยเอ๋อไม่กล้าส่งเสียงให้ซูซีมู่จอดที่หน้าสวนดอกไม้ตงหวงแต่ซูซีมู่ก็ไม่ได้จอดรถที่ทางเข้าร้านจิวเวลรี่ว่านฟู๋แต่อยู่ที่ถนนก่อนถึงร้านจิวเวลรี่ว่านฟู๋หนึ่งร้อยเมตร
พอรถจอดสนิท โล่เฟยเอ๋อทนรอไม่ไหวผลักประตูเปิดแล้วลงจากรถไป
พอเท้าเธอเพิ่งจะเหยียบพื้น เสียงของซูซีมู่ก็ดังขึ้น “เฟยเอ๋อ”
“หืม?” โล่เฟยเอ๋อหันกลับมามอง
สีหน้าของซูซีมู่ดูสงบนิ่งมาก น้ำเสียงกับท่าทางก็เหมือนกัน “เลิกงานฉันจะมารับเธอ”
“ได้” โล่เฟยเอ๋อพยักหน้าแล้วยิ้มบาง ๆ
นานแล้วที่ซูซีมู่ไม่ได้ได้โล่เฟยเอ๋อยิ้ม รอยยิ้มของโล่เฟยเอ๋อทำให้เขามึนหัวไปชั่วพริบตา
เขารีบมองออกไปพยักหน้าแล้วสตาร์ทรถออกไป