บทที่ 197 โล่เฟยเอ๋อหลบหนี ซูซีมู่จึงได้จากไป
ทีแรกโล่เฟยเอ๋อหลบหนีออกจากห้องนอนเพราะคิดว่า เมื่อซูซีมู่ตื่นมาคงจำเรื่องของเมื่อคืนไม่ได้
แต่พอเธอวิ่งออกจากห้องมาแล้วเธอถึงนึกขึ้นได้ว่าบนเตียงต้องมีร่องรอย
เมื่อเห็นร่องรอยพวกนั้นบนเตียง ถึงแม้ซูซีมู่จะเป็นปัญญาอ่อนก็ต้องเข้าใจอยู่ดีว่าเกิดอะไรขึ้น
เธอควรจะทำอย่างไงดี?ซูซีมู่รู้แล้วจะมีการตอบสนองยังไงนะ?
ขณะที่โล่เฟยเอ๋อเดินอยู่ที่ระเบียงอย่างระแวงอยู่นั้น ก็มีเสียงส่งมาจากทางโน้น
“คุณนาย ทำไมท่านถึงมาอยู่ตรงนี้ล่ะค่ะ?”
โล่เฟยเอ๋อหยุดชะงักไปชั่ววูบ จากนั้นก็ถามว่า “อ่อ……มีอะไรหรอค่ะ?”
“คุณปู่รอท่านกินข้าวเช้าด้วยกันค่ะ”คนรับใช้ตอบ
กินข้าวเช้า?ซูซีมู่ต้องอยู่ด้วยแน่ๆ โล่เฟยเอ๋อกลืนน้ำลายแล้วถามว่า “อันนั้น……คุณชายอยู่ไหนค่ะ?”
“ไม่เห็นคุณชายค่ะ” คนรับใช้ตอบ
ได้ยินคนรับใช้บอกว่าไม่เห็นซูซีมู่ โล่เฟยเอ๋อจึงเบาใจลง “ค่ะ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้ค่ะ”
ตอนแรกโล่เฟยเอ๋อคิดว่าซูซีมู่ไม่อยู่หน้าบ้าน คงจะยังไม่ตื่น เธอยังหลบไปได้อีกสักพัก
เธอคิดไม่ถึงว่าเธอจะเจอซูซีมู่ที่ห้องรับประทานอาหาร
ตอนที่โล่เฟยเอ๋อเข้ามาในห้องรับประทานอาหาร ทุกคนก็มากันครบแล้ว ยกเว้นซูซีมู่
เห็นโล่เฟยเอ๋อเดินเข้ามา ทุกคนต่างทักทายอย่างอบอุ่นชวนเธอนั่งลง
โล่เฟยเอ๋อก็นั่งลงในตำแหน่งที่ว่างอย่างไม่เกรงใจ
“ซีมู่มีธุระออกไปข้างนอก ช่วงนี้หนูก็มาอยู่ที่บ้านหลังนี้นะ” คุณปู่กินข้าวเข้าไปด้วยพลางพูดไปด้วย
จู่ๆโล่เฟยเอ๋อก็เงยหน้าขึ้นมองคุณปู่ “ออกไปแล้ว?”
ถึงแม้เธอจะไม่อยากเผชิญหน้ากับซูซีมู่ แต่เมื่อได้ยินว่าซูซีมู่ไปอย่างไม่ได้บอกกล่าว ในใจโล่เฟยเอ๋อก็เกิดความสับสนอย่างบอกไม่ถูก
คุณปู่ไม่ได้สังเกตเห็นท่าทางที่แปลกประหลาดของโล่เฟยเอ๋อ เขาตอบว่า “มีธุระที่ เมืองM เมื่อกี้เพิ่งจะรีบออกไป”
โล่เฟยเอ๋อ “อ่อ” หนึ่งคำเสร็จแล้วก้มหน้ากินข้าวต่อ
แต่ทว่ากลับไม่มีความรู้สึกก่อนหน้านี้แล้ว
หลังจากที่กินข้าวเสร็จ หลายคนที่อยู่ในช่วงวัยรุ่นบอกอยากจะเล่นไพ่ให้มีสีสันหน่อย โล่เฟยเอ๋อก็ถูกพวกเขาดึงไปเล่นด้วยกัน
โล่เฟยเอ๋อเล่นไพ่ไม่เป็น แต่ก็ไม่กล้าปฏิเสธ จึงได้นั่งดูข้างๆ
หลังจากที่ดูจนถึงครึ่งวัน เธอรู้สึกเวียนหัว ดังนั้นเมื่อกินมื้อเที่ยงเสร็จก็ได้หาข้ออ้างว่าจะไปพักผ่อน ไม่ได้เล่นไพ่เป็นเพื่อนพวกเขาต่อ
หลังจากที่ออกจากบ้าน โล่เฟยเอ๋อก็ได้กลับไปที่บ้านของซูซีมู่
ดอกเหมยสีขาวผลิดอกเยอะกว่าเมื่อคืนอีก โล่เฟยเอ๋อจึงอยู่ดูสักพักหนึ่ง สุดท้ายก็กลับไปยังที่ที่เมื่อเช้าได้หนีออกมา
น่าจะมีคนใช้มาก่อนแล้ว บ้านช่องถึงได้สะอาดสะอ้าน
มองรอบบ้านที่แสนจะว่างเปล่า โล่เฟยเอ๋อรู้สึกหดหู่ยิ่งนัก
ตอนแรกเธอคิดว่าซูซีมู่ไม่อยู่ เธอน่าจะทำตัวได้ตามสบายขึ้น
แต่ตอนนี้ซูซีมู่ไม่อยู่ก็ทำให้เธอมีความรู้สึกไม่พอใจ……
วันตรุษจีนมันช่างเป็นวันที่เบื่อหน่ายสำหรับโล่เฟยเอ๋อจริงๆ
ที่จริงแล้ววันที่สองของวันตรุษจีน โล่เฟยเอ๋อควรจะกลับไปที่บ้านตระกูลโล่ แต่คุณปู่บอกว่าซูซีมู่ยังไม่กลับมา จึงให้ส่งของขวัญไปก่อน จากนั้นพอซูซีมู่กลับมาแล้วค่อยกลับไปพร้อมกัน
โล่เฟยเอ๋อไม่มีข้อแย้งกับคำพูดของคุณปู่เลย เพราะเธอก็ไม่อยากจะกลับอยู่แล้ว อาจจะไม่มีใครอยากให้เธอกลับไปด้วยซ้ำ
ต่อให้ซูซีมู่กลับมาแล้ว พอถึงเวลานั้นเธอก็จะหาข้ออ้างไม่กลับไปที่บ้านตระกูลโล่
วันที่สองของวันตรุษจีน คฤหาสน์ตระกูลซูยิ่งคึกคักเข้าไปอีก คนที่มาอวยพรตรุษจีนกับคุณปู่นั้นได้หลั่งไหลกันมาอย่างไม่ขาดสาย
คุณปู่น่าจะรู้ว่าโล่เฟยเอ๋อไม่ชอบอยู่ในที่ที่มีผู้คนมากมาย จึงไม่ได้ให้เธอมาต้อนรับแขกที่มาเยือน ดังนั้นโล่เฟยเอ๋อจึงว่างสามารถดูดอกเหมยสีขาวในสวนหรือวาดรูปทั้งวัน
วันที่สี่ของวันตรุษจีน เหซิงถิงกับพ่อของเธอมาอวยพรวันตรุษจีนกับคุณปู่ โล่เฟยเอ๋อกับเหซิงถิงมีความสัมพันธ์ที่ไม่เลว จึงมาอยู่ที่ลานหน้าบ้านด้วย
“เฟยเอ๋อ ได้ยินซูยุ่นบอกว่าช่วงนี้คุณพักอยู่กับคุณปู่ที่นี่หรอ?”
“ค่ะ มาพักที่นี่ชั่วคราวค่ะ”โล่เฟยเอ๋อพยักหน้า
“สิ่งแวดล้อมที่นี่ดีมาก อยู่แล้วน่าจะสบายมาก”เหซิงถิงพูดจบก็เงยหน้ามองดูรอบๆ แล้วพูดต่อว่า“ทำไมไม่เห็นพี่ซีมู่ล่ะ?”
ดวงตาโล่เฟยเอ๋อมืดมน กล่าวว่า“เขาไม่อยู่ค่ะ”
“พี่ซีมู่ไม่อยู่ที่คฤหาสน์ตระกูลซู?แล้วอยู่ไหน?” เหซิงถิงถามอย่างประหลาดใจ
โล่เฟยเอ๋อตอบเบาๆว่า“เขามีธุระไปที่เมืองMแล้ว”
เหซิงถิงพยักหน้า “ออ”หนึ่งคำ จากนั้นเหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้แล้วถามว่า “แล้วเฟยเอ๋อมีธุระที่ต้องทำไหมค่ะ”
“ไม่มีค่ะ ทำไมหรอ?” โล่เฟยเอ๋อมองเหซิงถิงด้วยความสงสัย
เหซิงถิงพูดอย่างดีใจว่า “เฟยเอ๋อ คุณกับซูยุ่นไปเที่ยวที่บ้านฉันด้วยกันสิ?”
ไปเที่ยวที่บ้านเหซิงถิง?โล่เฟยเอ๋อพูดอย่างสงสัยว่า“เอ่อ……มันจะดีหรือค่ะ”
“จะมีอะไรไม่ดี?คุณกับซูยุ่นต่างเป็นเพื่อนของฉัน ไปเที่ยวเล่นบ้านเพื่อนปกติจะตาย นอกเสียจากคุณไม่เห็นว่าฉันเป็นเพื่อนของคุณ” เหซิงถิงพูดอย่างไม่ดีใจ
เหซิงถิงพูดอย่างนี้แล้ว โล่เฟยเอ๋อจะทำอะไรได้อีก?ต้องรับปากทางเดียว “เออ……ก็ได้ค่ะ”
“ดีจังเลย ฉันไปเรียกซูยุ่นก่อนนะ” เหซิงถิงไปหาซูยุ่นอย่างดีใจ
โล่เฟยเอ๋อจับที่จมูกแล้วไปหาคุณปู่ เธอจะไปบ้านของเหซิงถิง เรื่องใหญ่อย่างนี้เธอจำเป็นต้องบอกคุณปู่สักคำ
คุณปู่ได้ยินโล่เฟยเอ๋อบอกว่าจะไปบ้านของเหซิงถิงก็อนุญาตอย่างไม่พิจารณา เพราะช่วงนี้เขาเห็นโล่เฟยเอ๋ออยู่แต่ในบ้านก็ไม่ดี “ไปเที่ยวบ้านของเหซิงถิงกับซูยุ่นด้วยกันก็ดี พวกหนูอยู่ในวัยเดียวกัน มีเรื่องที่จะคุยกันเยอะ”
โล่เฟยเอ๋อพยักหน้า “ขอบคุณคุณปู่ค่ะ”
“คนบ้านเดียวกัน พูดขอบคุณทำไมกัน?”คุณปู่พูดเสร็จ เหมือนจะคิดอะไรขึ้นมาจึงพูดว่า “อาผิน จัดเตรียมรถของฉันให้เฟยเอ๋อใช้”
รถของคุณปู่ เป็นรถหรูRolls-Royce Phantom……
หนังศีรษะของโล่เฟยเอ๋อรู้สึกชาไปหมด “คุณปู่ค่ะ รถของท่านก็ไม่ต้องแล้วค่ะ?”
“รถของปู่ไม่ดีหรือ?” คุณปู่ขมวดคิ้ว
ไม่ใช่ว่าไม่ดี มันดีมากเกินไปต่างหาก
โล่เฟยเอ๋อไม่สามารถพูดเช่นนี้ได้ เธอพูดอย่างติดๆขัดๆว่า “คุณปู่ค่ะ รถคันนั้นมันไม่เหมาะกับ……”
คุณปู่เห็นท่าทางที่ปวดหัวของเธอ หัวเราะแล้วพูดว่า “ก็ได้ ปู่จัดเตรียมรถคันอื่นให้นะ”
ได้ยินคำพูดของคุณปู่ โล่เฟยเอ๋อก็เบาใจลง “ขอบคุณค่ะคุณปู่”
สุดท้ายรถที่พวกเธอนั่งออกจากบ้านเป็นรถBMW Bugatti ถึงแม้ยังเป็นรถหรูอยู่ แต่ก็เบากว่ารถหรูRolls-Royce Phantomของคุณปู่เป็นไหนๆ
ในเวลาเดียวกันที่ท่าอากาศยานนานาชาติเมือง A มีซูซีมู่ถือกระเป๋าเดินออกมา
ที่แท้ที่เมืองMไม่จำเป็นต้องให้เขาไปจัดการด้วยตัวเอง
แต่ซูซีมู่รู้ว่าช่วงนั้นโล่เฟยเอ๋อไม่อยากจะเจอหน้าเขา ดังนั้นเขาจึงไปที่ เมืองMด้วยตัวเอง
ตอนที่อยู่ในเมืองMสามวัน เขาคิดอะไรมากมาย
เขาคิดว่าหากบีบให้โล่เฟยเอ๋อยอมรับในตัวเขา โล่เฟยเอ๋อต้องเกลียดเขาแน่ๆเลย
เขารักเธอขนาดนั้น จะทนเห็นเธอเกลียดเขาได้อย่างไรกัน?
เขาได้บังคับให้โล่เฟยเอ๋ออยู่กับเขาแล้ว……ดังนั้นเธอคิดอยากจะทำอะไรก็ให้ทำตามนั้น
ถอนหายใจหนึ่งครั้ง ซูซีมู่พิงอยู่ที่รถแล้วหลับตาพักผ่อน
ตอนใกล้จะเข้าเขตเมือง โจวเฉิงจึงได้ออกเสียงถามว่า “ประธานซูครับ จะไปที่บริษัทหรือไปที่คฤหาสน์ตระกูลซูดีครับ?”
ซูซีมู่ลืมตาขึ้น จ้องมองกระเป๋าเอกสารอย่างเงียบๆ จากนั้นพูดช้าๆสี่คำว่า“คฤหาสน์ตระกูลซู”