บทที่ 183 ถอดเสื้อผ้าเขา
ที่โล่เฟยเอ๋อพูดว่า จะลงไปซื้อของ ที่จริงแล้วก็แค่หาข้ออ้าง เพื่อหนีออกจากห้องนั้น
เมื่อเธอออกมาจากตึกคนไข้ เธอก็เดินเล่นอยู่ในสวนดอกไม้ที่อยู่ใต้ตึกอย่างไร้ซึ่งจุดหมายปลายทาง
เวลานี้เป็นช่วงที่หนาวที่สุด นอกจากสวนดอกไม้จะมีเพียงลมหนาว ก็ไม่มีอะไรเลย เนื่องจากโล่เฟยเอ๋อออกมาอย่างเร่งรีบ ดังนั้น เธอจึงไม่ได้สวมชุดตัวนอกออกมา ผ่านไปไม่กี่นาที เธอก็หนาวจนตัวสั่นเทา
ทว่าเธอก็ไม่ได้กลับไปที่ห้องในทันที เธอเดินวนไปมาในสวนสักพัก จากนั้น เธอก็ไปซื้อของที่ร้านค้าขนาดเล็กของโรงพยาบาลก่อนจะกลับห้อง
ตอนที่เธอเดินเข้าไปในห้อง ซูซีมู่กำลังดูเอกสารและลู่ยู่ก็ไม่อยู่ในห้องแล้ว
“ลู่ยู่กลับไปแล้วหรอ?”
ซูซีมู่จ้องโล่เฟยเอ๋อ เมื่อไม่เห็นความผิดปกติบนใบหน้าของเธอ จึงพยักหน้าตอบ “เพิ่งออกไป”
“ทำไมรีบไปจัง?” โล่เฟยเอ๋อเอาถุงที่อยู่ในมือใส่ลงในลิ้นชัก จากนั้นจึงถามเขาต่อ “คุณนั่งนานแล้ว จะเอนตัวนอนสักหน่อยไหม?”
ที่จริงซูซีมู่เหนื่อยแล้ว ถ้าเขาไม่รอโล่เฟยเอ๋อกลับมา เขาคงเอนตัวลงนอนไปนานแล้ว
“โอเค”
เมื่อซูซีมู่ตอบตกลง โล่เฟยเอ๋อก็เดินมาและประคองเอวเขาไว้ พลางช่วยให้เขาเอนตัวลงนอนอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็ห่มผ้าห่มให้เขา
ในจังหวะที่เธอดึงผ้าห่มขึ้นมา โล่เฟยเอ๋อก็ไปแตะโดนมือของเขาอย่างไม่ได้ตั้งใจ
เธอเหมือนโดนไฟฟ้าช็อต มือเธอสั่นระรัว จากนั้นเธอก็รีบเก็บมือ ทว่าซูซีมู่เร็วกว่าเธอหนึ่งขั้น เขากุมมือเธอไว้ก่อน “ทำไมมือเย็นจัง?”
ซูซีมู่ถามจบ ก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าบนตัวของโล่เฟยเอ๋อนั้นสวมใส่เพียงเสื้อสเวตเตอร์บางๆ
เมื่อกี้เธอบอกว่าจะลงไปซื้อของข้างล่าง เธออยู่ข้างล่างก็สักพักใหญ่…..
เมื่อถูกเขาจับมือ ปฏิกิริยาแรกของโล่เฟยเอ๋อคือการรีบดึงมือตัวเองออกมา ทว่าซูซีมู่จับมือเธอไว้แน่น และเธอกลัวว่าจะสะเทือนไปถึงบาดแผลของเขา จึงปล่อยให้เขาจับมือเธอต่อไป ใบหูของเธอแดงระเรื่ออย่างรวดเร็ว
แต่แรกจนจบโล่เฟยเอ๋อไม่กล้าลืมตามองซูซีมู่ แต่ใจเธอก็เหมือนถูกยั่วยวนอย่างเบาๆ จนเธอเกิดอาการอ่อนระทวย
ซูซีมู่เห็นว่าโล่เฟยเอ๋อไม่ขยับเขยื้อนแล้ว ในใจก็ก่อตัวเป็นสิ่งที่เรียกว่าความสุข จากนั้นเขาก็เอื้อมมือไปจับมืออีกข้างของโล่เฟยเอ๋อ และกุมมือเธอไว้ จากนั้น มือของทั้งสองก็เข้าอยู่ในผ้าห่ม
ไม่รู้ว่าอายหรือว่าเพราะอะไร แม้ว่ามือของทั้งสองคนจะกุมมือไว้ด้วยกัน ทว่าก็สองก็ไม่ได้สบตากันเลยแม้แต่น้อย และไม่ได้พูดจากัน
คงเป็นเพราะเขาไม่ได้พักผ่อนมาเกือบทั้งวัน และยังทานยาที่มีส่วนประกอบของยานอนหลับเข้าไป ดังนั้น ซูซีมู่จึงนอนหลับไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อได้ยินเสียงลมหายใจที่เชื่องช้า โล่เฟยเอ๋อจึงเงยหน้าขึ้น
เธอจ้องมองใบหน้าที่กำลังหลับใหลของซูซีมู่ และมองดูเขาที่กุมมือเธอไว้ จากนั้นเธอก็ค่อยๆดึงมือออกจากฝ่ามือของซูซีมู่
มือเธอเต็มไปด้วยเหงื่อ เป็นเพราะว่าตอนที่ซูซีมู่กุมมือเธอนั้น เธอตื่นเต้นมาก
โล่เฟยเอ๋อเอามือถูเสื้อ จากนั้นเธอก็ลุกขึ้นและเก็บกวาดห้อง……
ซูซีมู่พักอยู่ในโรงพยาบาลได้หนึ่งสัปดาห์แล้ว ทุกวันเป็นโล่เฟยเอ๋อที่ดูแลเขา ส่วนโจวเฉิงก็ทำหน้าที่มาส่งอาหารสามมื้อทุกวันให้กับพวกเขา
ผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ซูซีมู่ก็ออกโรงพยาบาล หลังจากที่เขาตัดไหมออก เขาก็เข้าพักที่โรงพยาบาลเฟิ่งหมิงเก๋อ ที่ก่อนหน้านี้ซูซีมู่สั่งให้โจวเฉิงจัดเตรียมไว้
สภาพแวดล้อมของโรงพยาบาลเฟิ่งหมิงเก๋อเทียบไม่ได้กับคลับส่วนตัว ทว่าโรงพยาบาลเฟิ่งหมิงเก๋อมีคนที่คอยปรนนิบัติรับใช้ ทำให้โล่เฟยเอ๋อดูแลซูซีมู่ได้สะดวกมากขึ้น ถึงอย่างไรโล่เฟยเอ๋อก็ทำอาหารไม่เก่ง จึงมักจะชอบทานแต่อาหารข้างนอกที่ไม่มีประโยชน์ ซึ่งไม่ดีต่อเธอ
เมื่อซูซีมู่ออกโรงพยาบาลแล้ว ทุกวันโจวเฉิงจะหอบเอกสารมากมายมาให้เขา เขาหอบเอกสารมาเป็นตั้งๆแล้วก็จากไป
ทุกวันโล่เฟยเอ๋อจะจ้องมองโจวเฉิงอย่างอย่างทำอะไรไม่ได้ และทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น เพียงแค่โจวเฉิงมา เธอก็จะออกห่าง
กระทั่งเธอบังเอิญสังเกตเห็นซูซีมู่เกาแผลที่หลังของเขา เธอจึงเริ่มดูแลเขาอย่างใกล้ชิด
วันนั้นเธอถือนมหนึ่งแก้วไปยังห้องทำงานของซูซีมู่ เพราะประตูห้องทำงานไม่ได้ปิดไว้ เธอจึงเดินเข้าไปเลย
ทว่าเมื่อเธอเดินเข้าไป ก็เห็นซูซีมู่เกาแผลที่หลังอยู่
ชายผู้สง่างามราวกับเจ้าชาย คิดไม่ถึงว่าเขาก็จั๊กจี้เป็น!
ตอนแรกเธอแค่รู้สึกประหลาดใจ ต่อมาเธอจึงตอบสนองได้ว่า คงเป็นเพราะแผลที่หลังของซูซีมู่สร้างเนื้อขึ้นมาใหม่ จึงทำให้มีอาการคันแบบนี้
เธอรีบเดินเข้าไป และวางนมที่อยู่ในมือลง จากนั้นก็จับมือซูซีมู่ไว้
จู่ๆมือตัวเองก็ถูกจับ ซูซีมู่ตะลึงไปชั่วขณะ เขาเงยหน้ามองโล่เฟยเอ๋อ
โล่เฟยเอ๋อคิดว่าซูซีมู่ต้องถามเธอแน่ๆ ว่าทำไมต้องจับมือเขา เธอจึงอธิบาย “ไม่ต้องเกา เกาแล้วจะทำให้แผลอักเสบนะ”
ซูซีมู่ตอบ ‘อืม’ พลางดึงมือกลับ
โล่เฟยเอ๋อมองปราด ก็สังเกตเห็นว่า เล็บมือเขามีคราบเลือดนิดหน่อย พริบตาเดียวสายตาเธอก็หยุดนิ่ง
“เกาจนเลือดออกแล้ว! ถอดเสื้อออก ให้ฉันดูแผลหน่อย” โล่เฟยเอ๋อพูดโดยไม่สนว่าซูซีมู่จะเห็นด้วยหรือไม่ พลางปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตที่อยู่บนตัวเขาออกอย่างเร่งรีบ
ซูซีมู่มองดูการกระทำของเธอ แม้ใบหน้าจะดูไร้ซึ่งความรู้สึกใดๆ แต่ใบหน้าที่ขาวผ่องของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ
โล่เฟยเอ๋อไม่ได้สังเกตถึงใบหน้าแดงระเรื่อของเขาแม้แต่น้อย เธอตรวจดูที่หลังของเขา พบว่าบริเวณรอบๆแผลถูกซูซีมู่เกาจนแดง มีบางส่วนที่มีเลือดซิบๆและมีบางส่วนที่บวมแดง เธอจึงขมวดคิ้วในทันที
“เกาจนอาการหนัก ให้หมอมาดูอาการหน่อยไหม?”
ซูซีมู่กระแอมเบาๆและตอบเธอ “ไม่ต้อง ตอนออกโรงพยาบาล หมอให้ยาครีมมา…..ทานิดหน่อยก็ได้แล้ว”
“ถ้างั้นฉันไปเอายาครีมมา” โล่เฟยเอ๋อพูดจบก็รีบวิ่งออกไปจากห้องทำงาน
ไม่ถึงหนึ่งนาที เธอก็กลับมาพร้อมกับยาครีมหนึ่งหลอด
เธอถือยาครีมมาตรงหน้าซูซีมู่ เมื่อเธอเห็นเสื้อเชิ้ตถูกเปิดไว้อ้าซ่าบนท่อนบนของซูซีมู่ เธอก็เพิ่งจะตอบสนองได้ว่า เมื่อกี้เธอเป็นคนถอดเสื้อเชิ้ตของซูซีมู่ออกอย่างเร่งรีบ
ใบหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ เธอคิดอยากจะหนีออกไปจากห้องทำงานของเขา ทว่าเธอจำเป็นต้องทายาให้เขาก่อน
สุดท้ายโล่เฟยเอ๋อก็ต้องทาครีมที่แผลของเขา พร้อมกับใบหน้าที่แดงก่ำของเธอ
อย่างไรก็ตาม เธอไม่ได้สวมเสื้อเชิ้ตให้เขา หลังจากที่เธอทายาเสร็จ เธอก็รีบทิ้งท้ายด้วยประโยคนี้ ‘ฉันมีเรื่องต้องทำ ขอตัวก่อนนะ’ ไม่หยุดรอจังหวะใดๆ เธอรีบวิ่งแจ้นออกจากห้องทำงาน
ซูซีมู่จ้องดูโล่เฟยเอ๋อที่หายไปจากด้านหลัง สีแก้มแดงระเรื่อบนใบหน้าก็ยิ่งเข้มขึ้น
ผ่านไปสักพัก สีหน้าของเขาจึงจะกลับสู่สภาพปกติ เขาสวมใส่เสื้อเชิ้ตให้เรียบร้อย จากนั้น เขาก็นั่งพิงเก้าอี้ด้วยจิตใจที่นิ่งสงบและงดงาม พลางยกนมที่เขาเกลียดขึ้นมาดื่มทีละนิดจนหมด
หลังจากที่ซูซีมู่ออกโรงพยาบาลได้สองวัน เขาและโล่เฟยเอ๋อมีแพลนว่ากลับเมืองA แต่ก่อนกลับเมืองAหนึ่งวัน ที่เมืองหลวงมีหิมะตกหนัก จนขัดขวางแผนการเดินทางกลับไปที่เมืองAของพวกเขา