บทที่215 คุณคิดว่าบ้านคุณเปิดบริษัทนี้งั้นเหรอ?
หลังจากหมอเฉิงตรวจร่างกายให้โล่เฟยเอ๋อ เพิ่งถอดหน้ากากออก
ซูซีมู่ที่เฝ้าอยู่ตลอดจึงรีบเอ่ยปากถามทันที “กระดูกไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรใช่มั้ยครับ?”
“กระดูกไม่มีปัญหาอะไรครับ เพียงแต่ว่าแผลมันลึกไปหน่อย เส้นเลือดบริเวณน่องมีเส้นนึงที่แตก ก็เลยทำให้มีเลือดออกเยอะ ผมจะรีบล้างแผล และเย็บแผลให้นะครับ” หมอเฉิงกล่าว พร้อมกับหยิบอุปกรณ์ออกมาจากกระเป๋าปฐมพยาบาลฉุกเฉิน ออกมาเตรียมพร้อม
โล่เฟยเอ๋อเมื่อได้ยินหมอเฉิงบอกต้องเย็บแผล สีหน้าซีดขาวทันที “ไม่เย็บแผลได้ไหมคะ?”
หมอเฉิงตอบว่า” คุณนายครับ แผลมันลึกเย็บแผลแล้วจะหายไวกว่า”
โล่เฟยเอ๋อเห็นว่าหมอเฉิงไม่ยอมฟังเธอ จึงทำมองซูซีมู่แล้วทำหน้าตาน่าสงสาร “ซูซีมู่ ฉันไม่อยากเย็บแผลอ่ะ ”
เห็นโล่เฟยเอ๋อทำหน้าตาน่าสงสารแบบนี้ ซูซีมู่รู้สึกปฏิเสธไม่ลงเลยจริงๆ แต่การเย็บแผลมันเกี่ยวโยงเรื่องการสมานแผลของโล่เฟยเอ๋อ เขาจึงต้องใจแข็งกล่าวไปว่า:”เฟยเอ๋อ หมอเฉิงบอกแล้วว่าเย็บแผลแล้วแผลจะหายเร็วขึ้นนะ”
“แต่ว่าการเย็บแผลมันเจ็บ ให้มันหายเองไม่ดีกว่าเหรอคะ?”โล่เฟยเอ๋อถามพร้อมน้ำตาคลอเต็มเบ้าหน้า
หมอเฉิงกล่าวด้วยความหวังดี:”คุณนายครับ ฉีดยาชาก่อน แล้วค่อยเย็บแผลมันไม่เจ็บหรอกครับ”
ถึงแม้โล่เฟยเอ๋อจะเข้าใจที่หมอเฉิงพูด แต่เมื่อคิดภาพว่าต้องใช้เข็มเย็บน่องของเธอเหมือนเย็บผ้า เธอก็รู้สึกลังเล
“เฟยเอ๋อ หลังจากเย็บแผลแล้ว มันจะไม่มีรอยแผลเป็น แต่ถ้าปล่อยให้หายเอง มันจะเกิดแผลเป็นนะ”ผู้หญิงล้วนรักสวยรักงาม ซูซีมู่เอาเรื่องแผลเป็นมาพูดเกลี้ยกล่อมโล่เฟยเอ๋อ แต่ก็ต้องบอกว่า เขาจับประเด็นถูกแล้วล่ะ โล่เฟยเอ๋อลังเลแล้ว
“หมอเฉิงคะ ถ้าเย็บแผลจะไม่ทำให้เกิดแผลเป็นจริงหรอคะ?”โล่เฟยเอ๋อจ้องตาหมอเฉิงแล้วถาม
ไม่ใช่ว่าเธอไม่เชื่อซูซีมู่ แต่เรื่องแบบนี้ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์พูดจะดูน่าเชื่อถือกว่านะ
หมอเฉิงอย่าบอกกับโล่เฟยเอ๋อจริงๆว่า นี่เป็นแค่คำปลอบใจของสามีคุณ
ซูซีมู่แพร่ปล่อยความเยือกเย็นให้เขา เขาก็เลยจำใจพูดไปว่า:”จริงครับ”
“งั้นก็เย็บแผลเลยค่ะ” โล่เฟยเอ๋อพยักหน้ากล่าว
เมื่อโล่เฟยเอ๋อตอบตกลง หมอเฉิงฉีดยาชาให้โล่เฟยเอ๋อก่อน และก็เริ่มล้างแผลให้โล่เฟยเอ๋อ เตรียมเย็บแผล
ถึงแม้ฉีดยาชา ไม่เจ็บจริง แต่โล่เฟยเอ๋อก็ยังตัวสั่นทั้งตัว
ซูซีมู่ที่อยู่ข้างๆเมื่อเห็นแล้วก็สงสารเหลือเกิน จึงยื่นมือกอดโล่เฟยเอ๋อเข้ามาในอ้อมแขนของตน”อย่าไปมองสิ”
“ค่ะ”โล่เฟยเอ๋อพยักหน้า และมุดหน้าเข้าไปในอ้อมแขนซูซีมู่
ในจมูกเต็มไปด้วยกลิ่นกายอ่อนๆของซูซีมู่ หอมเย็น สบาย ทำให้คนดมรู้สึกวางใจ อบอุ่นใจ ทำให้โล่เฟยเอ๋อตกอยู่ในภวังค์ของความรู้สึกนี้ จนลืมไปเลยว่าเธอกำลังเย็บแผลอยู่……
อาจเป็นเพราะฤทธิ์ของยาชา และอาจเป็นเพราะเมื่อกี้นี้รู้สึกเจ็บจนเหนื่อย จนตอนนี้เริ่ม รู้สึกผ่อนคลายลง โล่เฟยเอ๋อนอนหลับไปในอ้อมแขนของซูซีมู่
ในอ้อมแขนของเขารู้สึกได้ถึงอัตราการหายใจที่ลึกและสม่ำเสมอ ซูซีมู่ก้มลงมอง ถึงรู้ว่าโล่เฟยเอ๋อหลับไปแล้ว
มองหมอเฉิงที่ยังทำการเย็บแผลอยู่ ซูซีมู่กอดโล่เฟยเอ๋อในอ้อมแน่นขึ้นอีก
จนถึงตอนที่หมอเฉิงทำแผลที่ขาของโล่เฟยเอ๋อเรียบร้อยแล้ว ซูซีมู่ถึงค่อยๆวางโล่เฟยเอ๋อนอนลงบนเตียงเบาๆ
นั่งมองโล่เฟยเอ๋อข้างๆเตียงอยู่นาน ซูซีมู่ถึงลุกขึ้นเข้าไปในห้องสมุดและโทรหาโจวเฉิงให้สืบเรื่องที่โล่เฟยเอ๋อหกล้มตรงบันไดทางเดิน
เขาไม่เคยลืมที่โล่เฟยเอ๋อเคยพูด ว่าอีกฝ่ายชนเธอจนเธอเกือบล้มกลิ้งลงบันได……
ถึงแม้ขาโล่เฟยเอ๋อจะบาดเจ็บ แต่วันที่สองก็ยังตื่นมาจากเสียงนาฬิกาปลุกบนมือถือ
ขาไม่ได้ปวดเหมือนเมื่อวานแล้ว หลังจากโล่เฟยเอ๋อกระโดดขาเดียวไปล้างหน้าแปรงฟันเสร็จเรียบร้อย ก็เก็บของ เอามือจับพยุงกำแพงค่อยๆเดินออกจากห้อง
เพิ่งเปิดประตู ก็เห็นซูซีมู่เดินออกมาจากห้องด้านข้าง
เห็นเธอเดินออกมา รู้สึกตะลึงก่อน แล้วค่อยถาม:”วันนี้คุณลางานพักผ่อนซะ”
โล่เฟยเอ๋อคิดก็ไม่คิดก็ปฏิเสธแล้ว “ไม่ได้”
ก่อนหน้านี้เธอเคยลาออกจากบริษัทดี้ก้วน จะลางานไม่ได้เด็ดขาด
ซูซีมู่กล่าวเน้นย้ำว่า:”ห้ามไปทำงานนะ”
ซูซีมู่ยืนยันเสียงแข็ง และยังบอก’ห้าม’ โล่เฟยเอ๋ออารมณ์ขึ้นทันที “นี่มันเป็นเรื่องของฉันนะ”
มันเป็นเรื่องส่วนตัวเธอเอง เขาไม่ควรยุ่ง…
ซูซีมู่ซ่อนความรู้สึกขมขื่นบนใบหน้า หันหลังเดินลงชั้นด้านล่าง
เห็นเงาด้านหลังซูซีมู่ โล่เฟยเอ๋อก็รู้ตัวว่าเมื่อกี้นี้เธอโมโหอารมณ์ร้อนกันไป เลยพูดอะไรที่ไม่น่าฟังออกมา
เธออยากเรียกซูซีมู่ให้หยุด แต่สุดท้ายก็ทำได้เพียงแค่อ้าปาก ไม่เปล่งเสียงออกแต่อย่างใด
ตอนที่โล่เฟยเอ๋อลงชั้นด้านล่าง ซูซีมู่ก็ได้ออกจากบ้านไปแล้ว
ทั้งๆที่ตอนนี้ยังพึ่งจะ 7:00 น ยังเช้าจะตาย แต่เขากลับไปก่อนซะแล้ว ทั้งๆที่ยังไม่ได้กินอาหารเช้า
โล่เผยเอ๋อไม่ต้องทายก็รู้ ว่าเป็นเพราะคำพูดที่ตนพูดเมื่อกี้
สีหน้าเธอเริ่มไม่ดีเลยทันที
คนใช้เห็นโล่เฟยเอ๋อสีหน้าไม่ดี นึกว่าเธอปวดขา ก็เลยถามด้วยความเป็นห่วง”คุณนายคะ คุณนายเจ็บขา ทำไมไม่พักผ่อนข้างบนล่ะคะ?”
โล่เฟยเอ๋อไม่ได้ตอบคำถามคนใช้ เพียงแต่กล่าวว่า “คุณช่วยเตรียมอาหารเช้าหน่อยนะ”
“ค่ะ คุณนาย” คนใช้พยักหน้า พยุงโล่เฟยเอ๋อเดินไปทางห้องครัว
คงเป็นเพราะว่าขาของโล่เฟยเอ๋อบาดเจ็บ ตอนที่โลเฟยเอ๋อกำลังทานข้าวเช้าวันนี้ คนใช้เฝ้าอยู่ข้างโต๊ะอาหารไม่ห่างไปไหนเลย
หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ โล่เฟยเอ๋อหยิบผ้าเช็ดปากมาชะตา แล้วลุกขึ้น
คนใช้รีบเดินเข้ามาพยุงเธอ “คุณนายคะ ดิฉันช่วยนะคะ”
โล่เฟยเอ๋อส่ายศีรษะปฏิเสธ “ไม่ต้องค่ะ คุณไปยุ่งเรื่องของคุณเถอะ ฉันจะไปทำงานแล้ว”
ได้ยินโล่เฟยเอ๋อบอกว่าจะไปทำงาน คนใช้กล่าวด้วยน้ำเสียงตกใจ ” คุณนายคะขาของคุณยังเจ็บอยู่ จะไปทำงานได้ยังไงคะ?”
“ขาฉันไม่มีปัญหาอะไรแล้วนิ” โล่เฟยเอ๋อขมวดคิ้ว ตอบกลับ
คนใช้พูดเกลี้ยกล่อมด้วยความหวังดีว่าคุณนายคะ แผลที่ขาของคุณยังไม่หายดีเลย อย่าเพิ่งไปทำงานเลยนะคะ…….”
นึกถึงตอนเช้านี้ซูซีมู่ก็กล่าวเน้นย้ำกับเธอว่า ห้ามไปทำงาน……
โล่เฟยเอ๋อหลบสายตาเล็กน้อย แล้วพูดออกมา 4 คำ”ได้ ฉันลางาน”
“……คุณนายคะ ขาของคุณนายมีแผลเย็บอยู่ พักผ่อนก่อนสัก 2 วัน ค่อยไปทำงานก็ได้……” ทีแรกคนใช้ยังเอาแต่พูดเกลี้ยกล่อมโล่เฟยเอ๋อ อยากให้เธอตัดสินใจใหม่ แต่พอพูดได้ครึ่งทางถึงดึงสตินึกขึ้นได้ว่า โล่เฟยเอ๋อบอกจะลางาน จึงรีบถาม “คุณนาย คุณนายยอมที่จะไม่ไปทำงานแล้วหรอคะ?”
โล่เฟยเอ๋อถอนหายใจในใจและกล่าว:”ไม่ไปแล้วคุณช่วยมาพยุงฉันไปห้องรับแขกเถอะ”
“ได้เลยค่ะ” คนใช้พยุงโล่เฟยเอ๋อไปนั่งลงบนโซฟาที่ห้องรับแขกด้วยความดีใจ
โล่เฟยเอ๋อหยิบมือถือออกมาจากกระเป๋า ค้นเบอร์โทรของเย่รู่ไป๋แล้วโทรออก
“หัวหน้าคะ วันนี้ดิฉันขอลางานนะคะ”
ฝั่งเย่รู่ไป๋เมื่อได้ยินโล่เฟยเอ๋อบอกว่าลางาน อารมณ์โมโหขึ้นทันที “โล่เฟยเอ๋อ คุณเพิ่งจะทำงานได้ครึ่งเดือนก็จะลางานกับบริษัทซะแล้ว คุณคิดว่าบ้านคุณเปิดบริษัทนี้งั้นเหรอ? อยากมาก็มา ไม่อยากมาก็ไม่มา?” (ต้องบอกว่า หัวหน้าคะเย่ คุณพูดถูกแล้วล่ะ บ้านเธอเป็นเจ้าของที่เปิดบริษัทนี้จริงๆด้วย สามีเธอเป็นคนเปิดเอง”)
โล่เฟยเอ๋อรู้ตัวว่าการลางานเป็นเรื่องที่ไม่สมควร จึงกล่าวด้วยความรู้สึกผิดว่า:”ขอโทษด้วยนะคะ หัวหน้าคะวันนี้ฉันไปทำงานไม่ได้จริงๆค่ะ”
“แล้วแต่คุณเถอะ! ไม่ว่ายังไงคุณก็เป็นคนที่ผู้ช่วยโจวส่งเข้ามานิ ผมไม่ขอยุ่งกับคุณ” เย่รู่ไป๋พูดคำนี้ทิ้งท้าย และวางสายทันที
ได้ยินเสียงวางสายตู้ดๆๆ โล่เฟยเอ๋อวางโทรศัพท์ลงด้วยความขมขื่นใจ……