บทที่ 229 การดูแลอย่างใกล้ชิดของซูซีมู่
พอซูซีมู่พาเฟยเอ๋อกลับไปวิลล่า เฟยเอ๋อก็ถูกซูซีมู่อุ้มไปวางนอนราบบนเตียง
“ฉันไม่เป็นไรแล้ว ไม่ต้องนอนแล้ว”โล่เฟยเอ๋อกล่าวด้วยสีหน้างอน
ซูซีมู่ตอบแบบไม่เงยหน้าขึ้นเลย” หมอเฉิงบอกแล้วว่า หลายวันนี้ให้คุณนอนพักเยอะๆ ถึงจะดี”
“อาการหนักขนาดนั้นเลยหรอ?” โล่เฟยเอ๋อถามอย่างสงสัย
ขณะที่ซูซีมู่ไม่รู้ว่าจะโกหกโล่เฟยเอ๋อยังไงดี คนใช้ที่ยืนอยู่ข้างๆก็เอ่ยปากพูด “คุณนายน้อย คุณนายฟังตามที่คุณชายพูดเถอะนะคะพักผ่อนเยอะๆ คุณชายจะได้สบายใจเยอะขึ้นหน่อย ต้องรู้ว่าเมื่อคืนคุณชายตกใจมากเลยนะคะ…..”
ความหมายของคนใช้คือว่า จะบอกโล่เฟยเอ๋อทางอ้อม ว่าซูซีมู่เป็นห่วงเธอขนาดไหน โล่เฟยเอ๋อจะได้ฟังที่ซูซีมู่พูดแล้วพักผ่อนเยอะๆ
แต่เสียดายที่เธอไม่รู้ ว่าซูซีมู่ไม่อยากให้โล่เฟยเอ๋อรู้เลยว่าเขาคิดยังไงกับเธอ
และเพราะฉะนั้น ขณะที่เธอยังพูดไม่จบ ก็ถูกซูซีมู่พูดตัดบทแล้ว “คุณต้มน้ำซุปไว้ไม่ใช่หรอ? ไปเอามาสิ”
แม้น้ำเสียงจะดูปกติ แต่คนใช้ฟังออกว่าเป็นเสียงกำลังเตือน
คนใช้ดึงสายตากลับ แล้วกล่าวว่า:”ดิฉันจะไปเดี๋ยวนี้ค่ะ
พอพูดคำนี้จบ คนใช้ก็รีบหันหลังออกจากห้องทันที
โล่เฟยเอ๋อไม่ได้สังเกตถึงคนใช้ ความสนใจของเธออยู่ที่ตัวซูซีมู่
คนใช้บอกว่า เมื่อคืนซูซีมู่ตกใจเธอมาก
แล้วเมื่อคืนนี้เกิดอะไรขึ้นกับเธอล่ะ?
ความทรงจำส่วนนั้นของโล่เฟยเอ๋อไม่มีอยู่ในสมองของเธอ คิดไปคิดมา ก็เลยถามซูซีมู่ไปตรงๆ “เมื่อคืนฉันเป็นอะไรไป? แล้วทำไมคุณถึงต้องพาฉันไปโรงพยาบาล”
ซูซีมู่แอบถอนหายใจเบาๆ เจตนาดีของคนใช้ทำให้เป็นเรื่องเลยทีนี้ จึงกล่าวไปด้วยสีหน้าที่สงบปกติ:”คุณเจ็บปวดจนสลบไป ผมก็เลยพาคุณไปส่งโรงพยาบาล”
เห็นเธอสลบ ก็เลยตกใจงั้นหรอ?
ดวงตาของโล่เฟยเอ๋อจ้องมองซูซีมู่ ในใจแอบตัดสินใจว่าจะเชื่อฟังซูซีมู่พักผ่อนอยู่ในบ้าน
เมื่อคิดได้แบบนี้ โล่เฟยเอ๋อก็ดิ้นรนที่จะลุกมานั่งลง เตรียมจะหยิบมือถือมาโทรหาเย่รู่ไป๋เพื่อลางาน
ซูซีมู่เห็นเธอนั่งลง ก็ขมวดคิ้วขึ้นทันที “ให้คุณนอนพักไม่ใช่หรอ? ทำไมถึงลุกขึ้นมาล่ะ?”
“ฉันจะไปหยิบมือถือ” โล่เฟยเอ๋อตอบ
ซูซีมู่หยิบหมอนอิง2ใบ มาหนุนหลังโล่เฟยเอ๋อไว้ พร้อมกับถามว่า”อยู่ตรงไหน? ผมหยิบให้คุณเอง”
“อยู่ในกระเป๋าที่วางบนโซฟา ” โล่เฟยเอ๋อชี้ไปทิศทางของโซฟาแล้วกล่าว
ซูซีมู่’อืม’หนึ่งคำ แล้วเดินไปหน้าโซฟา เปิดกระเป๋า หยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วเดินกลับมา ยื่นให้โล่เฟยเอ๋อ
โล่เฟยเอ๋อรับมือถือมือมา เปิดเครื่อง ในสายที่ไม่ได้รับอยู่ 1 สาย เป็นสายที่เย่รู่ไป๋โทรมาพอดี
คงเป็นเพราะว่าวันนี้เธอไม่ได้ไปทำงาน คาริน่าคงแจ้งให้เขาแล้วสิ
เมื่อได้ยินว่าเธอลางาน เขาก็คงไม่พอใจอีกแล้วสินะ
แต่ก็…..หันไปมองซูซีมู่ทีนึง โล่เฟยเอ๋อก็โทรกลับเบอร์ของเย่รู่ไป๋ไป
ฝั่งเย่รู่ไป๋แป๊บเดียวก็รับสายแล้ว “โล่เฟยเอ๋อ ทำไมวันนี้คนไม่มาทำงานหรอ?”
โล่เฟยเอ๋อหดคอลงอย่างรู้สึกผิด แล้วตอบอย่างกล้าๆกลัวๆว่า”คือว่าผู้จัดการเย่คะ สุขภาพของฉันมีปัญหานิดหน่อย ก็เลยต้องการลางานค่ะ”
ทีแรกโล่เฟยเอ๋อยังคิดว่า เย่รู่ไป๋ต้องด่าเธอเป็นชุดหน้าเลย เพราะว่าตอนเธอโทรไปลางานเมื่อครั้งก่อนก็เป็นแบบนั้น
แต่นึกไม่ถึงว่าเย่รู่ไป๋จะถามเธอเพียงว่า “แล้วลานานแค่ไหนล่ะ?”
“ลานานแค่ไหน?” โล่เฟยเอ๋อยังตอบสนองไม่ทัน
ซูซีมู่นึกว่าโล่เฟยเอ๋อกำลังถามเขา จึงตอบไปโดยตรง “อย่างน้อยก็อาทิตย์นึง”
อย่างน้อยก็อาทิตย์นึง?คุณคิดว่าบ้านคุณเปิดบริษัทนี้งั้นหรอ?
เอ่อ…..บริษัทนี้เหมือนจะใช่ซูซีมู่เป็นคนเปิดจริงด้วย
แต่ว่าเธอลาตั้งหนึ่งอาทิตย์มันจะดีหรอ?
โล่เฟยเอ๋อมองไปทางซูซีมู่ เขาทำสีหน้าเหมือน’ไม่มีทางให้เจรจาต่อรองอะไรอีก’
เมื่อคิดๆในสิ่งที่คนใช้พูด โล่เฟยเอ๋อถึงกัดฟันพูดกับทางโทรศัพท์ว่า :”อาทิตย์นึงค่ะ”
เย่รู่ไป๋เงียบไปไม่กี่วินาที ก็ตอบกลับมาว่า’โอเค’
เสร็จแล้ว ยังพูดกำชับโล่เฟยเอ๋อให้ดูแลสุขภาพตนเองดีๆ
จนถึงเมื่อวางสายโทรศัพท์ลง โล่เฟยเอ๋อยังรู้สึกว่าไม่เหมือนความจริงเลย
ผู้จัดการเย่พูดง่ายแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
โล่เฟยเอ๋อวางมือถือลงไม่นาน คนใช้ก็ถืออาหารเข้ามา
“คุณชายคะ อาหารที่เตรียมไว้ให้คุณนายเรียบร้อยแล้วค่ะ”
ซูซีมู่ตอบ’อืม’1คํา แล้วลุกขึ้นไปหยิบถ้วยน้ำซุป บนถาดอาหารในมือคนใช้มา
แล้วนั่งลงข้างเตียงโล่เฟยเอ๋อ ใช้ช้อนคนน้ำซุป
“ให้ฉันทานเองเถอะค่ะ”โล่เฟยเอ๋อยื่นมือจะรับถ้วยน้ำซุปในมือซูซีมู่ แต่ซูซีมู่หลบซะก่อน
“มันร้อน ผมช่วยป้อนให้คุณเอง”พูดจบ เขาตักซุปมา1ช้อน เป่าให้เย็นลง
แล้วยื่นไปใกล้ปากโล่เฟยเอ๋อ
ถึงแม้โล่เฟยเอ๋อจะยินยอมแค่ไหนก็ตาม ซูซีมู่ก็ได้ยื่นช้อนซุปไปใกล้ปากเธอแล้ว
เธอจะปฏิเสธได้ยังไงล่ะ?และอีกอย่าง เธอดีใจมากด้วยซ้ำที่ซูซีมู่ดูแลใกล้ชิดแบบนี้
เธอลังเลเล็กน้อย แล้วอ้าปาก ดื่มน้ำซุป
ซูซีมู่ดูมีสมาธิมาก ตั้งใจป้อนน้ำซุปให้โล่เฟยเอ๋อคำแล้วคำเล่าราวกับว่ากำลังจัดการเอกสารนับหมื่นล้านเลย
หม้อน้ำซุปเรียบร้อยแล้ว เขาก็ถือถ้วยใส่ข้าวขึ้นมา ป้อนข้าวให้โล่เฟยเอ๋อ
คนหนึ่งป้อนอีกคนกิน จนเมื่อโล่เฟยเอ๋อทานไม่ลงแล้ว ถึงหยุดลง
ซูซีมู่น้ำถ้วยจานยื่นให้คนใช้ แล้วลุกขึ้นไปริมน้ำมา 1 แก้ว ให้โล่เฟยเอ๋อบ้วนปาก
ล้างบ้วนปากเสร็จ ก็ไปห้องน้ำเอาผ้าเช็ดหน้าบิดน้ำหมากหมาก แล้วเช็ดหน้าเช็ดมือให้โล่เฟยเอ๋อ
โล่เฟยเอ๋อดูเหมือนจะอยู่นิ่งๆให้ซูซีมู่ปรนนิบัติไป แต่ใจนั้นเธอเต้นแรงมาก
ซูซีมู่ดีกับเธอตลอด นอกจากช่วงเวลานั้น ช่วงที่พวกเขามีปัญหากัน และมาวันนี้ซูซีมู่ดีกับเธอมากขึ้นเป็นพิเศษ มากจนทำให้เธอรู้สึกแปลกๆ
นึกไปนึกมา โล่เฟยเอ๋อก็ไม่พบว่ามันแปลกตรงไหน
ก็เลยส่ายศีรษะ คิดซะว่าตนเองต้องคิดมากไปได้เลย
เพิ่งทานอาหารเสริม ไม่สามารถนอนราบได้ทันที
ซูซีมู่เอาไอแพดมาเครื่องนึง ให้โล่เฟยเอ๋อพิงหมอน ดูทีวีพักหนึ่ง ถึงให้เธอนอนพักผ่อนได้
ร่างกายของโล่เฟยเอ๋ออ่อนเพลียอยู่แล้ว นอนได้ไม่นาน ก็หลับไป
หลังจากที่เธอนอนหลับไป ซูซีมู่จึงค่อยลุกขึ้นจากเก้าอี้ เดินออกจากห้อง ไปหน้าระเบียง แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา โทรหาโจวเฉิง
“รีบมาวิลล่าเดี๋ยวนี้”
ซูซีมู่พูดคำนี้จบ ก็วางสาย
แล้วมองไปยังหน้าต่างที่อยู่ไม่ไกลทีนึง เก็บโทรศัพท์ไว้ในกระเป๋า แล้วกลับเข้าไปในห้อง
ซูซีมู่นั่งอยู่ในห้องของโล่เฟยเอ๋อประมาณ 1 ชั่วโมง ก็ได้ยินเสียงเครื่องยนต์ส่งมาจากด้านนอก
เขาหันไปมองโล่เฟยเอ๋อตามจิตใต้สำนึกของเขา เมื่อเห็นว่าโล่เฟยเอ๋อไม่ได้ถูกเสียงกวนจนตื่น เขาจึงลุกขึ้น แล้วเดินออกจากห้อง
เขาไปห้องอ่านหนังสือที่อยู่ห้องตรงข้ามก่อน เขาหยิบกระดาษ1แผ่นออกมาจากห้องอ่านหนังสือ แล้วลงชั้นล่าง
เมื่อซูซีมู่ถึงห้องรับแขก โจวเฉิงได้ยืนรอเขาอยู่ตรงนั้นแล้ว
“ประธานซู…..” โจวเฉิงเพิ่งจะเปิดปากพูด ซูซีมู่ก็ทำมือท่าบอกให้เขาเงียบ
ถึงแม้โจวเฉิงจะรู้สึกแปลกใจ แต่ก็ปิดปากอย่างเชื่อฟัง
ซูซีมู่ไม่พูด มองไปที่คนใช้ที่อยู่หน้าประตูห้องครัวทีนึง แล้วเดินออกไปจากวิลล่า
โจวเฉิงจากจมูก แล้วเดินตามหลังเขาไป
จนเมื่อเดินออกไปจากวิลล่า ซูซีมู่ถึงหยุดเดิน ยื่นกระดาษในมือให้โจวเฉิง
“ไปสืบมาให้แน่ชัดว่าของ2อย่างนี้ถูกโล่เฟยเอ๋อทานไปได้ยังไง”
โจวเฉิงเปิดดูกระดาษในมือ ถึงกับตะลึง แล้วพยักหน้า”ครับ ประธานซู”
ซูซีมู่พยักหน้าตอบ’อืม’หนึ่งคำ แล้วกล่าวอีกครั้งเหมือนนึกอะไรขึ้นได้ว่า”สืบที่วิลล่าก่อน แล้วค่อยไปสืบที่อื่นๆ อยากให้ใครรู้เรื่องนี้ล่ะ เมื่อสืบได้แล้ว มารายงานให้ผมทราบก่อน”
หมอเฉิงบอกว่าโล่เฟยเอ๋อทานยานอนหลับกับดอกคำฝอย ที่ๆซูซีมู่สงสัยเป็นอันดับแรกก็คือวิลล่าบ้านตนเอง
และที่พาโล่เฟยเอ๋อกลับมาพักที่เดิมนั้น เป็นเพราะว่าไม่อยากให้โล่เฟยเอ๋อสงสัย