บทที่ 240 ประสานมือเข้าด้วยกันในคืนวันแห่งความรัก
สำหรับโล่เฟยเอ๋อแล้ว ขอเพียงซูซีมู่เป็นคนมอบให้ ไม่ว่าอะไรเธอก็ชอบทั้งนั้น
ดังนั้นเธอจึงตอบอย่างไม่ลังเลว่า “ชอบ…” หลังจากตอบออกมา เธอก็เงยหน้าจ้องไปในตาของซูซีมู่ แล้วพูดซ้ำอีกครั้ง “ฉันชอบมาก ขอบคุณนะ”
เมื่อได้ยินโล่เฟยเอ๋อบอกว่าชอบ ซูซีมู่ก็รู้สึกโล่งใจ จากที่เป็นกังวลอยู่สองวัน
ที่จริงในตอนที่เขาเห็นตุ๊กตาแกะสลักอย่างประณีตสวยงามของลูกค้านั้น เขาก็ถามที่อยู่ที่แกะสลักตุ๊กตาจากลูกค้า หลังจากที่เขาไปที่นั่นด้วยตัวเอง เขาถึงเพิ่งรู้จากช่างแกะสลักตุ๊กตาว่าสามารถแกะเลียนแบบคนจริง ๆ ได้
ซูซีมู่เลยให้ช่างคนนั้นแกะสลักตุ๊กตาให้เหมือนรูปของโล่เฟยเอ๋อ
ไม่เพียงเท่านั้น เขายังตั้งใจให้ช่างแกะสลักตุ๊กตาไม้ดัดแปลงตุ๊กตาเล็กน้อย
ถ้ามองผิวเผินก็เป็นเพียงตุ๊กตาไม้แกะสลัก แต่ที่จริงตรงกลางนั้นกลวง เพียงแค่ใช้เทคนิคเล็กน้อย ก็สามารถเปิดส่วนล่างของตุ๊กตาออกมาได้
ซูซีมู่ใส่จดหมายฉบับหนึ่งไว้ในนั้น เป็นสิ่งที่เขาอยากจะบอกกับโล่เฟยเอ๋อ เป็นความรักลึกซึ้งที่เขาไม่สามารถบอกเธอได้
ที่จริงตอนที่ซูซีมู่ใส่จดหมายนั้นลงไป เขาได้คิดไว้แล้ว ว่าชั่วชีวิตนี้โล่เฟยเอ๋ออาจจะไม่รู้ว่าตุ๊กตาไม้แกะสลักตัวนี้มีอะไรซ่อนอยู่
แน่นอนว่าเขาคิดมาแล้ว อาจจะมีสักวัน ที่โล่เฟยเอ๋อเปิดเจอมัน
ถึงตอนนั้นก็อาจจะเป็นโอกาสที่ดีระหว่างพวกเขา แต่ก็อาจจะเป็นจุดจบระหว่างพวกเขาเหมือนกัน
แต่ซูซีมู่รู้สึกว่า นี่เป็นความหวังหนึ่งของเขา…
โล่เฟยเอ๋อไม่รู้ว่าซูซีมู่คิดอะไร เธอยิ่งมองก็ยิ่งชอบตุ๊กตาตัวนี้มาก ถึงขั้นคิดจะแกะสลักตุ๊กตาอีกตัวให้เหมือนซูซีมู่ จะได้วางคู่กัน
เธอหลุบตาลง แล้วทำเหมือนเอ่ยปากถามเรื่อยเปื่อย “ตุ๊กตานี่ใครเป็นคนแกะสลักเหรอ”
คำพูดของโล่เฟยเอ๋อ ดึงซูซีมู่ให้หลุดจากความคิดเมื่อครู่ เขาสูดลมหายใจเข้า ปรับอารมณ์ตัวเองให้นิ่ง แล้วตอบ “ช่างแกะสลักฝีมือดีคนหนึ่ง”
“ช่างแกะสลักคนนั้น…” โล่เฟยเอ๋อตั้งใจจะถามซูซีมู่ว่าช่างแกะสลักคนนั้นอยู่ที่ไหน แต่ก็คิดว่าถ้าตัวเองถามออกไป จะดูโจ่งแจ้งเกินไป จึงเปลี่ยนคำพูดว่า “ช่างแกะสลักคนนั้นฝีมือยอดเยี่ยมจริง ๆ”
ซูซีมู่พยักหน้าตอบ อืม จากนั้นก็พูดขึ้นมาว่า “ดึกแล้ว พรุ่งนี้ยังต้องทำงานอีก กลับกันเถอะ”
“อืม ได้ค่ะ” โล่เฟยเอ๋อพยักหน้าอย่างว่านอนสอนง่าย จากนั้นก็เอาตุ๊กตาไม้เก็บกลับเข้าไปในกล่องผ้าอย่างระมัดระวัง แล้วหยิบใส่กระเป๋า ท่าทางเหมือนกลัวจะทำหล่นหาย
สายตาของซูซีมู่มองไปยังท่าทางของเธอแล้วก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย
หลังออกมาจากโรงแรมบั้นเต๋า ทั้งคู่ก็เดินเรียงกันไปยังลานจอดรถ
ลมพัดโชยมาเบา ๆ พัดเอากลิ่นหอมของดอกกุหลาบลอยฟุ้งอยู่ในอากาศ
ทางเดินทั้งสองฝั่งสว่างไสวไปด้วยแสงนีออน พบเห็นคู่รักกอดกันบ้าง จับมือกันบ้าง จูบกันบ้าง อยู่ตามรายทาง
ช่างเป็นบรรยากาศวันแห่งความรักที่มีความสุขมากจริง ๆ …โล่เฟยเอ๋อเพิ่งจะตัดพ้อในใจ ทันใดนั้นก็รู้สึกว่ามือของตัวเองแตะเข้ากับมือของซูซีมู่
มือของเธอแข็งทื่อทันที เหมือนมีกระแสไฟฟ้าจากมือของเธอกระจายไปทั่วทั้งตัว ทำให้เธอแทบจะขยับเท้าไม่ได้
มือของโล่เฟยเอ๋อนิ่งไป จากนั้นก็เตรียมจะดึงมือให้ออกห่างจากมือของซูซีมู่
แต่ปรากฏว่าเมื่อเธอขยับ นิ้วมือของซูซีมู่ก็เกี่ยวเข้ากับปลายนิ้วของเธอ จากนั้นเขาก็สอดนิ้วมือเข้ามาประสานกับมือเธอ
ในตอนนั้น โล่เฟยเอ๋อมีความรู้สึกว่ามือของเธอไม่ใช่ของเธออีกต่อไป
มือของทั้งคู่ประสานเข้าด้วยกัน ไม่อยากจะเชื่อว่าซูซีมู่ประสานมือกับเธอ
ถึงแม้ว่าเขาจะจูงมือเธออยู่บ่อยครั้ง แต่จับมือประสานเข้าด้วยกันแบบนี้เพิ่งจะเคยเป็นครั้งแรก
ทำไมเขาถึงจูงมือเธอแบบนี้นะ หรือว่าเขาก็ชอบเธอเหมือนกัน
ไม่อย่างนั้นซูซีมู่ไม่ตั้งใจพาเธอมาทานมื้อค่ำที่โรงแรมบั้นเต๋าในวันแห่งความรักหรอก แถมยังให้ของขวัญเธออีกด้วย
แต่ซูซีมู่หวังที่อยู่กับพี่สาวเธอมาตลอด เขายังเคยพูด ว่าเขาจะรักพี่สาวตลอดไป…
ใจของโล่เฟยเอ๋อเดี๋ยวก็มีความสุขเดี๋ยวก็ทุกข์ แต่ก็ยังคงจับมือซูซีมู่ไว้แน่น
ซูซีมู่ไม่รู้ว่าในใจโล่เฟยเอ๋อกำลังคิดอะไร เขารู้สึกได้ว่าโล่เฟยเอ๋อจับมือเขาแน่น แววตาจึงเป็นประกายเล็กน้อยด้วยความแปลกใจ แต่เขาก็กลับมาทำตัวตามปกติอย่างรวดเร็ว
ทั้งคู่ต่างก็คิดอะไรในใจแต่จับมือประสานกันอย่างแนบแน่น เดินไปตามทางอย่างช้า ๆ
เป็นคู่รักที่รักกันมากคู่หนึ่ง แต่กลับไม่มีใครยอมบอกความในใจให้อีกฝ่ายหนึ่งรู้ถึงความรักที่ตัวเองมี
ในสายตาของคนอื่น พวกเขาดูเป็นคู่สามีภรรยาที่รักใคร่สนิทสนมกันมาก แต่มีเพียงพวกเขาเองเท่านั้นที่รู้ ว่าเป็นการแสดงให้คนนอกเห็น พวกเขาปกปิดไม่อยากให้อีกฝ่ายหนึ่งรู้ถึงความในใจของตัวเอง เพื่อรักษาสถานะเพื่อนสนิทที่พวกเขาขีดเส้นเอาไว้ ใช้ความคิดมากมายนับไม่ถ้วน
พวกเขาต่างคิดว่าตัวเองเป็นฝ่ายแอบรักอยู่ข้างเดียว ต่างก็คิดว่าอีกฝ่ายมีคนที่รักสุดหัวใจอยู่แล้ว โดยที่ไม่รู้เลยว่า ที่จริงพวกเขาทั้งสองต่างเป็นคนที่รักสุดหัวใจของกันและกัน
เขาคือคนที่เธอแอบรักสุดหัวใจ เธอก็คือคนที่เขารักสุดหัวใจมาตลอด
ไฟนีออนหลากสีสัน แสงและเงาจงเป็นพยาน
เขาเอ่ยพูดเงียบ ๆ อยู่ในใจ : โล่เฟยเอ๋อ ฉันรักเธอ สุขสันต์วันแห่งความรัก
เธอเอ่ยพูดเงียบ ๆ อยู่ในใจ : ซูซีมู่ ฉันรักนาย สุขสันต์วันแห่งความรัก
ถนนไม่ใช่ว่าจะไม่มีทางตัน ต่อให้ไกลแค่ไหน ก็ต้องมีวันหยุดลง
ถึงแม้โล่เฟยเอ๋อกับซูซีมู่จะรู้ใจกันและกันว่าเดินต่อไปตามทางข้างหน้าไม่หยุด แต่ก็ยังถูกขัดจังหวะขึ้นมา
โทรศัพท์ของซูซีมู่ดังขึ้น
โล่เฟยเอ๋อรีบดึงมือออกจากมือของซูซีมู่ทันที แล้วหันไปมองทางอื่นไม่กล้ามองไปยังซูซีมู่
มือของซูซีมู่ลูบไปมาอยู่ครู่หนึ่ง อ้าปากเหมือนจะพูดอะไรกับโล่เฟยเอ๋อ แต่สุดท้ายก็ล้วงมือเข้าไปหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋า
โทรศัพท์โชว์ว่าเป็นอาผิน บอดี้การ์ดของคุณท่านโทรเข้ามา แววตาของซูซีมู่ดูแปลกใจขึ้นมาทันที
เขารู้ดีว่า ถ้าไม่มีเรื่องสำคัญมาก อาผินจะไม่โทรหาเขาดึกดื่นแบบนี้แน่นอน
“มีเรื่องอะไร”
“คุณชาย คุณท่านอยู่ ๆ ก็ไม่สบายขึ้นมากะทันหัน”
สีหน้าซูซีมู่ขรึมขึ้น แล้วรีบถาม “หมอเฉิงมาหรือยัง”
ได้ยินชื่อหมอเฉิง โล่เฟยเอ๋อที่หันไปทางอื่นรีบหันกลับมามองซูซีมู่
ซูซีมู่เป็นคนเย็นชามาตลอด คนที่ทำให้เขาเป็นห่วงได้มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น
หรือว่าจะเป็น…
โล่เฟยเอ๋อตาโต อ้าปากอยากถามซูซีมู่ แต่ตอนนี้ซูซีมู่กำลังคุยโทรศัพท์อยู่ เธอเลยคิดว่าสงบจิตสงบใจไว้แล้วรอก่อนดีกว่า
“มาถึงที่โรงพยาบาลของหมอเฉิงแล้วครับ”
“ฉันรู้แล้ว ฉันจะไปเดี๋ยวนี้” ซูซีมู่พูดจบก็วางสายไป
โล่เฟยเอ๋อเห็นเขาวางสายแล้วก็เอ่ยถาม “ใครป่วยเหรอ”
ซูซีมู่ไม่ตอบคำถามของโล่เฟยเอ๋อ เพียงแต่พูดว่า : “ฉันจะให้คนขับรถหลี่มารับเธอกลับไป…”
ยังพูดไม่ทันจบ ก็ถูกโล่เฟยเอ๋อขัดขึ้นมา “ซูซีมู่ นายบอกฉันสิ ใครเป็นอะไร หรือว่าคุณปู่…”
ซูซีมู่เงียบไปครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า “ใช่”
เมื่อได้รับการยืนยันจากซูซีมู่ โล่เฟยเอ๋อก็เอ่ยขึ้นมา : “ฉันจะไปกับนายด้วย”
ซูซีมู่จ้องไปที่โล่เฟยเอ๋อ ขยับปากเล็กน้อย แล้วพยักหน้าเบา ๆ ยอมให้โล่เฟยเอ๋อไปกับเขาด้วย