บทที่ 267 ความสัมพันธ์ซับซ้อนของพวกเขาที่เปี่ยมล้นไปด้วยความสุข
ในเวลานี้ ต่างคนก็ต่างเงียบ
เป็นเพราะเมื่อกี้โล่เฟยเอ๋อเผลอพูดผิดไป ส่วนซูซีมู่นั้นไม่อยากพูดอะไร
เมื่อเช็ดผมให้โล่เฟยเอ๋อจนแห้งแล้ว ซูซีมู่ก็ไม่พูดอะไรสักคำแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป
โล่เฟยเอ๋อจ้องไปที่ประตูห้องน้ำอยู่สักครู่ จากนั้นก็วางหวีในมือลงบนโต๊ะเครื่องแป้ง แล้วก็ขึ้นบนเตียง
แต่เธอกลับนอนไม่หลับ สมองคิดวนเวียนแต่เรื่องที่เมื่อกี้เผลอพูดอะไรที่ไม่คิดออกไป
โล่เฟยเอ๋อนะโล่เฟยเอ๋อ เธอนี่มันงี่เง่าจริง ๆ ไปพูดว่าเขาซื้อคฤหาสน์ที่นี่เพราะเอาใจผู้หญิงได้ยังไงกัน
ขณะที่โล่เฟยเอ๋อกำลังคิดอะไรฟุ้งซ่านอยู่นั้น ซูซีมู่ก็อาบน้ำเสร็จแล้วออกมาจากห้องน้ำ
โล่เฟยเอ๋อจึงรีบปิดตาลง แกล้งทำเป็นหลับแล้ว
เธอได้ยินเสียงฝีเท้าที่เบามาก เดินออกจากห้องน้ำมาที่ข้างเตียง
จากนั้นผ้าห่มก็ถูกดึงขึ้น ที่นอนด้านหลังเธอนั้นยุบตัวลง เธอจึงรู้ว่าซูซีมู่นอนลงบนเตียงแล้ว
ตอนนี้ โล่เฟยเอ๋อก็หายใจเบา ๆ กลัวว่าซูซีมู่จะรู้ว่าเธอแกล้งหลับ
แต่ทันใดนั้นเอง ซูซีมู่ก็ขยับตัว
ขณะที่เธอกำลังคิดว่าซูซีมู่จะทำอะไรอยู่นั้น เธอก็ถูกซูซีมู่ดึงเข้ามากอดเบา ๆ
อ้อมกอดที่อบอุ่น กลิ่นหอมสดชื่น ทำให้โล่เฟยเอ๋ออดไม่ได้ที่จะลืมตาขึ้นมา เป็นจังหวะเดียวกับที่ซูซีมู่กำลังก้มหน้ามองเธอพอดี ทำให้เธอสบตาเข้ากับเขา
“ฉันทำให้เธอตื่นเหรอ?” สายตาของซูซีมู่แฝงด้วยรอยยิ้ม สีหน้าที่แสดงออกมาก็ดูอบอุ่นมาก
เธอไม่ได้ถูกรบกวนจนตื่นหรอก เธอยังไม่ได้หลับเลยด้วยซ้ำ
แน่นอนว่าโล่เฟยเอ๋อจะพูดอย่างนี้ไม่ได้ เลยบอกไปว่า : “รู้สึกว่าร้อนนิดหน่อยเลยตื่น”
กลัวว่าซูซีมู่จะไม่เชื่อ โล่เฟยเอ๋อจึงเปิดผ้าห่มออก
“ห้ามเอาผ้าห่มออกนะ เดี๋ยวจะหนาวเอาได้” ซูซีมู่เอาผ้าห่มห่มให้โล่เฟยเอ๋อใหม่ กลัวว่าเธอจะดึงผ้าห่มออกอีก เขาจึงกอดเธอเอาไว้
“แบบนี้ร้อนนะ…” ครั้งนี้โล่เฟยเอ๋อไม่ใช่พูดอ้าง แต่รู้สึกร้อนขึ้นมาจริง ๆ
จะไม่ร้อนได้ยังไง ชุดนอนที่ใส่อยู่ก็เอาแต่ชัดหนา ๆ มาจากเมือง A แล้วยังมีซูซีมู่ที่กอดอยู่ ห่มผ้าห่มเข้าไปอีก ถ้าไม่ร้อนก็แปลกแล้ว
ดังนั้นผ้าห่มจึงถูกโล่เฟยเอ๋อถีบออกอีก เธอยังโทษชุดนอนที่ใส่อยู่บนตัวเธอด้วย “รู้อย่างนี้เอาชุดนอนบาง ๆ มาแล้ว ร้อนจริง ๆ เลย”
ซูซีมู่เป็นห่วงว่าโล่เฟยเอ๋อจะเป็นหวัด แต่ไม่ได้ห่มผ้าให้โล่เฟยเอ๋อแบบแน่น ๆ อีก เพียงแต่ดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดบนหน้าอกของโล่เฟยเอ๋อ “ไม่ดื้อนะ ห้ามดึงออกอีก พรุ่งนี้ฉันจะให้โจวเฉิงไปหาชุดนอนบาง ๆ ให้เธอ”
เมื่อได้ยินซูซีมู่บอกว่าจะให้โจวเฉิงไปเตรียมชุดนอนให้ตัวเอง โล่เฟยเอ๋อรีบปฏิเสธทันที “ไม่ต้องให้คุณโจวเตรียมให้หรอก ฉันไปซื้อเอง”
พูดเป็นเล่นไปได้ ชุดนอนอะไรพวกนั้น ให้เธอเป็นคนหามาเองจะดีที่สุด
ซูซีมู่อึ้งเล็กน้อย สักพักถึงจะเข้าใจความหมายของโล่เฟยเอ๋อ จึงพยักหน้าแล้วเอ่ย : “ได้ งั้นเดี๋ยวฉันไปเป็นเพื่อนเธอนะ”
โล่เฟยเอ๋อตอบกลับ อืม จากนั้นก็เอาหัวซุกในอ้อมกอดของซูซีมู่แล้วหลับตา “นอนกันเถอะ”
“โอเค นอน”
วันถัดมา ตอนที่โล่เฟยเอ๋อตื่นขึ้นมา ซูซีมู่ก็ไม่ได้อยู่ในห้องแล้ว
โล่เฟยเอ๋อขยี้ตาไปมา ตื่นนอนแล้วดึงผ้าห่มออก ไปล้างหน้าแปรงฟันในห้องน้ำ จากนั้นก็ลงไปชั้นล่าง
ชั้นล่าง คนรับใช้สองสามคนกำลังยุ่งอยู่ แต่ไม่เห็นซูซีมู่กับหซิวหชูเฉียว
คนรับใช้เห็นโล่เฟยเอ๋อเดินลงมา ก็ทักทายด้วยความเคารพ “คุณโล่ อรุณสวัสดิ์ค่ะ!”
“อรุณสวัสดิ์!” โล่เฟยเอ๋อตอบรับ มองไปรอบ ๆ แล้วเอ่ยถาม “คนอื่น ๆ ล่ะ?”
“คุณซูและคุณโจวอยู่ที่ห้องหนังสือค่ะ” คนรับใช้ตอบ
โล่เฟยเอ๋อก็ถามถึงหซิวหชูเฉียว “แล้วคุณหซิวล่ะ?”
คนรับใช้ยังไม่ทันจะตอบอะไร เสียงหซิวหชูเฉียวก็ดังขึ้นมา “ฉันอยู่นี่”
โล่เฟยเอ๋อหันกลับไปมอง เลยเห็นหซิวหชูเฉียวกำลังหาว เดินลงมาจากชั้นบน
“เฉียวเฉียว เธอตื่นแล้วเหรอ?”
“นอนสบายมาก ไม่อยากตื่นเลย แต่รู้สึกหิวแล้ว เลยจำเป็นต้องตื่น” หซิวหชูเฉียวขมวดคิ้ว หน้าตาไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่
เมื่อได้ยินที่เธอพูด โล่เฟยเอ๋อเลยไม่รู้จะร้องไห้หรือจะหัวเราะดี “พอแล้ว ทานอาหารเช้าก่อนแล้วเธอค่อยไปนอนต่อ”
พูดจบก็หันไปทางคนรับใช้ “อาหารเช้าเตรียมไว้แล้วใช่ไหม?”
“คุณซูให้พวกเราเตรียมเกี๊ยวกุ้ง ทาร์ตไข่ ไข่เจียวม้วน…” คนรับใช้รายงานรายชื่ออาหารเช้าให้ฟัง
“ทั้งหมดเป็นของที่เธอชอบทานนี่” หซิวหชูเฉียวขมวดคิ้วแล้วมองไปที่โล่เฟยเอ๋อ
โล่เฟยเอ๋อหน้าแดง ตอบกลับเสียงต่ำ : “ก็มีเกี๊ยวกุ้งที่เธอชอบทานไม่ใช่เหรอ?”
หซิวหชูเฉียวกรอกตาแล้วเถียงกลับ “นั่นเป็นเพราะโชคดีที่ฉันชอบเหมือนเธอ ไม่อย่างนั้นเธอคิดว่าจะมีเหรอ?”
ถึงแม้สิ่งที่หซิวหชูเฉียวพูดจะเป็นเรื่องจริง แต่โล่เฟยเอ๋อก็ยังไม่ยอมรับ “แต่ก็มีทาร์ตไข่ที่ฉันไม่ชอบกินนะ!”
ที่เธอชอบมากที่สุดก็คือทาร์ตไข่นั่นแหละ!
“ใช่ ใช่ ใช่ มีแต่ของที่เธอไม่ชอบทั้งนั้น” หซิวหชูเฉียวน้ำเสียงล้อเลียน
โล่เฟยเอ๋อที่ถูกล้อเลียนไม่มีอะไรจะเถียงได้อีก เลยรีบเปลี่ยนเรื่องคุย “ไปทานอาหารเช้ากันเถอะ เธอไม่ใช่บอกว่าลูกบุญธรรมฉันหิวแล้วเหรอ?”
“ก็หิวแล้วจริง ๆ แหละ” หซิวหชูเฉียวลากโล่เฟยเอ๋อเดินไปที่ห้องอาหาร
คนรับใช้ยกอาหารมาวางบนโต๊ะไว้แล้ว หซิวหชูเฉียวนั่งลงแล้วหยิบไข่เจียวม้วนด้วยมือซ้าย มือขวาคีบเกี๊ยวกุ้ง ลงมือทานอาหาร
โล่เฟยเอ๋อไม่ได้หิวมากมายอย่างเธอ จึงค่อย ๆ ทานทาร์ตไข่
หซิวหชูเฉียวพูดพลางคีบเกี๊ยวกุ้งเข้าปาก : “เอาจริง ๆ นะ เขาดีกับเธอมากจริง ๆ”
“ดีมากจริง ๆ แหละ” โล่เฟยเอ๋อไม่ได้ปฏิเสธ
เมื่อเห็นโล่เฟยเอ๋อในตอนนี้มีความสุขขนาดนี้ หซิวหชูเฉียวก็รู้สึกดีใจแทนเธอ “ยินดีกับเธอด้วยนะ ในที่สุดก็มีวันที่ฟ้าสดใสแล้ว!”
เมื่อคิดถึงเรื่องของเธอกับซูซีมู่ ก็รู้สึกว่ารอมาจนถึงวันที่ฟ้าสดใสจริง ๆ โล่เฟยเอ๋อพยักหน้า “อืม”
หซิวหชูเฉียวขยับเข้ามาใกล้โล่เฟยเอ๋อ หน้านิ่วคิ้วขมวดเอ่ยถม : “อย่างนั้นพวกเธอก็ใกล้จะมีข่าวดีแล้วล่ะสิ?”
“ใกล้จะมีข่าวดีอะไรกัน?” โล่เฟยเอ๋อทำหน้าประหลาดใจ
“เมื่อไหร่เธอจะแต่งงานกับเขา? อย่าบอกนะว่าเธอไม่คิดจะแต่ง ฉันเห็นนะว่าเมื่อคืนเธอนอนห้องเดียวกับเขา”
ได้ยินที่หซิวหชูเฉียวพูด ว่าเห็นเธอเข้าห้องไปกับซูซีมู่ โล่เฟยเอ๋อก็หน้าแดงขึ้นมาทั้งหน้า
แต่พูดถึงเรื่องแต่งงานกับเขา…เธอก็แต่งงานกับเขาไปแล้วนี่!
แต่พวกเขาแกล้งใช้ชีวิตเป็นสามีภรรยากันมาโดยตลอด สถานภาพในตอนนี้ เธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันคืออะไร
บอกว่าพวกเขาแกล้งเป็นสามีภรรยากัน แต่พวกเขาก็นอนด้วยกันแล้วจริง ๆ อีกอย่างซูซีมู่ก็ไม่ได้ทำเหมือนไม่มีใจให้เธอ
แต่พวกเขาก็ไม่เคยพูดคุยกันอย่างจริงจัง ว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขามันคืออะไร
ดังนั้นโล่เฟยเอ๋อเลยไม่รู้ว่าจะจัดสถานะความสัมพันธ์ระหว่างตัวเองกับซูซีมู่ยังไง
ในที่สุด โล่เฟยเอ๋อก็สรุปออกมาสามคำ “ฉันไม่รู้”
“ไม่รู้เหรอ?” น้ำเสียงหซิวหชูเฉียวสูงปรี๊ด
โล่เฟยเอ๋อดึงมือของเธอ ทำท่าทางให้เธอเงียบ “เธอเสียงเบา ๆ หน่อยสิ”
หซิวหชูเฉียวมองไปรอบ ๆ จากนั้นก็พูดเสียงต่ำลง “ตกลงมันยังไงกันแน่?”
โล่เฟยเอ๋อก็ไม่รู้ว่าจะพูดยังไงเรื่องเธอกับซูซีมู่ เลยได้แต่ตอบไปว่า : “มันก็…พูดยาก ไว้มีเวลาฉันค่อยบอกเธอละกัน”
หซิวหชูเฉียวได้ยินโล่เฟยเอ๋อพูดมาแบบนี้ ก็ไม่ได้ดึงดันถามต่ออีก เพียงแต่พูดว่า “ไม่รีบ รอเธอคิดดีแล้วเมื่อไหร่ค่อยบอกฉันก็ได้”
“อืม ได้