งานแต่งพี่สาว แต่…ฉันกลับเป็นเจ้าสาว! – ตอนที่ 295

ตอนที่ 295

บทที่ 295 โล่เฟยเอ๋อเรียนทำอาหาร

หลังจากออกมาจากห้องทำงานของโจวเฉิง โล่เฟยเอ๋อก็นั่งรถของคนขับรถกลับไปวิลล่าของซูซีมู่

หลังจากที่ตนเองตัดสินใจจะพาซูซีมู่กลับมา เธอก็ตัดสินใจยกเลิกที่จะย้ายออกจากวิลล่าแล้ว

พอโล่เฟยเอ๋อเข้าประตูมา คนรับใช้กำลังนั่งอยู่บนโซฟาห้องนั่งเล่น

เมื่อเห็นเธอกลับมา คนรับใช้ก็รีบลุกขึ้นมา แล้วช่วยเธอหยิบรองเท้าแตะ

“คุณนายน้อย คุณกลับมาแล้ว!”

โล่เฟยเอ๋อส่งเสียง‘อืม’คำหนึ่ง หลังจากนั้นเปลี่ยนรองเท้าไปด้วยแล้วพูดไปด้วย: “เพิ่งจะไปหาคุณโจวมา ดังนั้นเลยมาสายนิดหน่อย เธอรอนานแล้วสินะ?”

“ไม่ค่ะ ฉันเพิ่งจะเตรียมวัตถุดิบเสร็จ” คนรับใช้ส่ายหัว แล้วเดินไปที่ห้องครัว

“อ้อ อย่างนั้นก็ดี” โล่เฟยเอ๋อวางกระเป๋าในมือของเธอไว้ที่ห้องโถงและเดินตามคนรับใช้เข้าไปในห้องครัว

เมื่อเธอเข้าไป คนรับใช้ก็ผูกผ้ากันเปื้อนเรียบร้อยและถือผ้ากันเปื้อนไว้ในมือ

พอเห็นเธอเข้ามา คนรับใช้ก็รีบนำผ้ากันเปื้อนมาแล้วช่วยเธอผูกให้เรียบร้อย

โล่เฟยเอ๋อพับแขนเสื้อไปด้วยแล้วถามไปด้วย “วันนี้ทำเมนูอะไร?”

ที่แท้โล่เฟยเอ๋อเริ่มเรียนทำอาหารกับคนรับใช้เมื่อหนึ่งเดือนก่อน

เดิมทีโล่เฟยเอ๋อหั่นผักก็หั่นโดนมือ แยกน้ำมันเกลือซอสและน้ำส้มสายชูไม่ออก คนโง่เรื่องงานครัวผัดข้าวทีหนึ่งก็เหมือนเกิดหายนะในห้องครัว แต่ตอนนี้เธอสามารถผัดอาหารได้หลายอย่างแล้ว

ยกตัวอย่างเช่นผัดผัก ซุปไข่มะเขือเทศ ผัดบวบเห็ดหูหนูหมู เมื่อวานเธอยังเรียนผัดมะเขือใส่หมูอีกด้วย

คนรับใช้ตอบกลับ: “ผัดมะเขือใส่หมูเมื่อวานนั้น คุณนายน้อยทำได้ไม่เลว อย่างนั้นวันนี้พวกเราทำหมูเส้นผัดเปรี้ยวหวาน”

หมูเส้นผัดเปรี้ยวหวานเป็นหนึ่งในอาหารที่ซูซีมู่ชอบ โล่เฟยเอ๋อจึงพยักหน้าอย่างพอใจ “อืม ดีค่ะ”

หลังจากนั้นโล่เฟยเอ๋อก็เริ่มหั่นวัตถุดิบซึ่งเป็นหนึ่งในส่วนที่สำคัญที่สุดของหมูเส้นผัดเปรี้ยวหวาน

การหั่นเป็นงานที่ต้องใช้ความชำนาญโดยเฉพาะอย่างยิ่งคือทักษะการใช้มีด

หลังจากหั่นวัตถุดิบเสียเป็นจำนวนมาก ในที่สุดโล่เฟยเอ๋อก็หั่นวัตถุดิบทั้งหมดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

ต่อมา โล่เฟยเอ๋อก็เริ่มปรุงส่วนผสมภายใต้การชี้แนะของคนรับใช้

ในตอนแรกยังไม่ค่อยชำนาญเรื่องไฟจึงทำได้ไม่ดีนัก แต่หลังจากผ่านไปไม่กี่จาน ในที่สุดหมูเส้นผัดเปรี้ยวหวานของโล่เฟยเอ๋อก็ออกจากเตา

“คุณนายน้อย หมูเส้นผัดเปรี้ยวหวานในวันนี้สำเร็จแล้ว” คนรับใช้ยิ้มกริ่มแล้วเอ่ยชื่นชมโล่เฟยเอ๋อ

ใบหน้าเล็กๆ ของโล่เฟยเอ๋อมีรอยยิ้มของความยินดีปรากฏ “จริงเหรอ?”

“อืม ไม่เลวจริงๆ ค่ะ คุณลองชิมดูได้” คนรับใช้ตอบอย่างมั่นใจมาก

โล่เฟยเอ๋อกระพริบตา หลังจากนั้นหยิบตะเกียบขึ้นมา แล้วใช้ตะเกียบคีบหมูเส้นผัดเปรี้ยวหวานเข้าปาก

จะบอกว่ารสชาติเป็นอย่างไรดีล่ะ? ยังเทียบที่ซูซีมู่ทำไม่ได้ บอกได้แค่ไม่เลว

ในความเป็นจริงโล่เฟยเอ๋อไม่ได้คาดหวังในฝีมือของตัวเองมากนัก แต่ก็ไม่เคยคิดว่าอาหารที่ตัวเองทำจะเทียบได้กับซูซีมู่ได้ เพียงแต่หวังว่า หลังจากที่รอให้ซูซีมู่กลับมา เธอจะทำอาหารที่สามารถเสิร์ฟบนโต๊ะให้เขาทานได้

ภารกิจในวันนี้ก็ได้เสร็จสิ้นลง โล่เฟยเอ๋อจึงอารมณ์ดีมาก

เธอขอให้คนรับใช้จัดข้าวให้เธอหนึ่งชาม จากนั้นก็กินหมูเส้นผัดเปรี้ยวหวานของตัวเองแล้วแก้ไขอาหารเย็นของตัวเอง

หลังจากอาหารค่ำจบลง โล่เฟยเอ๋อก็หยิบกระเป๋าของตัวเองขึ้นไปชั้นบน

เธอไม่ได้กลับไปที่ห้องนอนหลัก แต่เข้าไปในห้องข้างๆ ห้องของซูซีมู่

ใช่ ตอนนี้เธอพักอยู่ในห้องของซูซีมู่

โล่เฟยเอ๋อหยิบเสื้อผ้าที่ตัวเองวางไว้ในตู้เสื้อผ้านี้ออกมา แล้วเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำ จากนั้นก็นอนบนเตียงของซูซีมู่

ภายในห้องเงียบเกินไป มีเพียงเสียงลมหายใจของโล่เฟยเอ๋อ

เธอนอนขดตัวฝังใบหน้าของเธอลงบนผ้าปูที่นอนส่งกลิ่นหอมของซูซีมู่และกระซิบเบาๆ ว่า: “ซูซีมู่”

ภายในห้องเงียบสงบไม่มีการตอบสนองเหมือนเช่นเคย

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกแล้วก็ไม่ใช่ครั้งสุดท้าย

น้ำตาของโล่เฟยเอ๋อไหลออกมาจากหางตา แต่มุมปากของเธอกลับยิ้มเล็กน้อย

ถึงแม้หนึ่งเดือนมานี้ ซูซีมู่จะไม่ได้ส่งข้อความหาเธอเลยสักนิด

แต่เธอก็ยังคงไม่ยอมแพ้ที่จะตามหาเขา

ที่คุณครูไค่ตี้แนะนำให้เธอไปฝรั่งเศสเพื่อเข้าร่วมการแข่งขันออกแบบเครื่องประดับระดับโลกในครั้งนี้ ถ้าหากไม่ใช่เพราะเธอรู้สึกว่านี่เป็นโอกาสที่จะได้พบซูซีมู่ เธอก็คงไม่มีทางเห็นด้วย

“ซูซีมู่ คุณจะอยู่ที่ฝรั่งเศสหรือเปล่า?”

“ซูซีมู่ คุณต้องไปฝรั่งเศสนะ…”

เนื่องจากเขารับปากโล่เฟยเอ๋อไว้แล้ว ดังนั้นในเย็นวันนั้น เมื่อโจวเฉิงส่งอีเมล์ไปยังรายงานการทำงานใช้ซูซีมู่ เขาจึงส่งเรื่องที่โล่เฟยเอ๋อจะไปเข้าร่วมการแข่งขันเครื่องประดับระดับโลกที่ฝรั่งเศสลงไปในรายงานการทำงานด้วยแล้วส่งให้ซูซีมู่

เขารู้ดีว่าประธานซูของเขาให้ความสำคัญกับภรรยาของเขามาก ตราบใดที่เห็นข่าวนี้ ก็จะต้องไปงานแข่งขันออกแบบเครื่องประดับระดับโลกอย่างแน่นอน

ที่แท้ซูซีมู่ติดต่อโจวเฉิงทุกวันวันละหนึ่งครั้ง เพื่อให้เขารายงานเรื่องบริษัท

แต่หลังจากที่โจวเฉิงบอกเขาว่าโล่เฟยเอ๋อต้องการตามหาเขา ซูซีมู่ก็ไม่ได้ติดต่อโจวเฉิงอีกแล้ว

เนื่องจากซูซีมู่เป็นผู้ติดต่อเพียงฝ่ายเดียว โจวเฉิงจึงไม่หาซูซีมู่ไม่พบ สุดท้ายเขาไม่มีทางเลือกอื่น จึงได้ส่งรายงานงานไปยังอีเมล์ของซูซีมู่ เนื่องจากซูซีมู่ไม่เคยตอบกลับอีเมล์ของเขา เขาจึงไม่รู้ว่าซูซีมู่ได้อ่านรายงานการทำงานเหล่านั้นหรือไม่

“หวังว่าประธานซูคงจะเห็นนะ…”

ไม่พูดไม่ได้ว่า การติดต่อแบบนี้ของโจวเฉิงถูกต้องจริงๆ เพราะจริงๆ แล้วซูซีมู่อ่านรายงานการทำงานที่ส่งเข้ามาตลอด

และวันนี้เมื่อเขาเห็นอีเมล์ที่โจวเฉิงส่งมา เกี่ยวกับข่าวที่โล่เฟยเอ๋อจะไปฝรั่งเศสเพื่อเข้าร่วมการแข่งขันออกแบบเครื่องประดับระดับโลก เขาก็ไม่อาจละสายตากลับมาได้เป็นเวลานาน

แน่นอนว่าเขารู้เรื่องการแข่งขันออกแบบเครื่องประดับระดับโลกเพราะเขาเป็นคนขอให้โจวเฉิงจัดการให้โล่เฟยเอ๋อเอง

แต่อย่างไรก็ตาม ในตอนแรกเขาคิดว่าโล่เฟยเอ๋อจะปฏิเสธคำแนะนำของคุณครูไค่ตี้ แต่คาดไม่ถึงว่าเธอจะตอบตกลงแล้ว

เพียงแต่ เธอตอบตกลงแล้ว ก็ไม่เกี่ยวกับเขา

ปลายนิ้วของซูซีมู่หยุดไปสักพัก ก่อนจะกดลบอีเมล์นั้น…

เนื่องจากปฏิเสธเรื่องที่โจวเฉิงจัดให้เธอไปฝรั่งเศสแล้ว ดังนั้นเช้าวันรุ่งขึ้น โล่เฟยเอ๋อจึงหยิบโทรศัพท์มือถือแล้วเริ่มจองตั๋วเครื่องบินและโรงแรม

เธอจองเที่ยวบินจากเมือง A ไปยังสวิตเซอร์แลนด์ เพราะต้องการไปเยี่ยมคุณท่านที่กำลังพักฟื้นอยู่ที่สวิตเซอร์แลนด์ก่อนจะเข้าร่วมการแข่งขันออกแบบเครื่องประดับระดับโลก หลังจากนั้นค่อยเปลี่ยนเครื่องจากสวิตเซอร์แลนด์ไปฝรั่งเศส

หลังจากที่จองตั๋วและโรแรมเสร็จเรียบร้อยแล้ว โล่เฟยเอ๋อก็ให้คนขับรถมาส่งเธอที่ห้างสรรพสินค้า

จะไปเยี่ยมคุณท่านที่สวิตเซอร์แลนด์ เธอจำเป็นต้องมีของไปด้วย

หลังจากใช้เวลาไปครึ่งวัน ก็ได้ของครอบ ในตอนที่เธอถือของแล้วเตรียมที่จะออกจากห้างสรรพสินค้านั้น เธอก็ได้รับสายจากคุณพ่อ

หลังจากที่ผ่านการรักษาในเดือนมานี้ ถึงแม้โล่ชิงไป๋จะยังคงมีอาการอัมพาตครึ่งซีก แต่เขาก็ฟื้นฟูและกลับมาพูดได้อีกครั้ง

แต่อย่างไรก็ตามเดือนนี้ โล่เฟยเอ๋อก็ไม่เคยไปโรงพยาบาลเพื่อเยี่ยมดูเขา

ตั้งแต่โล่ชิงไป๋ฟื้นขึ้นมา เขาก็โทรหาเธอหลายครั้ง แต่น่าหัวเราะเยาะคือ ทุกครั้งก็มักจะถามถึงเห้อจิ้นเหยา

จากข้อมูลเกี่ยวกับเห้อจิ้นเหยาที่โจวเฉิงส่งให้เธอ ทำให้รู้ว่าโล่หยิวชิวเป็นลูกสาวของโล่ชิงไป๋กับเห้อจิ้นเหยาจริงๆ ไม่ใช่ลูกติด เธอเข้าใจแล้วว่าทำไมโล่ชิงไป๋ถึงรักโล่หยิวชิวจริงๆ

ในใจของเธอรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าว แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก

จนกระทั่งได้รู้จากปากของเห้อจิ้นเหยาว่าโล่ชิงไป๋รู้นานแล้วว่าหล่อนเป็นคนฆ่าแม่ของเธอ โล่เฟยเอ๋อจึงได้รู้สึกหัวใจด้านชาอย่างแท้จริง

รู้ทั้งรู้ว่าเห้อจิ้นเหยาฆ่าแม่ของเธอ แต่กลับไม่บอกเธอ ยังให้เธอไปดูเห้อจิ้นเหยาแทนเขาแล้วยังบอกเป็นนัยๆ ว่าให้เธอปล่อยเห้อจิ้นเหยาไป นี่ก็คือพ่อแท้ๆ ของเธอ

เธอจะปล่อยเห้อจิ้นเหยาไปได้อย่างไร? เห้อจิ้นเหยาไม่เพียงทำร้ายแม่แท้ๆ ของเธอ ยังทำร้ายลูกของเธอ ทำร้ายเธอกับซูซีมู่ให้ตอนนี้ต้องแยกจากกัน

สายตาของโล่เฟยเอ๋อจ้องมองหมายเลขในโทรศัพท์มือถือ ดวงตามีประกายเย็นชาแวบหนึ่ง จากนั้นกดปุ่มรับสาย

งานแต่งพี่สาว แต่…ฉันกลับเป็นเจ้าสาว!

งานแต่งพี่สาว แต่…ฉันกลับเป็นเจ้าสาว!

Status: Ongoing

โล่เฟยเอ๋อคิดไม่ถึง เธอมาเข้าร่วมงานแต่งงานของพี่สาว แต่สุดท้าย เธอกลายเป็นเจ้าสาวซะเอง หนี ต้องหนีไป ซูซีมู่เป็นคนที่ชอบควบคุมทุกสิ่งทุกอย่าง อยากสั่งให้เขาแต่งงานอย่างเชื่อฟัง ไม่มีทาง เมื่อโล่เฟยเอ๋อที่กำลังหนีงานแต่งงานมาพบกับซูซีมู่ที่กำลังหนีงานแต่งงานเหมือนกัน จะเกิดอะไรขึ้น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท