แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
บทที่123 ถามหาความผิดจากคุณท่าน
ทีแรกโจวเฉิงคิดว่าซูซีมู่ที่รู้ว่าแหวนวงนั้นเป็นการออกแบบของโล่เฟยเอ๋อ จะรีบเอาแหวนนั้นไปหาโล่เฟยเอ๋อ จากนั้นทั้งสองก็จะคืนดีกัน รักกันเหมือนตอนแรก
แต่กลับคิดไม่ถึงว่าซูซีมู่ขึ้นชั้นบนแล้ว จะไม่ลงมาชั้นล่างเลย
เมื่อรอซูซีมู่ออกมาจากประตูด้วยความลำบาก ทว่ากลับไม่ไปหาโล่เฟยเอ๋อ แต่ไปที่ทะเลสาบเย่วแทน
เอ่อ…….ไปยืนเหม่ออยู่ข้างริมทะเลสาบเย่วนั้นเอง
ในสมองโจวเฉิงรู้สึกมีอัลปาก้าหมื่นๆตัววิ่งเต็มไปหมด คริสมาสต์วันดีขนาดนี้ ไม่ไปตามคนรัก กลับมายืนเหม่อลอยอยู่ที่ทะเลสาบเย่ว ประธานซู คุณคิดอะไรอยู่กันแน่
ซูซีมู่มองดูคลื่นน้ำที่ถูกพระอาทิตย์สาดส่องตรงหน้าทะเลสาบด้วยความเหม่อลอย เหมือนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว และเหมือนกำลังจ้องมองอะไรสักอย่างอยู่
แสงไฟสลัวถนนในทะเลสาบได้สาดส่องมาบนหน้าเขา เหมือนคลุมด้วยหมอกอีกชั้น ช่างดูลึกลับและเศร้าไปด้วย
โจวเฉิงยืนข้างหลังเขาอย่างเงียบๆ อ้าปากอยากเอ่ยอะไร
แล้วหลายครั้ง แต่ก็ไม่พูดสักที
ผ่านมาเนิ่นนาน เขาเหมือนได้ตัดสินใจอะไรครั้งใหญ่ แล้วจึงพูด “ประธานซู……”
“อืม” ซูซีมูตอบเสียงแผ่วเบา แต่สายตาไม่เคยห่างจากหน้าทะเลสาบเย่วเลย
“สาเหตุที่คุณหนูโล่จากไป ผมน่าจะ……น่าจะรู้ครับ”โจวเฉิงเอ่ยอย่างอ้ำๆอึ้ง
“หมายความว่าไง”ซูซีมู่ที่มองทะเลสาบเย่วอยู่นั้นได้เปลี่ยนมามองร่างโจวเฉิงทันที น้ำเสียงเต็มไปด้วยความหนาวอย่างหนัก
โจวเฉิงรู้สึกเย็นวูบสั่นไปหมด จึงตอบอย่างเสียงสั่น ” ก่อนที่คุณหนูโล่จะลาออกไม่กี่วัน อาผินบอดี้การ์ดคนสนิทของคุณท่านมาหาผม แล้วสอบถามผมเกี่ยวกับเรื่องของคุณหนูโล่ ผม……”
โจวเฉิงเล่าเหตุการณ์ในตอนนั้นอย่างละเอียดให้ซูซีมู่ฟัง ซูซีมู่จ้องโจวเฉิงด้วยสายตาโกรธเคือง “แกทำไมไม่บอกฉันเร็วกว่านี้”
“ขอโทษครับ ประธานซู”โจวเฉิงก้มหน้าลง
ซูซีมู่ไม่พูดอะไร แต่ทั้งตัวเขานั้นเต็มไปด้วยความโกรธ จึงได้เดินออกจากทะเลสาบเย่วอย่างรวดเร็ว
โจวเฉิงตะลึงนิ่งไปครู่หนึ่ง ถึงได้วิ่งตามไป
ซูซีมู่เดินออกจากทะเลสาบเย่ว เดินข้ามลานกว้างหวั้นด๋า มาขวางรถแท็กซี่คันหนึ่งข้างทางให้จอดอย่างรวดเร็ว
หลังรถแท็กซี่จอด ซูซีมู่ไม่ได้ไปนั่งที่เบาะหลัง แต่กลับลากคนขับจากที่นั่งมาอยู่หลัง แล้วตัวเขาไปนั่งขับแทน
โจวเฉิงตามออกมา ได้เห็นฉากที่ซูซีมู่ขึ้นรถทำพอดี
เขามองไปรอบๆ กลับไม่เห็นรถแท็กซี่ จึงรีบกลับไปลานจอดรถของลานกว้างหวั้นด๋า แล้วขับรถตัวเองตามซูซีมู่ไป
ซูซีมู่ขับรถแท็กซี่ ด้วยความเร่งรีบตลอดทาง จากในเมืองถึงชานเมืองคฤหาสน์บ้านซูต้องใช้เวลาประมาณชั่วโมงกว่าในการเดินทาง แต่เขาใช่เพียงประมาณครึ่งชั่วโมงเท่านั้น
ต่อมาก็ได้ยินเสียงเบรกที่แสบแก้วหู เพราะซูซีมู่ได้จอดรถหน้าคฤหาสน์บ้านซูอย่างไม่เป็นทิศเป็นทาง
บอดี้การ์ดที่เฝ้าหน้าคฤหาสน์บ้านซูได้เห็นรถแท็กซี่ที่ขับมาด้วยความเร่งรีบ ในใจก็แอบต่อว่าที่แท็กซี่ขับด้วยความบ้าคลั่ง ดูกล้าไม่เกรงกล้าอะไร แต่แล้วก็เห็นเป็นคุณชายพวกเขาเองที่เปิดประตูลงจากรถแท็กซี่คันนั้น
รถแท็กซี่นี้คุณชายขับมาเหรอ ไม่ใช่ คุณชายพวกเขาจะขับแท็กซี่ได้ไง แล้วไอ้รถเบนซ์สุดหรูคันนั้นของเขาไปไหนแล้วล่ะ
“คุณชาย คุณกลับมาแล้วหรือครับ”
ซูซีมู่ไม่ตอบที่ถาม กลับพูดมาประโยคหนึ่ง”จ่ายค่ารถด้วย” แล้วเดินข้างในบ้านอย่างรวดเร็ว
จ่ายค่ารถเหรอ บอดี้การ์ดยังไม่เข้าใจ ก็เห็นประตูหลังของรถเปิดออกมา ด้วยผู้ชายสีหน้าไม่ดีมากนัก
ผู้ชายคนนั้นพอเท้าแตะถนนก็ด่ายับขึ้นมาทันที
นี้คงไม่ใช่เจ้าของรถแท็กซี่ตัวจริงมั้ง
ยังไม่ทันได้ไปพิสูจน์ เสียงเบรกรถก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง
ครั้งนี้ที่มานั้นไม่ใช่รถแท็กซี่ แต่เป็นรถเบนซ์สุดหรูของคุณชายบ้านเขาเอง
โจวเฉิงลงจากรถเบนซ์ยังรีบร้อน ” ประธานซูล่ะ”
“คุณชายเข้าไปแล้วครับ”บอดี้การ์ดตอบ
เมื่อโจวเฉิงได้ยินว่าซูซีมู่เข้าไปแล้ว ก็ไม่เอ่ยอะไรกับบอดี้การ์ดอีก จึงรีบวิ่งเข้าไปในลานบ้านอย่างรวดเร็ว
หลังซูซีมู่เข้ามาในลานบ้านแล้ว ก็ไม่สนคำทักทายของคนใช้ในลานบ้านที่เอ่ยกับเขาเลย ได้แต่เดินตรงไปในลานบ้านที่คุณท่านพักผ่อนอยู่
เมื่อเดินเข้าลานบ้านแล้ว ก็ได้พบกับแม่บ้านซูพอดี ซูซีมู่จึงเอ่ยถาม “คุณท่านล่ะ”
“คุณท่านอยู่ห้องดอกไม้……”แม่บ้านยังพูดไม่จบ ซูซีมู่ก็หันหลัง เดินไปทางห้องดอกไม้เลย
เมื่อถึงห้องดอกไม้ ซูซีมู่ยังทันเคาะได้ประตู เท้าก็ยกขึ้น มาถีบประตูห้องดอกไม้ทันที
เมื่อถีบประตูออก แล้วเกิดเสียงดังขึ้น ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่ทุกคนในบ้านจะแตกตื่น
“อาผินไปดูสิว่ามีเรื่องอะไร….”คุณท่านยังไม่ทันพูดเสร็จ ก็เจอสีหน้าเย็นชาของซูซีมู่พุ่งมาจากข้างนอก
“วันนี้ทำไมกลับมาล่ะ”คุณท่านถามด้วยสงสัยเล็กน้อย
ซูซีมู่ไม่ตอบคำถามคุณท่าน แต่กลับถามขึ้นทันที ” คุณปู่ไปหาโล่เฟยเอ๋อมาใช่ไหม”
คุณท่านอึ้งไปสักครู่ จากนั้นจึงพยักหน้า “ใช่ ฉันไปหาเธอมา”
“คุณปู่ไปหาเธอทำไม”ซูซีมู่ใช้สายตาคมกริบจ้องมองคุณท่าน
เมื่อได้รับการจ้องเขม็งจากหลานชายแล้ว คุณท่านก็เกิดความรู้สึกกังวลกลัวขึ้นมาแปลกๆ ต่อมาก็นึกได้ว่าซูซีมู่คือหลานชายของเขา เขาต้องไม่กลัวมันสิ จึงยืดอกแล้วพูดออกไปว่า “ฉันหาเธอ แล้วให้เช็คเปล่าใบหนึ่งกับเธอ ให้เธออยู่ห่างๆจากแก”
คุณปู่ใช่เช็คบีบบังคับเธอให้จากไป……
ซูซีมู่โกรธจนหัวจะไหม้แล้ว เขากำหมัดจนแน่น เพื่อเก็บอารมณ์ไม่ระเบิดออกมาได้
คุณท่านเห็นสีหน้าซูซีมู่แปลกไป จึงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน”เกิดเรื่องอะไรขึ้นล่ะ”
“คุณหนูโล่ไปแล้วครับ……” โจวเฉิงหายใจหอบจับกรอบประตูไว้ แล้วแอบโล่งในใจเบาๆ ยังดีที่ซูซีมู่ไม่โมโหร้ายใส่คุณท่าน
“อะไรนะ”คุณท่านยังตอบสนองไม่ทันกับความหมายของคำพูดโจวเฉิง
โจวเฉิงแอบมองซูซีมู่ที่ยืนน่ากลัวอยู่ตรงนั้น แล้วจึงตอบ “หลังจากวันที่สองที่คุณท่านให้เช็คกับคุณหนูโล่ คุณหนูโล่ก็ลาออกจากงาน แล้วปิดเครื่อง ย้ายบ้านออกไปครับ”
“เป็นแบบนี้ไปได้ไง”คุณท่านตกตะลึงเล็กน้อย แล้วถามอย่างความไม่เข้าใจ ” ฉันแค่ให้เช็คเปล่าใบหนึ่งกับเธอ ตอนนั้นเธอไม่ขอรับไว้ แต่เธอบอกว่าอะไรมันจบไปตั้งนานแล้ว ให้ฉันไม่ต้องกังวลอะไรทั้งนั้น…..ทำไมเธอถึงจากไปแล้วล่ะ”
จบไปตั้งนานแล้ว……ซูซีมู่สั่นสะเทือนทั้งตัว
หลังจากผ่านไปสักพัก จู่ๆซูซีมู่ก็หัวเราะขึ้นมา
ใช่สิ นั่นแค่เช็คเปล่าหนึ่งใบเท่านั้น เขาคิดได้ไงว่าโล่เฟยเอ๋อจากไปเพราะเหตุนี้
สาเหตุที่แท้จริง คือตัวเขาเอง
เหมือนที่เธอพูด จบไปตั้งนานแล้ว……
เมื่อกี้ซูซีมู่ยังโมโหขนาดนี้ ทำไมตอนนี้ถึงมาหัวเราะ คุณท่านรู้สึกกับตกใจกับสิ่งที่เห็นเป็นอย่างมาก
“ซีมู่เป็นไรไป”
ซูซีมู่ไม่พูดอะไร ได้แต่หันหลังออกจากห้องดอกไม้
โจวเฉิงโค้งเคารพคุณท่านอย่างรีบร้อน แล้วรีบวิ่งตามซูซีมู่ไป
คุณท่านจ้องมองหลังซูซีมู่ที่จากไป แล้วรู้สึกไปเป็นกังวลอย่างมาก
อาผินถามอย่างแผ่วเบา “คุณท่าน ให้ผมไปเช็กดูไหมครับ ว่าคุณชายเป็นอะไร”
“ไม่ต้อง ให้เขาไปจัดการเอาเอง” คุณท่านถอนหายใจ แล้วเดินออกจากห้องดอกไม้ไปอย่างช้าๆ
เขาไม่คิดว่าเรื่องมันจะเป็นแบบนี้ ถ้ารู้ตั้งแต่แรก เขาจะไม่คิดทดสอบอะไรเลย แต่ตอนนี้…