บทที่ 315 ชีวิตหลังจากกลับจีน
หลังจากที่ซูซีมู่ออกจากห้อง ก็เดินลงบันไดไป
นั่งเงียบๆ บนโซฟาสักพัก ความคิดทุกอย่างฉายขึ้นในหัวของเขา ในที่สุดก็สงบลงด้วยการถอนหายใจ
ไม่ว่าเฟยเอ๋อจะคิดอย่างไร เขาสัญญาแล้วว่าจะเริ่มต้นใหม่กับเธอและจะพยายามทำให้ดีที่สุด
พอจัดการอารมณ์ได้แล้ว ซูซีมู่ก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วโทรหาโจวเฉิง
เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นตามด้วยเสียงกังวลใจของโจวเฉิง: “ประธานซู?”
ซูซีมู่ไม่พูดอ้อมค้อม แล้วพูดเข้าเรื่อง “พรุ่งนี้นายเอากระเป๋าของโล่เฟยเอ๋อกลับมา”
“ครับ ประธานซู” มีความยินดีอยู่ในน้ำเสียงของโจวเฉิง
ซูซีมู่ตอบ‘อืม’คำหนึ่ง ดูเหมือนเขาจะนึกอะไรขึ้นได้แล้วเอ่ย:“ก่อนกลับ นายไปที่บริษัทเวินซา กรุ้ป ตามหาส้ายหลินน่าผู้จัดการของพวกเขา หลังจากนั้นพาเธอมาที่จีน”
“ครับ ประธานซู”
ซูซีมู่ไม่ได้พูดอะไรอีก แล้ววางสายไปและโทรศัพท์หาส้ายหลินน่า บอกเธอเกี่ยวกับเรื่องที่โจวเฉิงจะไปรับเธอ
หลังจากโทรศัพท์เสร็จ ซูซีมู่ก็นั่งบนโซฟาสักพัก ก่อนจะลุกขึ้นกลับห้อง
บนเตียงโล่เฟยเอ๋อไม่ได้นอนที่ตำแหน่งเดิม แต่กลับพลิกตัวไปนอนที่เขานอนก่อนหน้านี้ ดวงตาของเปล่งประกายระยิบระยับสองครั้ง จากนั้นก็เปิดผ้าห่มและนอนในตำแหน่งเดิมของโล่เฟยเอ๋อ
ตั้งแต่วันรุ่งขึ้นเป็นต้นไป ซูซีมู่ก็กลับไปทำงานที่บริษัทแล้ว และเนื่องจากก่อนหน้านี้เขาทิ้งงานมากเกินไป เขาจึงต้องออกแต่เช้าและกลับดึก
ถึงแม้ว่าโล่เฟยเอ๋อจะผิดหวังมากที่ไม่มีเวลาอยู่กับซูซีมู่ แต่เธอก็เข้าใจถึงความรับผิดชอบของซูซีมู่
เธออยู่ที่บ้านคนเดียวไม่มีอะไรทำ จึงเตรียมกลับไปทำงานที่บริษัทดี้ก้วน
“คุณนาย เรื่องที่คุณมาทำงานได้ปรึกษากับประธานซูแล้วใช่ไหม?” เย่รู่ไป๋จ้องมองแขกที่ไม่ได้รับเชิญในห้องทำงานของตนเองและรู้สึกปวดหัวเล็กน้อย
เมื่อก่อนเขาไม่รู้ถึงสถานะของโล่เฟยเอ๋อ ดังนั้นจึงให้โล่เฟยเอ๋อเป็นนักออกแบบเล็กๆ ใต้การบังคับบัญชาของเขา แต่ตอนนี้เขารู้แน่ชัดแล้วว่าโล่เฟยเอ๋อเป็นภรรยาของท่านประธาน เขายังจะวางใจให้โล่เฟยเอ๋อเป็นนักออกแบบเล็กๆ ต่อไปได้อย่างไร?
ยิ่งไปกว่านั้น โล่เฟยเอ๋อยังเป็นลูกศิษย์เพียงคนเดียวของปรมาจารย์นักออกแบบเครื่องประดับที่มีพรสวรรค์ชาวฝรั่งเศสอย่างไค่ตี้ เฟยลี่ผู่อีกด้วย
“ไม่ต้องปรึกษาเขาหรอก ฉันตัดสินใจเองได้” ข้อนี้โล่เฟยเอ๋อมั่นใจว่าซูซีมู่จะต้องตามใจเธอ
“เอ่อ…” พอได้ยินโล่เฟยเอ๋อพูดอย่างมั่นใจแบบนี้ เย่รู่ไป๋ก็แปลกใจไปชั่วขณะ
จากนั้นก็นึกถึงฉากที่เขาเจอซูซีมู่ขับรถไปส่งโล่เฟยเอ๋อทำงานด้วยตนเองและรู้สึกว่าความประหลาดใจของเขานั้นมาเกินความจำเป็น เพียงแต่ เขาก็ยังรู้สึกว่าไม่เหมาะสมที่จะปล่อยให้โล่เฟยเอ๋อกลับไปที่ห้องทำงานเดิม
“อย่างนั้นคุณนาย คุณเป็นลูกศิษย์ของไค่ตี้ เฟยลี่ผู่! ไม่เหมาะที่จะกลับไปเป็นนักศึกษาออกแบบของกลุ่มAนะ!”
พอได้ยินสิ่งที่เย่รู่ไป๋พูด โล่เฟยเอ๋อก็คิดว่ามันไม่เหมาะสมจริงๆ สีหน้าก็เคร่งขรึมลง
เย่รู่ไป๋เห็นสีหน้าของโล่เฟยเอ๋อผิดปกติ จึงรีบเอ่ย: “คุณนาย ผมมีตำแหน่งว่าง ไม่อย่างนั้นคุณไปที่นั่นก่อนไหม?”
“ตำแหน่งว่างอะไร?” โล่เฟยเอ๋อเลิกคิ้ว
เย่รู่ไป๋ตอบ “รองหัวหน้าแผนกออกแบบ”
“รองหัวหน้า?” โล่เฟยเอ๋อนิ่งไปสักพัก หลังจากนั้นส่ายหน้า “ไม่ล่ะ ฉันสนใจแค่งานวาดออกแบบภาพ ไม่สนใจนั่งดูเอกสารอยู่ที่สำนักงานเหมือนคุณ แถมฉันยังเกลียดเข้าไปเป็นผู้อำนวยการอย่างปุบปับโดยไม่ทันตั้งตัว”
คนอื่นอยากมีโอกาสแจ็คพอตแตกเข้าไปเป็นผู้อำนวยการในชั่วค่ำคืนจะตาย คุณกลับเกลียดสะงั้น คนที่ชอบเปรียบเทียบกับใครต่อใคร ช่างน่าโมโหจริงๆ เลย!แจ็คพอต
ยังมีตำแหน่งหัวหน้านั่งออกแบบอย่างเขา ที่ไม่ต้องนั่งดูเอกสารในสำนักงาน
เย่รู่ไป๋อยากร้องไห้แล้ว “คุณนาย หรือว่าคุณนั่งตำแหน่งผม?”
โล่เฟยเอ๋อเปิดเปลือกตามองเย่รู่ไป๋แวบหนึ่ง สายตาเต็มไปด้วยความดูถูก
หัวหน้าแผนกออกแบบท่น่าเกรงขามอย่างเขาโดนดุถูกแล้ว เอาเถอะ เธอเป็นภรรยาของท่าประธาน ดูถูกเขาก็สมควรแล้ว
เย่รู่ไป๋ถอนหายใจอยู่ในใจ หลังจากนั้นถาม “คุณนาย คุณมีลายเซ็นนักออกแบบแล้วใช่ไหม?”
“ลายเซ็นนักออกแบบ?” โล่เฟยเอ๋องุนงงแล้ว
เย่รู่ไป๋เสียงดังแปดหลอด “คุณเข้าร่วมการแข่งขันออกแบบเครื่องประดับระดับโลกแล้ว แต่ไม่มีลายเซ็นนักออกแบบ?”
หลังจากที่เย่รู่ไป๋เอ่ยเตือน โล่เฟยเอ๋อก็เพิ่งจะเข้าใจว่ามันคืออะไร “อ้อ…ดูเหมือนว่าคุณครูไค่ตี้จะช่วยฉันทำ”
นึกไม่ถึงเลยว่าจะได้ยินโล่เฟยเอ๋อใช้คำว่า‘ดูเหมือน’คำนี้ เย่รู่ไป๋มุมปากกระตุกแล้ว หลังจากนั้นเอ่ย: “อย่างนั้นผมจะให้ผู้อำนวยฝ่ายครีเอทีฟมารับคุณ”
ผู้อำนวยฝ่ายครีเอทีฟเพิ่งบ่นเมื่อไม่กี่วันก่อนว่ามีนักออกแบบจำนวนมากเกินไปที่ไม่สามารถดูแลได้และเหมาะที่จะให้คุณนายไปดูแลบางส่วนพอดี เย่รู่ไป๋ดีดลูกคิดอยู่ในใจ
“ให้เขามารับฉันทำไม?” โล่เฟยเอ๋อขมวดคิ้วขึ้นมา
เธอพอใจที่จะเป็นนักออกแบบภายใต้การดูแลของผู้อำนวยฝ่ายครีเอทีฟ เพราะเธอรู้ดีว่านักศึกษาที่เรียนกับเธอในคลาสฝึกอบรมพิเศษเหล่านั้นมาจากที่นั่น แต่ทำไมเย่รู่ไป๋ถึงต้องให้ผู้อำนวยการมารับเธอ?
“คุณนาย คุณไปเป็นรองผู้อำนวยการ เธอจะต้องมารับคุณแน่นอน” เย่รู่ไป๋ตอบอย่างมีเหตุผล
โล่เฟยเอ๋อส่ายหน้า “ไม่เอา ฉันเป็นนักออกแบบเล็กๆ ก็พอ”
เย่รู่ไป๋ไม่รู้จะพูดอย่างไรแล้ว “คุณนาย แบบนี้ไม่ดี”
“แบบนี้แหละ ฉันเป็นนักออกแบบเล็กๆ ” โล่เฟยเอ๋อไม่สนใจคำคัดค้านของเย่รู่ไป๋และตัดสินใจโดยตรง
โล่เฟยเอ๋อพูดแบบนี้แล้ว เย่รู่ไป๋ยังจะทำอะไรได้? ทำได้แค่เชื่อฟัง
“ผมจะโทรหาโทรหาผู้อำนวยฝ่ายครีเอทีฟและขอให้เขาจัดการ”
โล่เฟยเอ๋อขมวดคิ้วและถาม “คุณจัดการเองไม่ได้เหรอ? ฉันไม่อยากให้มีคนอื่นรู้เรื่องฉัน”
เย่รู่ไป๋รู้สึกพ่ายแพ้โดยสิ้นเชิง เขาลูบหว่างคิ้วและพูดว่า “คาริน่ารู้ฐานะของคุณแล้ว ผมข้ามผู้อำนวยฝ่ายครีเอทีฟไปเลย แล้วให้เธอพาคุณไป แบบนี้ได้ไหม?
คาริน่าสอนเธอมานานหลายคาบขนาดนั้น โล่เฟยเอ๋อมีความประทับใจที่ดีต่อคาริน่า แต่กลับคิดไม่ถึงว่าคาริน่าจะรู้ฐานะของเธอแล้ว ถึงแม้ว่าจะเกินคาด แต่โล่เฟยเอ๋อก็เห็นด้วย “ได้”
เมื่อได้รับความยินยอมจากโล่เฟยเอ๋อ เย่รู่ไป๋ก็รีบโทรศัพท์หาคาริน่า
หลังจากที่วางสาย เย่รู่ไป๋ก็บอกกับโล่เฟยเอ๋อว่า: “คุณนาย คาริน่ารอคุณอยู่ที่ชั้นสิบ หลังจากนี้คุณอยู่ภายใต้การดูแลของเธอแล้ว ถ้าคุณมีเรื่องอะไรก็สามารถไปหาเธอได้”
“อืม ขอบคุณหัวหน้าเย่” โล่เฟยเอ๋อพยักหน้า แล้วลุกขึ้นออกจากห้องทำงานของเย่รู่ไป๋ไป
หลังจากส่งเทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่อย่างโล่เฟยเอ๋อไปแล้ว เย่รู่ไป๋ก็โทรหาโจวเฉิงทันที “ผู้ช่วยพิเศษโจว คุณนายกลับมาทำงานแล้วกลายเป็นนักออกแบบเล็กๆ ในผู้อำนวยฝ่ายครีเอทีฟ”
“อืม รู้แล้ว” โจวเฉิงไม่แปลกใจเลยสักนิด แล้วตอบอย่างราบเรียบ
พอเห็นว่าตอนนี้โจวเฉิงสงบนิ่ง เย่รู่ไป๋จึงถามอย่างแปลกใจ “ประธานซูจะไม่มีความเห็นอะไรเหรอ?”
“เรื่องที่คุณนายตัดสินใจดีแล้ว แต่ไหนแต่ไรมาประธานซูไม่เคยมีความคิดเห็นอะไร”
ความหมายก็คือ ประธานซูเชื่อฟังภรรยาเท่านั้น? ในใจของเย่รู่ไป๋รู้สึกไม่รู้จะทำอย่างไรเลยจริงๆ จะโทรหาผู้ช่วยพิเศษโจวทำไมกันนะ?
“ผมทราบแล้ว”
โจวเฉิงตอบ‘อืม’คำหนึ่ง หลังจากนั้นเอ่ย: “คุณไม่ต้องยุ่งเรื่องของคุณนาย ใส่ใจแค่เพียงไม่ให้คุณนายเกิดเรื่องที่บริษัทก็พอ”
พอได้ยินคำพูดของโจวเฉิง เย่รู่ไป๋ก็ได้รับการสอนแล้ว
“ผมจัดการให้คุณนายอยู่ภายใต้การดูแลของคาริน่า ไม่น่าจะมีปัญหา”
“ตามนั้นแหละ