บทที่ 313 เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง
ซูซีมู่กลัวว่าจะตามโล่เฟยเอ๋อไม่ทัน พอวิ่งออกมาจากห้อง จึงไม่ได้รอลิฟต์แล้วเดินตรงไปที่บันได
ความเร็วของเขาเร็วมาก บันไดสิบชั้นใช้เวลาไม่ถึงสองนาที
พอวิ่งออกจากโรงแรม ซูซีมู่ก็หยุดก้าวเดินด้วยความตื่นตระหนกเมื่อไม่เห็นร่างของโล่เฟยเอ๋อ
มองไปรอบๆ หนึ่งครั้งและกำลังจะเรียกรถแท็กซี่เพื่อไปที่สนามบิน ทันใดนั้นก็เหลือบไปเห็นโล่เฟยเอ๋อที่นั่งยองๆ ก้มหน้าอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ที่ปากทาง
ไหล่ของเธอกำลังสั่นระริก เขาไม่ต้องเข้าไปก็รู้ได้เลยว่าเธอกำลังร้องไห้
หัวใจของซูซีมู่กำลังปวดร้าว เขาไม่คิดอะไรทั้งนั้นแล้วพุ่งเข้าไปหาโล่เฟยเอ๋อ
ดูเหมือนโล่เฟยเอ๋อจะสังเกตเห็นอะไรบางอย่างจึงหันหน้าไป ทันทีที่เห็นซูซีมู่ ความรู้สึกที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมทุกอย่างก็ถาโถมเข้ามาในหัวใจ จากนั้นก็ร้องไห้ไปด้วยแล้วด่าไปด้วย “นายตามมาทำไม? หรือถ้าไม่ได้พาฉันไปส่งที่สนามบิน ก็คงไม่วางใจสินะ?”
เสียงร้องไห้ของโล่เฟยเอ๋อค่อนข้างดัง ดึงดูดให้ผู้คนจำนวนมากหันไปมอง โล่เฟยเอ๋อไม่สนใจเลยสักนิด เธอแค่ต้องการด่าทอถึงความไม่ได้รับความเป็นธรรมของตนเองออกมา
“ซูซีมู่ นายนี่เลวจริงๆ ฉันไล่นายมาตลอดตั้งแต่ฝรั่งเศสจนถึงสวิตเซอร์แลนด์ ถึงแม้ว่านายจะพูดไม่ดีกับฉัน ฉันก็ไม่สน ยังไล่หน้าด้านหน้าทนไล่ตามนายมาโดยตลอด ทั้งยั่วยวนขึ้นเตียงนายอย่างไร้ยางอาย ผลปรากฏว่านายให้ฉันกินยาคุมและยังไล่ให้ฉันรีบไป”
แม้ว่าจะบอกว่าที่นี่คือสวิตเซอร์แลนด์ ไม่มีใครสามารถเข้าใจภาษาจีนได้ แต่ในการพูดว่า‘ยั่วยวนขึ้นเตียงนายอย่างไร้ยางอาย’ในที่สาธารณะกับจำนวนมากขนาดนี้ ดูเหมือนจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แค่กแค่ก…พูดนอกเรื่องแล้ว
ซูซีมู่หน้าแดงเล็กน้อยและเอ่ยว่า “เฟยเอ๋อ ไม่ต้องพูดแล้ว”
พอได้ยินว่าซูซีมู่บอกให้เธอไม่ต้องพูดแล้ว โล่เฟยเอ๋อก็ยิ่งโกรธ “ทำไมฉันจะพูดไม่ได้? อย่างไรเสียคนที่ฉันชอบก็ไม่ต้องการฉันแล้ว ฉันไม่สนใจแล้ว…”
ซูซีมู่ไม่ได้ยินคำพูดหลังจากนี้แล้ว ความสนใจทั้งหมดของเขาอยู่ที่ประโยคนั้นของโล่เฟยเอ๋อ ‘อย่างไรเสียคนที่ฉันชอบก็ไม่ต้องการฉันแล้ว’
“คนที่ฉันชอบ” จากปากของเธอหมายถึงเขาหรือเปล่า?
ซูซีมู่รู้สึกราวกับว่าตนเองเกิดภาพลวงตา
เฟยเอ๋อชอบเขา?
ซูซีมู่มองไปที่โล่เฟยเอ๋ออย่างเหม่อลอยและถามว่า “คนที่ชอบที่เธอพูดเมื่อกี้หมายถึงใคร?”
“อะไร?” โล่เฟยเอ๋อกำลังด่าทออย่างเมามันอยู่จึงไม่ได้ยินคำพูดของซูซีมู่ไม่ชัด
ซูซีมู่ทวนอีกรอบ “เธอบอกว่าคนที่ชอบไม่ต้องการเธอแล้ว คนนี้หมายถึงใคร?”
คำถามของเขา ทำให้โล่เฟยเอ๋อนึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้
ดูเหมือนว่าที่ผ่านมาเธอยังไม่เคยบอกซูซีมู่ว่าเธอชอบเขา
ทำไมเธอโง่อย่างนี้ล่ะ? เอาแต่ไล่ตามเขาเพื่อต้องการอธิบาย แต่กลับไม่เคยบอกเขา เธอมาตามหาเขาก็เพราะว่าชอบเขา
ทันใดนั้นภายในใจของโล่เฟยเอ๋อก็มีประกายแห่งความหวังที่ริบหรี่ขึ้นมา จากนั้นเงยหน้าสบตาซูซีมู่แล้วพูดอย่างชัดเจนว่า: “ซูซีมู่ คนที่ฉันชอบก็คือนาย”
คำตอบของโล่เฟยเอ๋อยังคงฉายซ้ำไปซ้ำมาภายในหัวของเขา เขาแน่ใจว่าเขาไม่ได้ฟังผิด
เฟยเอ๋อบอกว่า คนที่เธอชอบคือเขา
คาดไม่ถึงว่าคนที่เขาคิดว่าไม่ชอบเขากลับบอกชอบเขา
สำหรับเขาแล้ว ขอแค่โล่เฟยเอ๋อสนใจเขาขึ้นมาอีกนิด เขาก็พอใจเกินจะเยียวยาแล้ว แต่ตอนนี้เธอบอกว่าชอบเขา ในเวลานี้เขารู้สึกว่าโลกทั้งใบเปลี่ยนเป็นสวยงามขึ้นมาทันที
ความเงียบของซูซีมู่ ทำให้โล่เฟยเอ๋อหมดหวังอย่างสิ้นเชิง
พอบอกเขาว่าเธอชอบเขาก็ยังไม่ได้เหรอ?
“ฉันเข้าใจแล้ว ตอนนี้สายไปแล้วสินะ?” รอยยิ้มบนใบหน้าของโล่เฟยเอ๋อดูเศร้าสร้อย
ซูซีมู่ได้สติกลับคืนมาและเห็นว่ารอยยิ้มบนใบหน้าของโล่เฟยเอ๋อช่างดูเศร้าสร้อย ก็ตกใจแล้วเรียกชื่อเธอ “เฟยเอ๋อ…”
โล่เฟยเอ๋อไม่ตอบเขา เพียงแค่พูดต่อโดยที่ไม่หันมา: “ฉันคิดมาโดยตลอดว่า ขอแค่ฉันหานายเจอ แล้วขอโทษนายดีๆ นายคงจะให้อภัยฉัน พวกเราก็จะกลับมาดีกันเหมือนเดิม ดังนั้นเลยไม่ได้คิดถึงความรู้สึกนายมาก่อน ทำให้นายรำคาญแล้ว ขอโทษนะ…”
พอได้ยินคำพูดดูถูกตนเองของโล่เฟยเอ๋อ ซูซีมู่ก็ขมวดคิ้วแน่น กำลังอยากจะเอ่ยปากพูด ก็ได้ยินโล่เฟยเอ๋อบอกว่า: “เรื่องทุกอย่างก่อนหน้านี้ ขอโทษนะ ฉันจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว ฉันจะรีบกลับประเทศ จะไม่…”
คราวนี้ซูซีมู่ไม่รอให้โล่เฟยเอ๋อพูดจบ ก็ยื่นมือออกไปกดไหล่ของเธอไว้ ให้เธอนิ่งอยู่กับที่และจ้องตาเธอด้วยความจริงจังและ ตั้งใจ “เฟยเอ๋อ เธอใจเย็นก่อน แล้วฟังฉัน”
โล่เฟยเอ๋อตะลึงอยู่สักพัก จากนั้นพยักหน้า “นายพูดสิ ฉันกำลังฟัง”
“เฟยเอ๋อ…” ซูซีมู่จับต้องโล่เฟยเอ๋ยเป็นเวลานาน แล้วพูดต่อ: “ในตอนที่แต่งงานกัน ฉันมั่นใจมาก ถึงแม้เธอจะมีคนที่ชอบ แต่ฉันก็มั่นใจ ขอแค่เธอแต่งงานกับฉันแล้ว ต้องมีสักวันที่เธอชอบฉัน งานแต่งงานวันนั้น เธออยากยุติงานแต่งงาน ฉันถึงได้ยื่นข้อเสนอเพื่อปิดปากเธอ ฉันต้องการให้เธออยู่ข้างกายฉัน ถึงแม้ว่าเธอจะไม่มีวันชอบฉันก็ตาม ต่อมาความสัมพันธ์ของพวกเราใกล้ชิดกัน ทำให้ฉันคิดว่าเรื่องระหว่างพวกเราพอมีความหวังแล้ว มีความหวัง ทำให้ฉันดีใจมาก แต่ผลสุดท้ายพวกเราก็แยกจากกัน”
โล่เฟยเอ๋อเคยได้ยินเรื่องพวกนี้จากปากโจวเฉิง แต่มันเทียบไม่ได้กับตอนที่ได้ยินจากปากของซูซีมู่ อ่อนไหวขนาดนี้ ปวดใจขนาดนี้
“ซูซีมู่ ขอโทษนะ ขอโทษ…” โล่เฟยเอ๋อร้องไปด้วยเอ่ยขอโทษอย่างแผ่วเบาไปด้วย
ซูซีมู่เดินมาตรงหน้าของโล่เฟยเอ๋อ ยื่นมือออกไปเช็ดน้ำตาที่หล่นร่วงลงมาบนใบหน้าของเธอ แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนว่า: “ฉันเคยว่าแล้ว เธอไม่จำเป็นต้องขอโทษฉัน”
เมื่อก่อนโล่เฟยเอ๋อไม่เข้าใจความหมายคำพูดนี้ของซูซีมู่ แต่ตอนนี้เธอเข้าใจแล้ว แต่กลับสายไปแล้ว
“ฉันสำนึกผิดช้าไปแล้ว ช้าเกินไปแล้ว…”
“ไม่หรอก” ซูซีมู่ส่ายหน้า หลังจากนั้นยกมือขึ้น แล้วช่วยรวบมือที่กระจายอยู่ข้างแก้มของเธอและพูดเบาๆ ว่า: “เธอบอกว่าชอบฉัน ดังนั้นฉันยอม ยอมให้โอกาสพวกเราอีกครั้งหนึ่ง”
โล่เฟยเอ๋อนิ่งอึ้งไป พอได้สติกลับมา เธอก็พูดว่าชอบกับซูซีมู่อย่างตื่นเต้นและดีใจครั้งแล้วครั้งเล่า “ซูซีมู่ฉันชอบนาย…ซูซีมู่ฉันชอบนาย…”
เพราะว่าร้องไห้นานเกินไปแล้ว เสียงของโล่เฟยเอ๋อจึงแหบมาก ซูซีมู่กลัวว่าลำคอของเธอจะมีปัญหา เลยหยุดเธอไว้ “ฉันรู้แล้ว”
โล่เฟยเอ๋อตอบ ‘อืม’หนึ่งคำ จากนั้นยกมือโอบรอบเอวเขาไว้แล้วฝังศีรษะไว้ในอ้อมแขนของเขา
ซูซีมู่โอบเอวเธอไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง ส่วนมืออีกข้างหนึ่งลูบหลังเธอด้วยความรัก
หลังจากที่ทั้งสองคนกอดกันบนถนนเป็นเวลานาน โล่เฟยเอ๋อที่อยู่ในอ้อมแขนของซูซีมู่ก็เอ่ยถามอย่างไม่สบายใจว่า “ซูซีมู่ พวกเราเริ่มต้นกันใหม่ดีไหม?”
ซูซีมู่จับมือของโล่เฟยเอ๋อไว้แน่น จากนั้นเข้าไปใกล้ๆ หูของเธอและพูดเบาๆ ว่า “ตกลง”
พอคำว่าตกลงผ่านเข้ามาในหูของโล่เฟยเอ๋อ ดวงตาของโล่เฟยเอ๋อก็มีน้ำตาออกมาอีกครั้ง แต่คราวนี้เป็นน้ำตาแห่งความสุข
“พอแล้ว ไม่ต้องร้องแล้ว” ซูซีมู่เช็ดน้ำตาของโล่เฟยเอ๋อพร้อมกับพูดว่า: “เราจะกลับจีนด้วยกันดีไหม? หืม?